@วันต่อมา
ที่โรงเรียนของน้องสกาย... "น้องสกายครับ ตอนเข้าไปพบคุณครูน้องสกายต้องพูดความจริงทุกอย่างนะครับห้ามโกหกเด็ดขาด" "ครับแม่" ฉันเชื่อว่าทุกอย่างที่ลูกพูดมันเป็นความจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ปกครองอีกฝ่ายจะเอาเรื่องหรือเปล่า แต่เท่าที่คุณครูบอกมันก็เป็นเพียงการทะเลาะวิวาทของเด็กสองคนก็เท่านั้น และที่เรียกผู้ใหญ่มาก็เพื่อจะตักเตือนและบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง "ไม่เป็นอะไรนะครับไม่ต้องกลัว แม่จะอยู่ข้างๆ หนูเอง" ฉันปลอบโยนลูกตามประสาคนเป็นแม่ "ครับ" แต่ถ้าลูกของฉันผิดจริงๆ ฉันก็จะให้แกขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น @ผ่านไปสักพัก "เชิญผู้ปกครองเข้ามาได้เลยค่ะ" "ค่ะ" ฉันกับน้องสกายเดินเข้าไปนั่งรอในห้องของคุณครูเพื่อรอผู้ปกครองอีกฝ่ายมา จนกระทั่ง... "ผู้ปกครองของเด็กชายอัศวินใช่หรือเปล่าคะ" "ครับ ผมเป็นอาครับ" "....." ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่ต้นเสียง ก่อนจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างเมื่อท่านประธานคือผู้ปกครองของเด็กที่น้องสกายไปมีเรื่องด้วย "คุณคิน" ฉันพูดขึ้นเบาๆ "เชิญนัั่งเลยค่ะ" "ครับ" "เอาล่ะนักเรียนทั้งสองคน ต่อไปนี้คุณครูจะให้นักเรียนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองฟัง" "ครับ/ครับ" "เล่ามาเด็กชายสกาย" "ที่ผมต่อยอัศวินเพราะอัศวินมาว่าผมเป็นลูกไม่มีพ่อครับ แถมยังล้อผมด้วยว่าไอ้เด็กมีปัญหาครับ" "เด็กชายอัศวินมีอะไรจะแก้ตัวมั้ยครับ" "ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ ผมไม่ได้พูดโกหกตรงไหนเลย ก็สกายไม่มีพ่อจริงๆ นี่นา คุณอาเคยสอนผมว่าเป็นเด็กห้ามพูดโกหกไม่ใช่เหรอครับ" "อ่า...อัศวินครับ ที่อาสอนก็เป็นความจริงนะครับ แต่การพูดแบบนี้มันไม่ดีเลย แล้วเพื่อนรู้สึกยังไงเรารู้หรือเปล่า ที่เพื่อนโกรธมันก็ถูกแล้ว" "....." "เอาล่ะ อาพอจะรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมถึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันได้ อัศวินต้องขอโทษเพื่อนนะครับ" "ถ้าอย่างนั้นสกายก็ต้องขอโทษผมด้วยเพราะสกายต่อยผม" "แน่นอนอยู่แล้วครับ น้าให้สกายขอโทษหนูอยู่แล้วเพราะสกายก็ผิดเหมือนกัน เรื่องนี้น้าไม่โทษใครฝ่ายเดียวนะ เราสองคนผิดกันทั้งคู่" "ขอโทษครับคุณน้า" "ไม่เป็นอะไรนะครับคนเก่ง ต่อไปก็เล่นด้วยกันดีๆ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับ" "ครับ เราขอโทษนะสกายที่พูดแบบนั้นใส่" "อื้อ เราก็ขอโทษเหมือนกันที่ต่อยนาย" "....." เห็นแบบนี้ฉันก็รู้สึกโล่งอกเหมือนกันนะ ยังดีที่เด็กทั้งสองคนเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ดูจากการพูดจาแล้วเด็กคนนี้ถูกสอนมาดีแน่นอน แต่แกแค่ยังไม่เข้าใจกับการพูดอะไรออกไปก็เท่านั้นเอง มันไม่โกรธหรอกนะ เพราะมันก็เป็นความจริง และฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อแท้ๆ ของสองแฝดเป็นใคร แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากให้พูดถึงมันหรอก "เอาล่ะ ที่คุณครูเรียกผู้ปกครองมาวันนี้เพื่อที่จะมาตักเตือนพวกเราให้ผู้ปกครองได้ยิน คุณครูจะตีเราสองคนคนละหนึ่งทีเพื่อเป็นการลงโทษ จะมีใครมีปัญหาอะไรมั้ย" "ไม่มีครับ" ทั้งสองตอบพร้อมกัน และแล้วทั้งสองคนก็ถูกคุณครูตีไปตามระเบียบ ส่วนฉันเองก็คงจะได้กลับไปทำงานต่อเหมือนเดิมเพราะหมดเรื่องวุ่นวายแล้ว "แม่กลับไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นลุงหมอกก็มารับเหมือนเดิม เล่นกันดีๆ นะครับอย่าทะเลาะกันอีก" "ครับแม่" ฉันเดินออกมารอรถแท็กซี่ที่หน้าโรงเรียนของน้องสกาย ปี๊บ! ปี๊บ! "....." "ขึ้นรถสิ ยังไงก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว" "ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันนั่งรถแท็กซี่ไปเองดีกว่า" ฉันไม่อยากถูกคนในบริษัทมองว่าทำงานเป็นเลขาได้ไม่นานก็เริ่มสนิทสนมไปไหนมาไหนกับเจ้านายแล้ว เรื่องแบบนี้ฉันได้ยินมาตลอดกับเลขาคนเก่าที่เคยทำงานอยู่กับประธานบริษัทคนก่อนหน้านี้ "ขึ้นมาเถอะ" "....." ฉันยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งยังเบาะด้านหน้าข้างๆ กับคุณเวคิน @บนรถ "นี่เหรอธุระที่คุณว่า" "ค่ะ" "ผมก็มีธุระที่นี่เหมือนกัน ไม่คิดว่าเราจะมาเรื่องเดียวกัน" "....." ไม่ใช่แค่เขาที่คิดแบบนั้น ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่ "คุณมีลูกแล้วเหรอ?" "ค่ะ" "แล้วสามีล่ะ?" "ไม่มีค่ะ" "....." ฉันนั่งเงียบจนกระทั่งมาถึงบริษัท ฉันรู้สึกเกร็งยังไงก็ไม่รู้ทุกครั้งที่ได้อยู่กับคุณเวคินสองต่อสอง เขาดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่มากจนฉันไม่กล้าจะเล่นอะไรด้วยเลย เอาจริงๆ ทำงานแบบนี้มันก็ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วล่ะ แต่ฉันไม่เคยอยู่ที่ไหนแล้วรู้สึกเกร็งไม่เป็นตัวของตัวเองมากเท่านี้มาก่อนเลย @เวลาผ่านไป ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขออนุญาตค่ะคุณคิน พอดีว่าผู้จัดการมีเอกสารด่วนมาให้เซ็นค่ะ ดิฉันตรวจสอบแล้วเป็นเอกสารการรับสินค้าจากต่างประเทศค่ะ" "ขอบคุณมาก คุณชงกาแฟเป็นหรือเปล่า?" "เป็นค่ะ คุณคินต้องการแบบไหนคะ" "เอากาแฟธรรมดานี่แหละ ไม่หวานนะ" "ได้เลยค่ะ สักครู่นะคะ" อยู่บ้านฉันชงกาแฟให้พี่หมอกกินบ่อยก่อนไปทำงาน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติกาแฟของตัวเองจะถูกปากคุณเวคินหรือเปล่า แต่มันก็คงไม่อร่อยเท่าร้านกาแฟหรูๆ หรอก 5นาทีต่อมา "ได้แล้วค่ะกาแฟ" "อาทิตย์หน้าผมต้องบินไปดูงานที่ต่างจังหวัด ต้องมีคนติดตามไปด้วย คุณสะดวกหรือเปล่า" "คุณคินจะไปกี่วันเหรอคะ" "ประมาณสามวัน เดี๋ยวจองโรงแรมเอา" "ฉันขอกลับไปปรึกษาคนที่บ้านก่อนได้หรือเปล่าคะ?" "ตามใจสิ" "ขอบคุณค่ะ" "เรื่องลูกของคุณ ผมขอโทษแทนหลานของผมด้วยนะ" "ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แกยังไม่รู้จักอะไรมากมายหรอกค่ะ ก็พูดไปตามประสาเด็กนั่นแหละ" "ผมเป็นคนสอนให้แกพูดความจริงไม่โกหกผู้ใหญ่ แต่ไม่คิดว่าแกจะเอามาพูดแบบนี้" "สอนให้เด็กรู้จักพูดความจริงไม่โกหกมันดีแล้วค่ะ แต่เรื่องไหนที่พูดออกไปแล้วมันไม่ดีก็ค่อยบอกกับแกทีหลังว่ามันไม่ควร" "ดูคุณสอนลูกมาดีเหมือนกันนะ" "ขอบคุณมากค่ะ" "เอาไว้วันไหนว่างๆ ผมขอเชิญคุณกับลูกไปทานข้าวด้วยกันนะ ถือว่าเป็นคำขอโทษจากผม" "ไม่เป็นอะไรดีกว่าค่ะ ฉันไม่ค่อยสะดวก" "....." "ขอตัวก่อนนะคะ" "อืม"6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้