บทนำ
@พระราชวังจากัวร์
เจ้าฟ้าชายคาร์ลอส คาร์ล แฮร์ริสันแวนส์ เจ้าชายแห่งสไมโลดอน ผู้เป็นองค์ชายรัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งบัลลังก์บริทแลนด์ และเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง แห่งจักรวรรดิบริทแลนด์
เจ้าชายคาร์ลอส มีพระชนมายุยี่สิบพรรษา พระองค์มีเส้นผมเป็นสีขาวมุก คิ้วสีขาวมุก นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล
พระองค์ทรงเป็นเจ้าชายที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพกรีก และไม่ใช่แค่ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างเดียว พระองค์ยังมีรูปร่างที่ไร้ที่ติ แขนขายาว มีซิกซ์แพ็กแน่นๆ ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง และรูปร่างสูงมากอีกด้วย พระองค์มีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบแปดเซนติเมตรเลยทีเดียว
เจ้าฟ้าชายคาร์ลอสก้าวเท้าเข้ามาในห้องบรรทมของพระราชบิดา เสียงรองเท้าหนังของเขาแทบจะไร้เสียง แต่ทุกก้าวที่เดินเข้ามาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เงียบแต่ทรงพลัง ราวกับเสือดาวหิมะที่ก้าวบนหิมะนุ่ม
สายตาของเจ้าฟ้าชายคาร์ลอสจ้องตรงไปที่เตียงของพระราชบิดา ไม่หันมองสิ่งอื่น ทุกจังหวะการก้าวเดินชัดเจนเหมือนคำนวณไว้แล้วล่วงหน้า แต่ละก้าวไม่มีคำว่าผิดพลาด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างลื่นไหล
เมื่อหยุดยืนที่ข้างเตียง สายตาของเขาลดระดับลง ราวกับกำลังประเมินบางอย่างอยู่ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกหนาวในอก มันไม่ใช่รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุข แต่มากพอจะบอกได้ว่ามีแผนชั่วร้ายบางอย่างในหัว
ในชั่วอึดใจเดียว รอยยิ้มก็หายไป เจ้าฟ้าชายคาร์ลอสกลับมาทำหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่เคยยิ้มมาก่อน เขาก้าวไปนั่งลงที่ขอบเตียงเบา ๆ โดยท่าทางของเขายังคงนิ่งสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความกดดันบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับห้องทั้งห้องนี้มีแค่เขาและแผนการที่กำลังก่อตัวอยู่ในใจ…
เจ้าฟ้าชายคาร์ลอสมองพระราชบิดาที่นอนอยู่บนเตียง ที่ดูอ่อนแรงราวกับคนใกล้ตาย และร่างกายก็ดูไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พระราชบิดาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เหลือบมองมาทางพระราชโอรสเล็กน้อย ราวกับรู้ตัวอยู่แล้วว่าจะถูกปลุกเหมือนทุกวัน
สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง นั้นทรงเป็นกษัตริย์แห่งบริทแลนด์องค์ปัจจุบัน ส่วนพระชายา คือ สมเด็จพระราชินีอาลิเซีย ออกุสโต โจฟ ซานดาส ซึ่งราชินีอาลิเซีย เป็นพระราชธิดาพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชาธิบดีโรดอลโฟที่สี่ แห่งราชวงศ์อัลลิเพกาซัส ประเทศซาเรสตา
เจ้าหญิงอาลิเซีย ได้อภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองแห่งจักรวรรดิบริทแลนด์ เจ้าหญิงอาลิเซียจึงได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระราชินีอาลิเซีย แห่งจักรวรรดิบริทแลนด์ ทว่าปัจจุบันสมเด็จพระราชินีอาลิเซียเสด็จสวรรคตตั้งแต่สองปีที่แล้วด้วยโรคมะเร็ง
“เสด็จพ่อ ได้เวลาเสวยพระโอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สมเด็จเจ้าฟ้าชาย ประคองพระบิดาลุกขึ้นมานั่ง แล้วป้อนยาอย่างอ่อนโยน เหมือนทุกวัน
”แค่กๆ แค่กๆ”
หลังจากที่ทานยาไปเพียงหนึ่งเม็ด กษัตริย์คาร์โลก็มีอาการไอพร้อมสำลักเลือดออกมา เจ้าฟ้าชายคาร์ดอสเห็นอย่างนั้นก็ลอบยิ้มมุมเบาๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูเหมือนเห็นใจพระราชบิดา
”เสด็จพ่อ เสวยพระโอสถแล้วอาการเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ“ องค์รัชทายาทรีบหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดเลือดออกจากริมฝีปากของพระราชบิดาอย่างเบามือ
“อาการของพ่อไม่ดีขึ้นเลย...พ่อคงหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วล่ะ...อีกไม่นานพ่อคงต้องไปอยู่กับแม่ของลูกแล้ว”
กษัตริย์หลับตาลงช้า ๆ พลางส่ายศีรษะเบา ๆ ราวกับไม่อยากยอมรับความจริง กษัตริย์รู้ว่าชีวิตของตัวเองกำลังเดินทางมาถึงจุดจบในอีกไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้น พระทัยก็ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับชะตากรรมนี้…
“ลูกเชื่อมั่นว่าเสด็จพ่อจะทรงพระอาการดีขึ้น ลูกจะเสาะหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมารักษาเสด็จพ่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวรให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
”แค่กๆ“ กษัตริย์คาร์โลไอเป็นเลือดออกมาอีกครั้ง
“เฮ้อ หมอที่เก่งๆ มารักษากี่คนอาการของพ่อก็ไม่ดีขึ้นเลย หนำซ้ำยิ่งรักษาก็ยิ่งอาการแย่ลง พ่อไม่หวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วล่ะ ก่อนจะจากไป พ่อจะเคลียร์งานที่ทำค้างให้เสร็จ จะได้จากไปแบบไม่มีห่วง“
”เสด็จพ่ออย่าตรัสเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ตอนนี้ลูกอายุยี่สิบแล้ว ลูกมีความรู้มากพอที่จะช่วยงานของเสด็จพ่อได้แล้ว ให้ลูกช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
”ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ร่างกายของพ่อก็ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อจะมีชีวิตอยู่รอดถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า“
”เสด็จพ่ออย่าตรัสเช่นนั้นอีกเลย เสด็จพ่อจะต้องมีิพระชนมายุยืนยาวหมื่นๆ ปี พ่ะย่ะค่ะ“
“เฮ้อ ต่อให้พ่ออยากจะมีชีวิตอยู่ถึงหมื่นปี แต่ร่างกายของพ่อถึงขีดจำกัดแล้ว ตอนนี้พ่อเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ก่อนที่พ่อจะจากโลกนี้ไป พ่อจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย หลังจากที่พ่อสวรรคต จะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย มีปัญหาตามมาทีหลัง”
“เสด็จพ่อ...” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลขององค์รัชทายาทมีน้ำตาคลอ
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป พรุ่งนี้ให้สมาชิกสภาขุนนางเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการเตรียมพระราชพิธีราชาภิเษกสำหรับกษัตริย์พระองค์ใหม่”
กษัตริย์คาร์โลออกคำสั่งกับ ไอแซ็ก ผู้เป็นเลขาธิการส่วนพระองค์ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
มุมปากหนาของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสลอบยกยิ้มอย่างร้ายกาจ แม้สีหน้าที่แสดงออกไปจะเศร้าเสียใจกับอาการป่วยร่อแร่ของพระราชบิดา ทว่าภายในใจนั้นกลับมีความสุขจนแทบจะล้นทะลักออกมา
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาท”
”ก่อนจะขึ้นเป็นกษัตริย์ ลูกต้องอภิเษกสมรสก่อน ตอนนี้ลูกมีผู้หญิงเอาไว้ในใจบ้างหรือยัง”
”พ่ะย่ะค่ะ ลูกต้องใจเจ้าหญิงแห่งวูล์ฟมาได้สักพักแล้ว แต่ว่าเจ้าหญิงองค์นั้นไม่ได้ต้องใจลูก...เธอต้องใจชายอื่น”
เจ้าหญิงแห่งวูล์ฟ ที่เจ้าฟ้าชายต้องใจ ก็คือเจ้าหญิงแอนเจลีก้า คริสตียาน โอลีเวีย เครสซิด้า เจ้าหญิงแห่งเฮลิโอสและสโคลเดน
เจ้าหญิงแอนเจลีก้า เป็นเจ้าหญิงจากประเทศพันธมิตร ซึ่งบริทแลนด์ เป็นประเทศตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป ส่วนประเทศของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป
”เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจ แค่ลูกต้องใจก็พอแล้ว อำนาจของพวกเราสามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ ลูกจะเอาใครมาเป็นพระชายาก็ได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีคนในใจอยู่แล้วก็ตาม ลูกพ่ออยากได้ ก็ต้องได้ ใครกล้าขวางพ่อจะทำลายให้สิ้นซาก”
“ทำเช่นนั้นจะไม่เป็นการบังคับอีกฝ่ายหรือพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเจ้าหญิงแห่งวูล์ฟก็เหมือนจะมีว่าที่พระคู่หมายอยู่นานแล้ว”
”บังคับแล้วยังไง? เราเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก เราจำเป็นต้องสนด้วยงั้นเหรอ? จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ใคร่ได้ อยากได้ ก็ต้องได้ ไม่ต้องสนวิธีการ สนใจแค่ความพอใจของลูกก็พอ”
“ลูกจะจำเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”
”แล้วที่ลูกบอกว่าเจ้าหญิงแห่งวูล์ฟเหมือนจะมีว่าที่พระคู่หมายอยู่นานแล้ว ว่าที่พระคู่หมายคนนั้นคือใคร?”
”คนผู้นั้นเป็นสหายของลูกพ่ะย่ะค่ะ เราเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในคณะเดียวกัน และเป็นชนชั้นสูงเหมือนกัน ลูกก็เลยได้รู้จักกับสหายผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ“
”ชนชั้นสูงเหมือนกัน? สหายของลูกเป็นเจ้าชายจากประเทศไหน พ่อจะได้ต่อสายตรงโทรไปขอเจ้าหญิงแห่งวูล์ฟจากคนผู้นั้นให้“
“แย่งว่าที่พระคู่หมายของเพื่อนมาเป็นของตัวเอง...จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีหรือไม่ดี ไม่ต้องสนใจ สนใจเพียงเป้าหมายที่ต้องการก็พอ สหายของลูกผู้นั้น คือใครกัน ยิ่งใหญ่กว่าเราหรือไง ทำไมลูกถึงได้ดูเกรงใจนัก”