ต้นเหตุของพรหมลิขิต
ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน... ครืดดดดดด ครืดดดดด เสียงมือถือเครื่องดำสั่นสะเทือนขยับเคลื่อนไปตามเบาะหนังสีดำเลื่อมภายในรถยนต์สุดหรู สายตากลมหวานมองไปที่หน้าจอรถ ที่เชื่อมต่อบลูทูธเอาไว้อยู่แล้ว พอเห็นว่าเป็นชื่อของใคร มือบางเล็กของคนขับก็เอื้อมไปหยิบขึ้นมาแล้วกดรับสาย ก่อนจะกรอกเสียงหวานให้กับปลายสายทันที “ฮัลโหล” ‘นี่ยัยลี่...อยู่ไหนแล้ว ทำไมยังไม่มาสักที’ เสียงของเมย์ เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกับเธอ กรอกเสียงมาตามสาย เมื่อเจ้าของมือถือเครื่องดำกดรับ “จะถึงแล้วๆ ตอนนี้กำลังหาที่จอดรถอยู่ที่ลานจอดรถ” ลิลลี่ตอบกลับ ‘ทำไมแกไม่จอดด้านหน้าแล้วให้การ์ดขับไปจอดให้ล่ะ’ “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวตอนกลับเผื่อว่าเมาแล้วหารถตัวเองไม่เจอ แค่นี้แหละๆ เดี๋ยวเข้าไปแล้ว” ลิลลี่บอกเพื่อน ก่อนจะกดตัดสายไปทันทีที่เธอได้ที่จอดรถ ร่างบางอรชรอ้อนแอ้นก้าวลงจากรถ หญิงสาวใบหน้าเล็กสวยรูปไข่ ปากเล็ก จมูกหน่อย หน้าตาจิ้มลิ้ม ผมลอนยาวสวยสีน้ำตาลอ่อนปล่อยสยาย รูปร่างเล็กในชุดมินิเดรสเกาะอกสั้นเหนือเข่ารัดรูปสีน้ำเงินประกายเมื่อต้องกับแสงของไฟนีออน สีน้ำเงินช่วยขับผิวที่ขาวอยู่แล้วให้ดูขาวยิ่งขึ้นไปอีก รองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปในตัวคลับอย่างไม่รอช้า เพราะเขามาสายกว่าเพื่อนที่มารอเธอมากแล้ว วันนี้ลิลลี่มีนัดเลี้ยงจบการศึกษาที่นี่ เธอเรียนจบแล้ว เหลือแค่เพียงส่งงานชิ้นสุดท้ายก็จะจบแบบสมบูรณ์ พวกเพื่อนๆ ของเธอจึงนัดกันมารวมตัวครั้งสุดท้ายที่นี่ในคืนนี้ “ทางนี้ๆ ยัยลี่!” เสียงของเมย์ตะโกนเรียกชื่อเธอ แข่งกับเสียงเพลงที่ดังก้องอยู่ทั่วคลับ พร้อมกับโบกมือหยอยๆ เรียกเธอ ลิลลี่เดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอทันที เพื่อนๆ ของเธอมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงห้องเดียวกัน ไม่พอมีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วบางคนมาร่วมแจมด้วย ดื่มกันไปได้สักพัก ลิลลี่ที่คออ่อนก็เริ่มมึนเล็กน้อย “น้องลิลลี่ ถ้าเรียนจบแล้วจะไปทำงานที่ไหนครับ” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยถามเธอขึ้น หลังจากนั่งกินกันได้สักพัก ซึ่งลิลลี่เองก็สังเกตได้ว่ารุ่นพี่คนนี้แอบมองเธอบ่อยๆ เหมือนกับว่ากำลังสนใจเธออยู่ “เอ่อ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ อาจจะไปทำที่บริษัทพี่ชาย ไม่ก็เปิดบริษัทของตัวเอง” ลิลลี่ตอบเขา “อื้อหือ ถ้าเปิดบริษัทรับพี่เข้าทำงานด้วยนะ” เขาพูดแซวหญิงสาว “ได้เลยค่ะ ถ้าพี่เต็มใจที่จะเป็นลูกน้องลี่อ่ะนะ” ลิลลี่ตอบกลับอย่างยิ้มๆ รอยยิ้มของเธอทำเอาชายหนุ่มถึงกับตะลึง “พี่เลี้ยงเหล้านะ” ชายหนุ่มคนเดิมยื่นแก้วเหล้าให้ แต่ลิลลี่กลับมองมันเฉยๆ ไม่ได้รับมาดื่ม “กลัวพี่จะใส่ยาลงไปเหรอ” เขาถามอย่างรู้ทันความคิดของหญิงสาว “ไม่ใช่ค่ะๆ” ลิลลี่รีบปฏิเสธ “ถ้าคิดว่าไม่ใช่ยาแล้วทำไมไม่กินล่ะครับ ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวพี่กินให้ดูด้วยก็ได้เอ้า!” พูดจบชายหนุ่มก็ยกเหล้าแก้วนั้นขึ้นดื่มไปครึ่งแก้วทันที เพื่อพิสูจน์ให้เธอมั่นใจว่าในนั้นไม่มียาจริงๆ “ชะ...เชื่อแล้วค่ะ แต่ที่ไม่กินเพราะว่า ถ้ากินไปลี่ก็เมาแย่สิคะ ลี่ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรจากการกินเหล้าแก้วนี้เลย” ลิลลี่ตอบชายหนุ่มตรงหน้า และหาข้ออ้างในการไม่กินเหล้าแก้วนี้ ชายหนุ่มที่ถือแก้วค้างไว้ เขาใช้อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบแบงก์ออกมาปึกหนึ่ง แบงก์เทาราวๆ 50 ใบเห็นจะได้ เขาเอามาพันรอบแก้วเอาไว้ แล้วยื่นให้ลิลลี่แบบยิ้มๆ “แล้วแบบนี้มีประโยชน์ขึ้นมาหรือยังครับ” เขาถาม “ก็พอได้” ลิลลี่ตอบ พร้อมกับยักไหล่แล้วยื่นมือเล็กไปหยิบเอาแก้วพร้อมกับเงินนั้นลงกระเป๋า และยกแก้วมาดื่มจนหมดแก้ว ลิลลี่ไม่ได้เดือดร้อนขัดสนเรื่องเงิน แต่เธอต้องรับเงินมาก็เพราะว่าเธอไม่จำเป็นต้องเมาโดยเปล่าประโยชน์ ชายหนุ่มเจ้าของแก้วเห็นแบบนั้นก็ถึงกับยิ้มกว้าง ที่หญิงสาวที่เขาหมายปองรับแก้วเขาไปดื่ม “เมย์ๆ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ลิลลี่เอ่ยบอกเพื่อน ก่อนที่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หลังจากนั่งไปได้สักพัก เธอเริ่มรู้สึกมึนเมามากกว่าเดิม อาจจะเพราะเหล้าแก้วนั้นที่ดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว “เออๆ ไปไหวไหม ฉันพาไปไหม” เมย์หันมาถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องๆ ฉันยังไหว ไปคนเดียวได้” ลิลลี่บอกเมย์ ก่อนจะเดินออกไปทันที ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งมองลิลลี่อยู่แล้วเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินออกไปเข้าห้องน้ำ เขาก็ลุกขึ้นตามไปในทันที ลิลลี่เดินโซเซมาจนเกือบจะถึงห้องน้ำ เธอยืนอยู่ข้างกำแพงที่เป็นสถานที่ของเหล่าผู้ชายเอาไว้สูบบุหรี่ ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ค่อยมีคนเท่าไร ลิลลี่รู้สึกร้อนๆ จากภายในร่างกาย เธอรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองกำลังโดนวางยาปลุกเซ็กแล้วแน่ๆ หมับ!! มือของใครบางคนคว้าเข้าที่ต้นแขนเรียวเล็กของลิลลี่ที่กำลังยืนพิงกำแพงเอาไว้ ไม่ให้ตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น สายตาพร่ามัวหันไปทางเจ้าของมือนั้นทันที “น้องลี่เมามากแล้ว ให้พี่ช่วยนะ” เสียงทุ้มแหบพร่าเข้ามาประชิดตัว พร้อมกับกระซิบข้างหู แม้ว่าลิลลี่จะมองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด แต่เสียงที่เธอคุ้นหูก็รู้ได้ในทันทีว่า เขาคนนี้คือใคร ‘เจ้าของเหล้าแก้วนั้น!!’ “ปละ...ปล่อย ลี่เดินเองได้!” ลิลลี่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างแรง แต่ก็ยังไม่หลุด เพราะตอนนี้แค่พยุงตัวเองให้ยืนเฉยๆ เธอยังทำได้ลำบากเลย “ยืนยังไม่ไหวเลยครับ ให้พี่ช่วยเถอะ” เขายังไม่ลดละความพยายามที่จะพาเธอได้ด้วย ลิลลี่ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนของเธอคนใดคนหนึ่งตามออกมาช่วย “ปล่อย...ลี่จะกลับบ้าน” ลิลลี่พยายามประท้วงขัดขืน แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มพาเธอมาที่ลานจอดรถ ตรงไปยังรถของเขา “ไปนอนพักในรถพี่ก่อน หายเมาแล้วค่อยกลับ” ชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “ไม่...ปล่อย!!!” ลิลลี่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างแรง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล เพราะนอกจากชายหนุ่มจะไม่ปล่อยมือจากเธอแล้ว ยังใช้มืออีกข้างโอบรอบเอวเล็กเอาไว้แล้วกระชับเข้าหาตัวแน่นขึ้นอีกด้วย “อย่าดื้อสิคะน้องลี่ ไปกับพี่ดีดี แล้วพี่จะอ่อนโยน” ชายหนุ่มรุ่นพี่กระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู น้ำเสียงน่าขยะแขยงสำหรับลิลลี่ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากเริ่มมีน้ำตาใสไหลอาบแก้ม “ถ้าจะเอากัน ก็ช่วยไปที่อื่น ตรงนี้ฉันจะเดิน!!” เสียงทุ้มต่ำบ่งบอกว่าหงุดหงิด กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้น ทำให้ทั้งลิลลี่และหนุ่มรุ่นพี่หันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน "ขอโทษด้วยนะครับที่ขวางทาง พอดีว่าผมทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย" รุ่นพี่เอ่ยปากบอกคนที่มาใหม่ "ไม่ได้อยากรู้ แค่ขวางทางกู" ชายคนเดิมตอบกลับมาแบบหน้านิ่ง แค่คำพูดของเขาก็ทำเอารุ่นพี่ที่จับแขนของลิลลี่ถึงกับชะงักเล็กน้อยด้วยความกลัวอยู่นิดหน่อย เพราะอีกฝ่ายดูจะเป็นคล้ายพวกนักเลงหรือมาเฟียผู้มีอำนาจอยู่พอสมควร "ชะ...ช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้จะลวนลามฉัน หมะ...เหมือนว่าเขาจะใส่อะไรให้ฉันกินด้วย" ลิลลี่ที่เริ่มรู้สึกไม่ดี ตัดสินใจสะบัดแขนรุ่นพี่ออกแล้ววิ่งไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทันที "จะให้ช่วยยังไงล่ะ ฉันจะช่วยทำไมในเมื่อช่วยแล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไรตอบแทนเลย" ชายหนุ่มก้มมองร่างเล็กที่วิ่งเข้าหาและปะทะกับอกเขา "ช่วยฉันจากผู้ชายคนนี้หน่อย ฉันไม่อยากเป็นเมียเขา อื้อออ" ร่างเล็กสั่นสะท้าน บอกเขาด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ จากสิ่งที่เธอกินเข้าไป ชายหนุ่มมองอาการของคนตรงหน้าแวบเดียวก็ดูออกว่าหญิงสาวโดนอะไร เพราะว่าที่บ้านของเขาเป็นคนผลิตมันขึ้นมาเอง "ไม่อยากเป็นเมียมัน แล้วอยากเป็นเมียฉันหรือยังไง?" ชายหนุ่มถามขึ้น พร้อมกับเลิกคิ้วสูง "มะ...ไม่ใช่สักหน่อย ช่วยฉันหน่อย จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ หรือจะเอาอะไรก็ได้ จะเป็นเงินหรือรถ หรือบ้านก็ว่ามาเลย แต่ตอนนี้นายช่วยฉันก่อน" หญิงสาวพยายามกระซิบบอกให้เขาช่วย "หึ เธอพูดเองนะ" เขาหัวเราะในลำคอ แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ "น้องลี่ครับ...มาหาพี่เถอะครับ เดี๋ยวพี่พากลับบ้าน น้องลี่เมามากแล้วไปอยู่กับคนไม่รู้จักมันอันตรายนะครับ" รุ่นพี่คนเดิมบอก แล้วทำท่าจะเดินไปดึงตัวลิลลี่มา "นี่แฟนลี่เองค่ะ ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จัก!" คนตัวเล็กหันไปตะโกนใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแหบพร่า รุ่นพี่ที่เห็นแบบนั้น เห็นท่าไม่ดี คิดว่าจะไม่ได้ตัวหญิงสาวกลับไป เขาก็ตรงเข้าไปจับแขนเล็กทันที แต่ก่อนที่จะออกแรงดึงแขนนั้นก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่แขนเขา ออกแรงบีบจนหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด "อยากตาย? ถึงได้กล้ายุ่งกับเมียกู!!" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้ม แต่ใบหน้ากลับนิ่งดุ "เมีย? ปละ...เปล่าครับ มีผัวตั้งแต่เมื่อไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ" รุ่นพี่พึมพำจบ ก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างเร็ว เมื่อหนุ่มรุ่นพี่วิ่งออกไปจากตรงนั้นแล้ว บริเวณนี้ก็เหลือแค่เพียงเขากับเธอเท่านั้น ชายหนุ่มมองคนในอ้อมกอดที่เขาโอบเอาไว้หลวมๆ คนตัวเล็กทั้งเมา ทั้งหอบเหนื่อยจากฤทธิ์ยา เขาไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงย่อตัวลงใช้สองแขนช้อนร่างบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วเดินไปยังรถของเขาทันทีSpecial คิลเลอร์และเมแกน 3 ปีต่อมา “เห้ย!! โคเยอร์ทางนี้ๆ” เสียงกลุ่มเพื่อนชายที่โบกมือเรียกโคเยอร์อยู่ที่โต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกเรียนในคณะของเขา “พวกมึงยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กูก็ส่งงานเสร็จละ จบละ” โคเยอร์ถามเพื่อน วันนี้เขามาที่คณะ เพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แต่พวกเพื่อนของเขาต้องเข้าเรียนเก็บชั่วโมงอีก หลังจากที่เขาแต่งงานและพักการเรียนไปได้สองปี เขาก็กลับเข้ามาเรียนใหม่จนจบได้ภายในปีเดียว “เพิ่งออกจากห้องเรียนเมื่อกี้ มารอเจอหลานกูก่อน มาๆ ให้กูอุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาโคเยอร์ ที่ในอ้อมแขนนั้นมีเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใส แก้มป่อง ผมสีดำขลับสั้นๆ แต่หยักศกเล็กน้อย ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วสร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย “กูขออุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาเด็กน้อยมาอุ้ม “มายุ่งกับลูกกูอีกแล้ว อยากอุ้มทำไมไม่มีเป็นของตัวเองกันวะ” โคเยอร์บ่นให้กับเพื่อน ที่รอจะเจอและอุ้มลูกเขา เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเอาลูกมาด้วย วันนี้ลิลลี่ไม่ว่าง
ลิลธิกาแต่งงานกับกฤตินนท์ นะ! (The End) “โคยมีอะไรจะบอกลี่ไหม?” เสียงของลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยถามชายคนรักที่กำลังทอดสายตามองไปด้านหน้าท้องถนน “แต่งงานกับโคยนะลี่” โคเยอร์เอ่ยขอคนรักแต่งงานด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง พวงมาลัยรถถูกหักเข้าข้างทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีแต่ป่าเขา ไร้ผู้คนและบ้านของผู้คนอยู่อาศัย เครื่องยนต์ของรถถูกดับสนิท โคเยอร์หันใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาลิลลี่ที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน “โคยมั่นใจแล้วใช่ไหมถึงพูดมันออกมา” ลิลลี่ถามย้ำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมั่นใจแค่ไหน ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอถึงที่บ้าน “มั่นใจ 100% เลย โคยรักลี่ รักมาก และก็รักลูกด้วย ตอนนี้โคยมั่นใจแล้วด้วยว่าสามารถดูแลลี่กับลูกได้ตลอดไปแล้ว ไม่อดตายแน่ แค่โคยยังเรียนไม่จบ เลยพักการเรียนไว้ก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยกลับไปเรียน” โคเยอร์บอกกับคนรัก พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบบริเวณหน้าท้องน้อยของคนรัก “มั่นใจแค่ไหนที่จะดูแลลี่ได้ตลอด” เธอถามกลับอีกรอบ “มั่นใจมาก ลี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยนะ ถึงโคยจะยังเรียนไม่จบ แต่โคยก็มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเป็นขอ
จุดจบคนไม่สำนึก! “ถ้าเธอไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อของเธอดู!” เสียงทุ้มแค่นเสียงเป็นเชิงเย้ยหยันพูดกับน้ำขิงที่นั่งกอดผู้เป็นพ่ออยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของทุกคน “ทำร้ายลูกกับหลานฉันอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ลูกกับหลานของฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แม้แต่นิดเดียว เธอกล้ามากนะ คงยังไม่รู้จักฉันสินะ” บอมพ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “แล้วแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมารุมฉันกับพ่อแบบนี้” น้ำขิงมองพวกเขาด้วยสายตาแค้นเคือง “แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกกับหลานของฉัน!” บอมพ์สวนกลับทันที อารมณ์โมโหเริ่มเก็บเอาไว้ไม่อยู่ จนลิลลี่สังเกตพ่อของตัวเองได้ “พ่อคะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อของโคยเถอะค่ะ ลี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ลิลลี่รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองเริ่มโมโห “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โคเยอร์รีบบอกพ่อของคนรัก แล้วค่อยๆ วางร่างเล็กให้ลงยืนที่พื้นอย่างเบาๆ มือเล็กของลิลลี่คว้าแขนของโคเยอร์เอาไว้ เหมือนเป็นการห้ามเบาๆ แบบไม่ต้องใช้เสียง สายตาคมก้มมองที่แขนของตัวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ค
ถ้าไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อเธอดู! “อาเขต!” โคเยอร์เอ่ยเรียกคนที่มาห้ามเขาไว้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขานั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขตนั้นตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เพราะเขามัวแต่สนใจคนที่อยู่ด้านในโกดัง “อย่าวู่วามครับนายน้อย หากบุ่มบ่ามเข้าไป คุณลิลลี่จะเป็นอันตรายได้” เขตบอกกับนายน้อยของตัวเอง “ผมโมโหจนลืม” โคเยอร์บอก เขาโมโหจนอยากจะจัดการคนทีี่มันทำกับลิลลี่เสียจนลืมนึกไปถึงความปลอดภัยของคนรักด้วย เพราะตอนนี้ลิลลี่อยู่ในมือของพวกมัน “หนะ...น้ำขิง!!” เสียงเล็กแหบของลิลลี่เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพิ่งฟื้นมาจากอาการสลบ เพราะลูกน้องของน้ำขิงเอาน้ำมาราดที่ตัวเธอจนรู้สึกตัวขึ้นมา “ฟื้นแล้วเหรอ? สำออยจริงนะ อุบัติเหตุแค่นี้ทำเป็นสลบ ทำไมไม่ตายไปเลยนะ!” เสียงน้ำขิงพูดเหน็บปนแช่งกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้า แต่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เธอ...จับฉันมาทำไม” ลิลลี่ถามคนที่จับเธอมา เธอไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองโดนจับมา และไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำขิง เพื่อนของโคเยอร์โกรธเธอขนาดนี้ “ก็...จับมาให้เป็นเมียไอ้พวกนี้ไง 5555” น้ำขิงพูด พร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เมื่อคิดไป
บุกช่วย...ถล่มโกมินทร์ “กะ...โกดัง หลังโกมินทร์ กะ...กรุป...” เสียงของคีรีพึมพำบอกพี่ชาย ก่อนที่เธอจะสลบไม่ได้สติไปในที่สุด “โกมินทร์...!” โคเยอร์พึมพำชื่อบริษัทที่ได้ยินน้องสาวบอก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่เป็นตัวการทำเรื่องแบบนี้คือใคร “อาเขต! ฝากยัยคีด้วย” โคเยอร์บอกกับเขต ก่อนจะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขตอุ้มร่างคุณหนูที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน พาไปที่รถเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะต่อสายหานายใหญ่ของตัวเองที่ตอนนี้อยู่บ้านของตระกูลอีแวนสัน รายงานเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน “นายครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถคุณหนูคีและคุณลิลลี่ถูกเบียดชนต้นไม้ ผมกำลังพาคุณหนูคีไปโรงพยาบาล ส่วนคุณลิลลี่ถูกจับตัวไปครับ” เขตรายงานเจ้านายแบบรัวๆ “เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?! แล้วลูกสะใภ้ฉันถูกจับไปที่ไหน มันเป็นใคร?!!” คิงส์ตะโกนเข้ามาในสายดังลั่น “โกดังหลังโกมินทร์กรุป ครับ” เขตไม่รอช้ารีบรายงานสถานที่ให้เจ้านายฟังทันที “เดี๋ยวกูไป!!” คิงส์บอกกับเขต “คุณไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนโกมินทร์กรุป เดี๋ยวผมไปจัดการเอง” บอมพ์กัดฟัน
คำบอกเล่า...และการปองร้าย! “พี่โคยเขารักพี่มากเลยนะคะ ที่สุดในชีวิตเลย” คีรีเอ่ยบอกพี่สะใภ้ตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สะใภ้คนนี้คงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นมีอิทธิพลต่อพี่ชายของเธอมากแน่ๆ ถึงได้งอนได้ หากรู้ว่าความจริงที่เธอจะบอกก็คงเข้าใจอะไรในตัวพี่ชายของเธอได้มากขึ้น “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ลิลลี่หันมามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า “ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ” “แล้วเราน่ะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโคยเหรอ” ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากคนอื่น นอกจากเจ้าตัวที่จะหาทางมาอธิบายกับเธอเอง “ใช่ค่ะ คีชื่อเต็มๆ ว่า คีรี เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่โคย อายุห่างกันประมาณ6-7 ปีเห็นจะได้” คีรีบอก “ถึงว่าพูดเก่งเหมือนโคยเลย” ลิลลี่บอกในขณะขับรถไปเรื่อยๆ “พี่ลี่คะ...พี่โคยไม่ใช่นักศึกษาตัวเปล่านะคะ คีรู้ว่าพี่อยากให้พี่โคยมาบอกเอง แต่คีอยากบอกว่าพี่โคยตั้งใจและรักพี่มากๆ มากจนยอมรับช่วงต่อธุรกิจสายดำของพ่อทั้งหมดเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแกจะขอรับแค่ธุรกิจขาวกับเทาบางส่วนเท่านั้น แล้วจะปล่อยให้สายดำเจ๊งหรือเงียบหายไปเอง ตระกูลของพี่ก็เป็นมาเฟียใหญ่เหมือนกัน พี่คงเข้าใจและก็มี