@ต่างจังหวัด
“ผมจองห้องพักไว้สองห้องนะ คุณก็พักอยู่อีกห้องนึง” “ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ “นี่คีย์การ์ด” “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับคีย์การ์ดมาแล้วถือกระเป๋าเดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อขึ้นด้านบน “เดี๋ยว” “คะ?” “พักผ่อนให้เพียงพอ ตอนเช้าและเย็นจะมีพนักงานโรงแรมเอาอาหารมาให้ ส่วนตอนกลางวันเราก็ไปหากินข้างนอกกัน แต่ถ้าเธออยากจะกินอะไรนอกเหนือนั้นก็ซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาเอง” “ค่ะ” “แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า” “ค่ะ แล้วเจอกัน” จากนั้นฉันก็แตะคีย์การ์ดเข้าห้องพักของตัวเองทันที ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองใส่ตู้อาบน้ำเตรียมตัวที่จะนอนพักเพื่อลุยงานในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าฉันจะต้องเจออะไรบ้าง งานเป็นแบบไหน คนที่จะมาร่วมงานด้วยเป็นแบบไหน จะคุยง่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> พี่หมอก “ค่ะพี่หมอก” ( เป็นไงบ้างถึงหรือยัง ) “ถึงได้สักพักแล้วค่ะพี่หมอก เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังจะนอนพักแล้วค่ะ” ( โอเค พี่โทรมาถามแค่นี้แหละ พักเถอะนะไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก สองแฝดไม่ได้ดื้ออะไร ) “ฝากดูแลพวกแกด้วยนะคะ เสร็จงานแล้วมายจะรีบกลับ” ( จ้ะ แค่นี้นะ พักผ่อนเถอะฝันดีครับ ) “ฝันดีค่ะ” ฉันวางสายจากพี่หมอกก่อนจะล้มตัวลงนอน พี่หมอกก็เป็นคนแบบนี้แหละคอยเป็นห่วงเป็นใยฉันตลอดไม่ว่าฉันจะโตแค่ไหน คอยโทรถามอยู่ตลอดว่าฉันเป็นยังไงบ้าง ทำเหมือนกับว่าเรายังเป็นเด็กๆ กันอยู่เลย แต่ในความเป็นจริงตอนนี้เราต่างคนก็โตกันหมดแล้ว ฉันก็เคยคิดที่อยากจะถามนะว่าทำไมพี่หมอกถึงไม่มีครอบครัว ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาให้ฉันรู้จักและฉันก็ไม่เคยได้ข่าวว่าพี่หมอกชอบใครเลย แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งฉันไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายถึงจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็ควรเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของกันและกัน เพราะตั้งแต่วันนั้นพี่หมอกก็ไม่เคยถามถึงเรื่องที่ฉันเมาแล้วไปมีอะไรกับใครจนท้องอีกเลย คงไม่อยากตอกย้ำให้ฉันรู้สึกไม่ดี @เช้าวันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวและพนักงานของโรงแรมก็เอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงห้อง พอกินอิ่มแล้วก็ออกไปรอคุณคินที่หน้าห้อง ฉันไม่อยากไปสายยิ่งรู้ว่าเจ้านายเป็นแบบนี้อีก @ผ่านไปสักพัก "ผมนึกว่าคุณยังไม่เสร็จซะอีก" "ฉันเสร็จตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อก็เลยออกมายืนรอ" "ไปกันเถอะใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว" "ค่ะ" "คุณกินข้าวอิ่มแล้วใช่มั้ย" "เรียบร้อยแล้วค่ะ" คุณคินพาฉันไปขึ้นรถของเขาก่อนจะพาฉันออกไปจากโรงแรมมุ่งหน้าไปยังบริษัทแห่งนึง ก่อนที่จะเริ่มการประชุมอย่างเคร่งเครียด "ทั้งหมดที่ผมกล่าวเป็นเพียง3ใน10ของหุ้นครับ ถ้าคุณตกลงที่จะเจรจาเรื่องนี้ก็เซ็นสัญญาได้เลยครับ" "ผมอยากดูหน้างานก่อน" "พรุ่งนี้นะครับ วันนี้ไม่มีพนักงานคนไหนว่างเลย ผมเองก็มีธุระต้องไปทำต่ออีก" "ได้ครับ ว่าแต่พรุ่งนี้ผมจะต้องไปกับใคร" "เดี๋ยวผมให้เลขาส่วนตัวของผมพาไปครับ" "ครับ" เรื่องที่คุณคินมาเจรจาเป็นเรื่องหุ้นของบริษัทที่เราจะตกลงร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย เป็นการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ที่ติดกับริมทะเล และก็แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างค่อนข้างสูงเลยทีเดียว จึงจำเป็นต้องมีผู้ร่วมลงทุนมากกว่าหนึ่ง และบริษัทของคุณคินก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น แต่จะคุณคินตกลงหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องนึง "โอเคครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมขอไปดูหน้างานเองจะดีกว่า คุณบอกสถานที่มาได้เลยครับ" "เดี๋ยวผมให้เลขาส่งไปให้ทางเมลนะครับ" "โอเค กลับกันเถอะคุณมาย" "ค่ะ" ฉันรวบรวมเอกสารและสมุดที่เอาติดมาขึ้นก่อนจะเดินตามคุณคินออกไปด้านนอก "เรื่องนี้เรายังไม่ตกลงนะคุณมาย" "แล้วทางนั้นจะไม่เร่งรัดให้เราเซ็นสัญญาเหรอคะ?" "ก็เร่งแหละ แต่ผมไม่อยากลงทุนไปกับอะไรให้มันเสียเปล่า" "....." "ผมอยากให้แน่ใจกว่านี้ก่อน ว่ามันจะคุ้มกับเงินที่เราจะลงทุนหรือเปล่า" "ค่ะ" ก็อย่างว่าแหละทำธุรกิจใช้เงินเยอะขนาดนี้มันก็ต้องดูก่อนอยู่แล้วว่าเราจะคุ้มหรือเปล่า ไม่มีใครอยากเสียเงินฟรีๆ หรอก @โรงแรม "คุณอยากทำอะไรก็ไปทำได้เลยนะ ผมไม่มีอะไรจะใช้คุณหรอก" "เอ่อ...แต่นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะคะ" "แล้วคุณจะทำอะไร?" "....." ฉันก้มหน้าแล้วส่ายหัวไปมาเบาๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะทำอะไรหลังจากนี้ "ระวัง!" "ว๊าย!" ปึก! มีบางอย่างหล่นมาใส่แขนของคุณคินอย่างจัง ซึ่งของสิ่งนั้นมันก็จะตกลงมาโดนฉันนั่นแหละ แต่เขาผลักฉันออกไปแล้วก็โดนตรงแขนของตัวเองแทน "ขอโทษจริงๆ ครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ" "อือ...ไม่เป็นอะไรครับ คราวหน้าก็ระวังให้ดีหน่อย มันอาจจะไม่โชคดีเหมือนกับครั้งนี้ก็ได้" "ครับๆ ขอโทษจริงๆ ครับ" "คุณคิน" "กลับกันเถอะผมไม่เป็นอะไรหรอก" "ค่ะ คุณมีแผลนะคะ" "แค่แผลถลอก ผมไม่เป็นไรหรอก" "คุณไปรอฉันที่ห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบออกไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลมาให้ ปล่อยเอาไว้แบบนี้เดี๋ยวจะติดเชื้อเอา" "....." "เดี๋ยวฉันไปเคาะประตูห้องเองค่ะ" "อืม..." ฉันรีบเดินออกมาซื้ออุปกรณ์ทำแผลที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ กับโรงแรมทันที ก่อนจะรีบขึ้นไปด้านบน ก๊อก ก๊อก ก๊อก "คุณคินคะ" แกร้ก! "หึ้ย!" ฉันรีบเบี่ยงหน้าหลบทันที เพราะคุณคินเล่นใส่แค่ผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาเปิดประตู "ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้าให้ดีกว่านี้ล่ะคะ" "ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ เข้ามารอในห้องก่อนสิ" "....." "จะเข้ามามั้ย?" "ขะ เข้าๆ ค่ะ" นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่คิดจะทำแผลให้กับคุณคินในห้องของเขาเองด้วย แต่ก็นะเขาเจ็บตัวเพราะฉันนี่นา จะไม่มาดูแลเลยก็จะดูเป็นการใจร้ายใจดำมากเกินไป "นั่งรอก่อน ผมใส่เสื้อผ้าแป๊บนึง" "ค่ะ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาเตรียมเอาไว้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังเจ็บแผลอีกหรือเปล่า แต่มีเลือดไหลออกมาเลอะเสื้อสูทของเขา น่าจะเป็นแผลลึกพอสมควรเลย เลือดถึงได้ไหลออกมาขนาดนั้น วันแรกฉันก็ทำเจ้านายเจ็บตัวแล้ว ละฉันจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างล่ะเนี่ย6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้