LOGINเมื่อรถของทนายเล่นไปลับตา ขณะที่กำลังจะก้าวเท้ากลับเข้าไปในบ้าน พลันสายตาของโซเฟียเหลือบไปเห็นแสงไฟริบหรี่รำไร เล็ดลอดออกมาจากบ้านของนอร่าห์
อยู่ๆ โซเฟียก็ฉุกคิดได้ถึงบางอย่าง ‘หรือแสงไฟจากบ้านของนอร่าห์ที่เห็นอยู่นั้น…มันคือการบอกใบ้จากพระเจ้า ชี้ให้เธอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์’
เมื่อคิดดังนั้น เธอจึงไม่รอช้า รีบก้าวยาวๆไปตามทางเดินที่มุ่งสู่บ้านของนอร่าห์ในทันที
ขณะที่โซเฟียกำลังก้าวเดินไปตามทางดินแคบๆ บ่ายหน้าไปตามทิศทางที่มุ่งสูฟาร์มของนอร่าห์ ระหว่างนั้นสายตาพลันปะทะเข้ากับแสงไฟเรืองๆที่สาดมาจากหน้ารถ วูบวาบลอดพุ่มไม้มาไกลๆ
โซเฟียนึกแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นรถของจอร์จที่เพิ่งแล่นจากไปเมื่อครู่ไม่ใช่รึ? เหตุใดเขาจึงย้อนกลับมา
โซเฟียยังคงไม่หยุดเดิน รถสีดำคันใหญ่ที่มีร่างของจอร์จเป็นคนขับ เลาะเลียบมาใกล้เธอ กระทั่งเขาหยุดรถ ไขกระจกลงช้าๆ
“โซเฟีย…” เขาเรียก
“คุณนั่นเอง…มีอะไรหรือเปล่าจอร์จ”
“พอจะมีเวลาสักครู่ไหม ฉันอยากจะคุยธุระที่ค้างคาเอาไว้เมื่อครู่ ให้มันจบๆไป”
ยอร์จยื่นใบหน้าออกมาถาม โซเฟียหารู้ไม่ว่าสิ่งที่จอร์จค้างคาจนต้องเลี้ยวรถกลับมาหา คืออารมณ์ความต้องการที่คัดคั่งหลั่งไหล จนไม่อาจจะควบคุมตัวเองให้ขับรถต่อไปได้ จอร์จไม่อาจหยุดจินตนาการถึงโซเฟีย น่าแปลกที่โซเฟียสามารถปลุกกำหนัดของเขาให้ลุกร้อนขึ้นมารุนแรง
“มืดค่ำแบบนี้คงไม่สะดวกนัก…อีกอย่าง ฉันกำลังจะไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่ฟาร์มด้านโน้น” โซเฟียตอบออกไปตามตรง ชำเลืองไปยังแสงไฟริบหรี่ แลเห็นรำไรๆอยู่ที่ฟาร์มของนอร่าห์ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินไปอีกพักใหญ่ๆเพื่อไปให้ถึง
“ขึ้นรถ…ฉันจะไปส่งให้” จอร์จอาสา สายตาหมกมุ่นครุ่นคิดเพียงว่าจะใช้อุบายใดเพื่อให้เธอยอมเป็นของเขา
“ไม่เป็นไร ฉันเดินไปเองจะดีกว่า” เธอปฏิเสธ
“มาเถอะน่า…” คนเจ้าเล่ห์รบเร้า
“จะดีหนือ ทิศนั้นก็ไม่ใช่ทางกลับของคุณ” โซเฟียให้เหตุผล ไม่ได้นึกฉงนใจว่าภัยกำลังเฉียดมาใกล้ตัว
“ไม่ต้องเกรงใจ…ฉันเพิ่งเปลี่ยนใจเดี๋ยวนี้เอง ว่ากำลังจะไปทางนั้นอยู่พอดี”
“แน่ใจนะคะ ว่าจะไม่เป็นการรบกวนคุณ” โซเฟียมีอาการสองจิตสองใจ
“ไม่…ไม่เลยสักนิด ได้โปรดอย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ” กล่าวจบจอร์จก็เอื้อมไปผลักบานประตูรถอีกด้านแกมบังคับว่าเธอไม่ควรปฏิเสธเขา
เมื่อทนการรบเร้าของจอร์จไม่ไหว โซเฟียจึงจำใจก้าวเข้าไปทอดร่างรัดรึงลงนั่งเคียงข้างไปกับเขา
แวบหนึ่ง ก่อนที่รถจะเคลื่อนฝ่าความมืดมิดเบื้องหน้าไปช้าๆ แสงไฟในรถสว่างพอให้เห็นเนินอกขาวผุดผาด ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคอปาดระบายลูกไม้
ในขณะที่แสงไฟรถสาดไปตามผิวถนนอันขรุขระ ล้อรถลู่เบาๆไปกับใบหญ้าแห้งที่ขึ้นแซมสลับไปกับพุ่มพงวัชพืช เรียงรายไปตลอดสองข้างทาง
จอร์จรู้สึกได้ถึงกลิ่นผิวพรรณสะอาดของโซเฟีย มันหอมกรุ่นเหมือนกลิ่นดอกหญ้าป่าที่พยายามเติบโตบนผืนดินกันดาร พยายามเอาชนะความแห้งแล้ง กระทั่งดอกอันงดงาม เผยผลิออกมาอวดสายตาโลกในที่สุด
เมื่อรถแล่นมาได้ช่วงหนึ่ง ภายในรถมีแต่ความเงียบงันระหว่างกัน จอร์จไม่ได้เลี้ยวไปตามทิศทางของบ้านนอร่าห์ เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ป่าละเมาะและพุ่มไม้รกเบื้องหน้า
โซเฟียสะบัดหน้ามามองจอร์จด้วยสายตาแปลกใจ
“ผิดทางแล้วจอร์จ” เธอเตือนเขา น้ำเสียงของเธอยังคงราบเรียบ ยังคิดไปในทางดีว่าอาจเป็นเพราะจอร์จไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง
“ไม่ผิดหรอก…อีกเดี๋ยวเดียว” จอร์จกระตุกยิ้ม
“หมายความว่ายังไง”
ความสงสัยแล่นรุมหัวใจดวงน้อยของเธอ มันเต้นแรงเหมือนคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าความไว้วางใจ กำลังทำให้เธอก้าวล่วงเข้ามาในหลุมพรางพิศวาส ที่จอร์จขุดล่อเอาไว้
รถที่ดูเทอะทะราวกับเต่าสีดำตัวใหญ่ เลี้ยวหลบเข้าหลังพุ่มไม้รก
หัวใจของโซเฟียตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับลง พร้อมกับมือข้างหนึ่งของจอร์จ ลูบมาที่หน้าขา ความสากระคายจากมือของเขาถึงกับทำให้เธอสะดุ้ง
“จอร์จ…” เธอตวาด
“ฉันชอบเธอนะโซเฟีย” เขาสารภาพ
“ทำบ้าอะไรของคุณ” เธอว่า ขณะที่มือของเขาถลกเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้น ล้วงลึกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ามืออวบหนา เคล้นลูบไปตามหน้าขาของเธออย่างถือวิสาสะ
พลัวะ….!!!
ฝ่ามือน้อยๆของโซเฟียฟาดไปที่ใบหน้าของจอร์จเต็มแรง
“คุณไม่ควรทำอย่างนี้” เธอสาดน้ำเสียงใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ
“ฉันคิดว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วซะอีก” จอร์จส่ายหน้า ทำน้ำเสียงผิดหวัง
“เข้าใจอะไรของคุณ ฉันไม่รู้เรื่อง” เธอพยายามกระถดถอย ขยับออกห่างจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับบานประตูรถ
“ดอกเบี้ยยังไงล่ะ…ดอกเบี้ยรายเดือนที่เธอควรจะจ่ายให้กับฉัน หากเธอกับลูกสาวยืนยันว่าจะอยู่ในฟาร์มต่อไปอีกสักระยะ” จอร์จให้เหตุผล
“วิธีการต่ำช้าแบบนี้…คุณคิดได้ยังไงกันจอร์จ” เธอมองเขาด้วยแววตาผิดหวัง
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่…ฉันขอบอกตรงๆว่าชอบเธอมาก ฉันรู้ว่าเธอเองก็ต้องการเช่นกัน เธอยังสาว ยังสวย แค่มองตา…ฉันก็รู้ว่าเธอโหยหา เธอพลาดที่ไม่อาจปกปิดความต้องการของเธอจากสายตาของฉันได้” เขาทำน้ำเสียงรู้ทัน
“ไม่…อย่าเข้าใจผิด คิดอะไรไปเอง”
“อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก…อย่าปากแข็งว่าไม่ต้องการ เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ประสีประสากับเรื่องพรรค์นี้สักหน่อย” เขากดน้ำเสียง กังวานของมันเหมือนไม่ใช่จอร์จ ดวงตาวาวโรจน์ราวกับสัตว์นักล่า
“ดึกดื่นป่านนี้ คุณหนูจะไปไหนครับ” คนรับใช้ถามด้วยความแปลกใจ“ไปบ้านของจอร์จ…เร็ว! แล้วอย่าถามอะไรมาก”จากนั้นรถม้าก็เคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็ว เสียงเท้าของแซนดร้าที่วิ่งลงบันไดบ้านไปเมื่อครู่ เสียงเฟืองและล้อรถม้าที่เสียดสีกับพื้นกรวดจากการออกตัวด้วยความเร็ว ดังขึ้นไปถึงชั้นบนของบ้าน โทนี่และซินเทียที่กำลังวิวาทะกันอยู่ในขณะนั้น รีบชะโงกหน้าออกมามอง“แซนดร้า…นั่นลูกจะไปไหน”ด้วยความตกใจ ซินเทียตะโกนไล่หลังรถม้าที่กำลังจะพาร่างของแซนดร้าหายลับไปในราตรีกาลอันมืดมิดจอร์จส่ายหน้า…น้ำตาซึม นึกตำหนิในอารมณ์ชั่ววูบของตนเอง ถ้าแซนดร้าเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดสองเดือนผ่านไป“ช่างเป็นชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด…” ซาบรีน่าซึ่งอยู่ในชุดวิวาห์ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม รำพึงออกมาลอยๆ มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก “เธอตะหากที่สมบูรณ์แบบ…ไม่ใช่ชุดแต่งงานสักหน่อย”คริสโตเฟอร์ในชุดเจ้าบ่าวสีเทาขรึม ก้าวเข้ามาใกล้ ทาบร่างกายกำยำใหญ่เอาไว้ที่ด้านหลังของซาบรีน่า กอดและก้มกระซิบเบาๆที่หลังใบหูเพียงปีแรกหลังแต่งงาน ทั้งสองก็ได้ทายาทเป็นลูกชายไว้สืบสกุล และอีกปีถัด
โทนี่ถอดหมวก ถอดเสื้อโค้ทสีดำออกช้าๆ แขวนไว้ที่หลังประตูแล้วก้าวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยไม่ลืมมองไปที่ห้องนอนของแซนดร้าผู้เป็นลูกสาว พบว่าเธอไม่อยู่ จำได้ว่าแซนดร้าบอกเอาไว้ว่าจะออกไปหาคริสโตเฟอร์ เกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมที่ทำให้แซนดร้าดีใจจนเนื้อเต้น “ยังไม่นอนอีกหรือ” โทนี่ถามภรรยาที่ทอดร่างอยู่บนเตียงนอน อดสะท้อนใจไม่ได้ว่าแม้เธอจะยังไม่หลับ ก็ไม่ได้หมายความว่าซินเทียกำลังรอคอยการกลับมาของเขา “คุณหายไปไหนตั้งนาน” ซินเทียถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ห่วงฉันด้วยหรือ” สามีขมวดคิ้ว นิ่วหน้า “ถามอะไรอย่างนั้น...ถามเหมือนคุณไม่รู้ใจฉัน คุณเป็นสามีของฉันนะโทนี่” ซินเทียตัดพ้อโทนี่อยากจะตอบว่า ‘ใช่…ฉันไม่เคยรู้ถึงจิตใจลึกๆของเธอเลย…ซินเทีย’ทว่าสุดท้าย เขาก็เก็บถ้อยคำยอกย้อนนั้นเอาไว้ในใจ “ไม่ห่วงคุณแล้วจะห่วงใคร…คุณเป็นสามีฉันนะโทนี่” เธอกล่าวให้เขาได้คิด “สามียังงั้นรึ!....ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าฉันควรจะภาคภูมิใจกับตำแหน่งนี้ใช่ไหม?” โทนี่ทำน้ำเสียงเย้ยหยัน เหมือนกับคนที่สูญสิ้นศรัทธาในชีวิตคู่ของตนมานานแล้ว ซินเทียขมวดคิ้
สีหน้าของโทนี่เต็มไปด้วยความขมขื่น นิ่งฟังเสียงตึงตังของเตียงที่เคลื่อนไปกระแทกผนัง ดังอยู่เป็นจังหวะที่ต่อเนื่องและยาวนาน ยิ่งได้ยินยิ่งโกรธแค้น ชิงชัง และริษยาจอร์จที่บรรเลงลีลารักได้ยาวนานโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ไม่เหมือนกับเขาที่มักจะล้มเหลวในทุกครั้ง จากความบกพร่องของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวของกับการกลั้นเกร็งการหลั่งซึ่งไม่อาจบังคับได้อวัยวะชิ้นนั้นมันอยู่เหนือการควบคุมของเขามานานแล้ว สืบเนื่องมาจากประสาทรับความรู้สึกบางส่วนได้ถูกทำลายลงไปพร้อมๆกับการผ่าตัด ภายหลังจากอุบัติเหตุตกม้า โทนี่คว้าเหล้าในขวดขึ้นมากระดกดื่มเหมือนน้ำ สบถด่าตัวเองอยู่ในใจด้วยถัอยคำหยาบโลน ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองที่อ่อนแอทั้งกายและใจ ซินเทียคงหนักแน่นพอที่จะประคับประคองความซื่อสัตย์ต่อกันเอาไว้ได้ เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะอันทุกข์ตรมขมขื่นเช่นนี้ จากนั้นไม่นาน โทนี่ก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เขาหลับลงเพราะฤทธิ์สุราที่กรอกลงคอเพื่อให้ลืมทุกอย่างในชีวิต แม้รู้ดีว่าเหล้าอาจช่วยบิดเบือนความจริงอันเจ็บปวดได้ในช่วงสั้นๆก็ตาม จากเหตุการณ์อัปยศที่กำลังดำเนินอยู่นั้น โทนี่แทบจะไม่โทษซินเทีย เขาโยนความผิ
อีกครั้ง รั้งบั้นท้ายเปลือยร่อนไว้ในตำแหน่งที่พร้อมจะรองรับบางสิ่งซึ่งกำลังจะเคลื่อนเข้าสู่กันและกันหล่อนผ่อนลมหายใจเหมือนจะนับถอยหลัง ไม่ได้เหลียวกลับไปมอง หากก็เดาได้ถึงความเครียดเขม็งที่จรดเล็งลงตรงหลืบลับในสรีระของหล่อนเพียงพรวดสั้นๆ…ที่หล่อนจำต้องกัดฟันด้วยความทรมาน เสี้ยวสั้นๆที่เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ของเธอและเขาตลอดไป ซินเทียสูดและพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างสับสน แบ่งรับแบ่งสู้กับความรู้สึกที่เติมเต็มเข้ามารุนแรงเหล้าหลายแก้วที่หล่อนดื่ม ความมึนเมาในตอนนั้น ทำให้โซเฟียไม่ได้ฉงนใจกับความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ทว่าความรู้สึกอึดอัด รัด แน่น ก็ยืนยันว่า ‘ไม่ใช่โทนี่อย่างแน่นอน’เมื่อได้สติ…โซเฟียพยายามสะบัดสะโพกหนี หากเขาก็ดำดิ่งสู่แอ่งอารมณ์ของหล่อนไปแล้ว ความรู้สึกของซินเทียในตอนนั้น มันเหมือนกับมีรถไฟขบวนใหญ่ที่กำลังเคลื่อนผ่านเข้าไปในอุโมงค์ความปรารถนาอันมืดมิดและคับแคบของเธอ ซินเทียเหมือนผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัวความมืด ได้แต่ภาวนาให้ความยาวลึกของรถขบวนนั้นเคลื่อนผ่านไปเสียที ยิ่งช้ายิ่งอึดอัด ยิ่งนานยิ่งทรมาน แต่เมื่อถึงที่สุดของมัน…กลับรู้สึกทรมานยิ่งกว่า ราวกับว่านรกและสวรรค์ได้ม
เหล้ารัมอีกขวดหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน โทนี่ใช้มือหมุนขวดเปล่าไปมา มองดูมันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น ขวดเหล้าไม่ต่างอะไรกับจิตใจของเขาในตอนนั้น บางครั้งก็มั่นคง แข็งแกร่ง ทว่าอยู่ๆกลับอ่อนแอ ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนขวดเหล้า ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตของโทนี่ ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไร้ค่าขนาดนี้จากนั้นเขาก็ทอดร่างลงเหยียดยาว นอนหงายที่กลางพื้น มือก่ายหน้าผาก กวาดสายพาพร่าพรางไปที่เพดานบ้าน ราวกำลังค้นหาแมงมุมสักตัวที่อาจจะกำลังชักใยระโยงระยางอยู่ในตอนนั้นโทนี่ค้นพบว่านอกจากเหล้าจะไม่ช่วยให้เขาหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตเก่าๆที่กร่อนกินใจ แต่มันยิ่งกลับไปกวนตะกอนความแค้นที่กาลเวลากดทับมันเอาไว้ ให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเขาหยัดร่างซวนเซขึ้นมาจากพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “คนทรยศ...คนชั่วช้า การที่ทำแบบนี้ มันเท่ากับว่าแกกำลังล้ำเส้นฉัน” โทนี่กล่าวถึงคนที่ตนกำลังโกรธ สาดเสียงสบถไปในความว่างเปล่า นอนฟังน้ำเสียงของตัวเองสะท้อนอยู่ในห้อง กังวานของมันกระทบผนังและสะท้อนกลับเข้าไปถึงหัวใจที่กำลังปวดแปลบ รู้สึกแสบเหมือนโดนสุราราดรดลงกลางบาดแผลหัวใจที่กลัดหนอง ความพิโรธสะท้อ
“ไม่แน่ใจขนาดนั้นหรอกมาธาร์…แต่ถ้าจะเป็นพินัยกรรมจริง คุณพ่อก็ต้องถูกบังคับให้เซ็นอย่างแน่นอน” “แต่ก็มีพยานรับรู้อย่างถูกต้องนะคะ” มาธาร์ให้เหตุผล “จะมีประโยชน์อะไร…ถ้าพยานเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่จอร์จวางเอาไว้ในกระดาน” คริสโตเฟอร์เปรียบเปรย มาธาร์หรี่ตา ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ “ถ้าคุณไม่ยอมรับพินัยกรรม หรือต้องการจะหาข้อจริงใดๆมาโต้แย้ง ก็ต้องรีบแล้วนะคะ เพราะในพินัยกรรมระบุเอาไว้ชัดว่าคุณจะต้องแต่งงานกับแซนดร้าภายในหนึ่งเดือนหลังจากที่พินัยกรรมฉบับนี้ได้ถูกเปิด” มาธาร์เตือนด้วยความหวังดี ที่บ้านของแซนดร้า ใกล้ค่ำของวันนั้น แซนดร้าที่กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจสุดขีด โผเข้ากอดกับซินเทียผู้เป็นแม่ ภายหลังจากตัวแทนจากสำนักงานกฏหมายที่ชื่อเดวิด แวะมาแจ้งข่าวให้แซนดร้าได้ทราบเกี่ยวกับเนื้อหาในพินัยกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับเธอ “แม่ได้ยินเหมือนกับที่หนูได้ยินใช่ไหมคะ” แซนดร้าละล่ำละลัก ถามออกมาด้วยความดีใจเหมือนต้องการคนยืนยัน ทันทีที่ร่างท้วมของเดวิดหายลับไปที่เบื้องหลังประตู “จริงแท้ที่สุด…แม่ดี







