LOGINแต่มีข้อแม้…” จอร์จกล่าว แม้น้ำเสียงของเขาพอจะมีความกรุณาปราณีหลงเหลืออยู่บ้าง ทว่าเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่มีแววเจ้าเล่ห์เพทุบาย วูบไหวไปมาอยู่เป็นระยะๆในระหว่างการสนทนา
“ข้อแม้อะไรหรือจอร์จ…?” โซเฟียทบทวนถ้อยคำของทนาย คิ้วโค้งราวคันเคียวของเธอขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ใช่!...มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน” “อะไรนะ!...ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยหรือ?” โซเฟียส่ายหน้า น้ำตาหยาดน้อยๆ ปริ่มปรอยออกมาจากหางตา“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะจอร์จ”
“ต้องได้สิ” จอร์จบังคับด้วยน้ำเสียง หากยังแสร้งแสดงความกรุณาด้วยการยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอซับน้ำตา
“คุณก็รู้ ว่าเงื่อนไขนี้ ยิ่งกว่ารีดเลือดกับปู” โซเฟียตอบพลางคิดในใจว่าเธอจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้เขา
ทนายร่างท้วมกอดอก ทำสีหน้าครุ่นคิดเมื่อเห็นใบหน้าสวย เปลี่ยนเป็นซีดเซียว
อาการจนตรอกของผู้หญิงตรงหน้านั้นยิ่งทำให้จอร์จนึกกระหยิ่มใจ เมื่อกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆบ้านแล้วแทบไม่เจอสิ่งใดที่พอจะนับเป็นสมบัติมีค่าให้โซเฟียนำไปขายแลกเงินมาเป็นดอกเบี้ยรายเดือนให้กับเขา
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีเงินจ่าย”
เข้าทางของจอร์จ
เขาหรี่ตากลับมามองที่เธออีกครั้ง อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า สายตาของเขาเสแสร้งแสดงออกมาได้อย่างน่าเชื่อว่าเขาเห็นใจเธอกับลูกเสียเต็มประดา ครั้นแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้โซเฟียใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันก็เห็นใจเธอนะ...รู้ว่าเธอยากจนเกินกว่าจะหาเงินมาขัดดอกรายเดือน แต่จะทำอย่างไรได้ เธอก็ควรจะเข้าใจฉันด้วย ฉันไม่อยากให้เธอมองว่าฉันเป็นคนใจร้ายใจดำ แต่ในฐานะทนายของโจนาธาน…ฉันก็ต้องเร่งรัดไปตามหน้าที่ของฉัน เช่นเดียวกับเธอที่ควรจะปฏิบัติตามหน้าที่ของลูกหนี้ที่ดี หากทุกอย่างตกลงกันได้ในขั้นเจรจา ย่อมดีกว่าปล่อยให้เลยเถิดไปถึงขั้นขับไล่ยึดที่ ซึ่งฉันเองก็เข้าใจว่ามันจะเป็นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด สำหรับเธอและลูกซึ่งจะไม่มีที่ซุกหัวนอน” เป็นครั้งแรกที่ทนายร่างท้วมลดน้ำเสียงกร้าวแกมบังคับ เขาเสียงอ่อนลง แสดงท่าทีเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันออกมาได้อย่างแนบเนียนเมื่ออยู่ลำพังกับเธอโซเฟียไม่รู้เลยว่านั่นคือแผนร้ายหมายขย้ำเธอ...ซึ่งบางทีอาจจะหมายรวมถึงลูกสาวของเธอด้วย
การกลับมาหาโซเฟียที่ฟาร์มในครั้งนี้ แท้จริงแล้วมันคือแผนของจอร์จทั้งสิ้น เพราะคริสโตเฟอร์ได้นำเรื่องครอบครัวของเธอไปบอกกับโจนาธาน ทีที่กลับไปถึงบ้าน โจนาธานเองก็อนุญาตให้สองแม่ลูกอาศัยอยู่ที่ฟาร์มต่อไปได้โดยไม่ได้ทวงถามถึงดอกเบี้ยรายเดือนแต่อย่างใดโจนาธานมีทรัพย์สินอยู่มากมายมหาศาล นอกจากที่ดินในแถบถิ่นนี้ เขายังมีเหมืองทองคำขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองคาลกูรี (Kalgoorlie) อันที่จริงเขาแทบมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆจากผืนฟาร์มที่โล่งร้างว่างเปล่าและแห้งแล้งเกินกว่าจะเพาะปลูกพืชใดๆได้ หากถึงขั้นต้องยึดฟาร์ม นั่นก็คงเป็นเพราะต้องทำตามข้อตกลงในสัญญาที่ทำเอาไว้มากกว่า
เรื่องที่คีธไปกู้เงินก้อนใหญ่มาจากเขา นั่นก็นานมากจนโจนาธานเองก็แทบจำหน้าคีธไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะผ่านมาหลายปี และลูกหนี้ของเขาก็มีอยู่มากมายเกินจะจดจำว่าใครเป็นใคร งานเร่งรัดหนี้สินและติดตามลูกหนี้ จึงเป็นหน้าที่ของจอร์จที่โจนาธานมอบหมายตำแหน่งทนายประจำตระกูล ด้วยความไว้วางใจ
“ช่วยด้วยเถอะค่ะคุณทนาย...นอกจากฟาร์มแห่งนี้ ฉันกับลูกสาวก็ไม่มีปัญญาจะไปหาที่ซุกหัวนอนที่ไหนอีกแล้ว”โซเฟียกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า อ้อนวอนด้วยแววตาว่าเธอกับลูกไร้ที่พึ่งพิง
จอร์จชอบน้ำเสียงอ่อนหวานของเธอ สายตาของโซเฟียทำให้จอร์จใจอ่อนได้ง่ายๆ นึกในใจว่าพระเจ้าช่างไม่รู้จักความเหมาะสมคู่ควรหรืออย่างไร? จึงลิขิตให้โซเฟียต้องมาเป็นภรรยาของคีธซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่เอาไหน ทั้งขี้เหล้าเมายา บ้าการพนัน หมดเนื้อหมดตัวจนกระทั่งต้องเอาฟาร์มไปจำนอง นึกตำหนิคีธทำเรื่องผิดพลาดเอาไว้ โดยหารู้ไม่ว่าวันหนึ่งมันจะส่งผลร้ายมาถึงอนาคตของลูกและเมีย
“เรื่องดอกเบี้ยแต่ละเดือน...ฉันจะลองพูดกับคุณโจนาธานดูอีกที”ทนายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แกล้งทำสีหน้าให้ดูว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ น่าหนักใจเสียเต็มประดาสำหรับเขา
“เอาเป็นว่าฉันจะพยายามช่วยเต็มที่...ฉันสงสารเธอกับลูกนะโซเฟีย”
ทนายทิ้งคำพูดเป็นนัย ด้วยน้ำเสียงซึ่งแสดงถึงความห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง เขามองสบตาเธอเป็นระยะๆในระหว่างการสนทนาด้วยแววตาที่ให้ความหวัง
โซเฟียมองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ทันฉุกคิดว่าแววตาของเขาซุกซ่อนอาการกระหายในเนื้อตัวของเธออยู่ตลอดเวลา เธอคิดไม่ถึงว่าทนายที่ท่าทางภายนอกดูภูมิฐาน สุขุม และน่าเชื่อถือคนนี้…กำลังคาดหวังถึงบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอ
ภายหลังจบการสนทนาซึ่งจอร์จทำราวกับว่ามันเป็นธุระร้อน ให้เขาต้องกลับมาหาเธออีกครั้งในเย็นวันเดียวกันนั้น ที่ภายนอกบ้าน แสงไฟจากหน้ารถคันใหญ่สาดไล่ความมืดมิดเบื้องหน้า มันเหมือนกับเต่ายักษ์สีดำตัวใหญ่ ค่อยๆคลืบคลานจากไปช้าๆ ก่อนที่รถจะเคลื่อนผ่านประตูฟาร์มออกไปจนลับตา จอร์จผู้เป็นคนขับหันหลังกลับมายังเรือนร่างรัดรึงของโซเฟียที่ยืนตระหง่านอยู่ภายใต้แสงจันทร์กระจ่างจอร์จต้องการเธอ ทว่าเขาก็ฉลาดเกินกว่าจะบุ่มบ่าม เขาใจเย็นพอที่จะรอเวลา เตือนตัวเองว่าช้าๆได้พร้าเล่มงาม ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้โซเฟียตายใจ เพื่อรางวัลอันคุ้มค่าที่คู่ควรกับการรอคอย
ด้วยความที่จอร์จเป็นทนาย เขาย่อมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก...หากจะใช้กฏหมายมาเป็นเครื่องเอารัดเอาเปรียบ ข่มขู่ บีบบังคับสองแม่ลูกที่ไร้ทางสู้ ให้ยอมจำนนในข้อเสนอที่เขาครุ่นคิดเอาไว้ตลอดเวลา ภายหลังจากได้เจอหน้าโซเฟีย
ในความคิดของจอร์จ มองว่าโซเฟียเปรียบเสมือนดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเอาไว้ในฟาร์มอันแห้งแล้ง จอร์จมองว่าโซเฟียน่าจะไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้ หากเธอคิดจะหาสามีใหม่ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด
ระหว่างขับรถกลับ จอร์จครุ่นคิดมาตลอดทางว่าเขาจะกลับมาที่ฟาร์มแห่งนี้อีกครั้ง พร้อมยื่นข้อเสนอบางอย่างให้โซเฟียพิจารณา
“ดึกดื่นป่านนี้ คุณหนูจะไปไหนครับ” คนรับใช้ถามด้วยความแปลกใจ“ไปบ้านของจอร์จ…เร็ว! แล้วอย่าถามอะไรมาก”จากนั้นรถม้าก็เคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็ว เสียงเท้าของแซนดร้าที่วิ่งลงบันไดบ้านไปเมื่อครู่ เสียงเฟืองและล้อรถม้าที่เสียดสีกับพื้นกรวดจากการออกตัวด้วยความเร็ว ดังขึ้นไปถึงชั้นบนของบ้าน โทนี่และซินเทียที่กำลังวิวาทะกันอยู่ในขณะนั้น รีบชะโงกหน้าออกมามอง“แซนดร้า…นั่นลูกจะไปไหน”ด้วยความตกใจ ซินเทียตะโกนไล่หลังรถม้าที่กำลังจะพาร่างของแซนดร้าหายลับไปในราตรีกาลอันมืดมิดจอร์จส่ายหน้า…น้ำตาซึม นึกตำหนิในอารมณ์ชั่ววูบของตนเอง ถ้าแซนดร้าเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดสองเดือนผ่านไป“ช่างเป็นชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด…” ซาบรีน่าซึ่งอยู่ในชุดวิวาห์ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม รำพึงออกมาลอยๆ มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก “เธอตะหากที่สมบูรณ์แบบ…ไม่ใช่ชุดแต่งงานสักหน่อย”คริสโตเฟอร์ในชุดเจ้าบ่าวสีเทาขรึม ก้าวเข้ามาใกล้ ทาบร่างกายกำยำใหญ่เอาไว้ที่ด้านหลังของซาบรีน่า กอดและก้มกระซิบเบาๆที่หลังใบหูเพียงปีแรกหลังแต่งงาน ทั้งสองก็ได้ทายาทเป็นลูกชายไว้สืบสกุล และอีกปีถัด
โทนี่ถอดหมวก ถอดเสื้อโค้ทสีดำออกช้าๆ แขวนไว้ที่หลังประตูแล้วก้าวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยไม่ลืมมองไปที่ห้องนอนของแซนดร้าผู้เป็นลูกสาว พบว่าเธอไม่อยู่ จำได้ว่าแซนดร้าบอกเอาไว้ว่าจะออกไปหาคริสโตเฟอร์ เกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมที่ทำให้แซนดร้าดีใจจนเนื้อเต้น “ยังไม่นอนอีกหรือ” โทนี่ถามภรรยาที่ทอดร่างอยู่บนเตียงนอน อดสะท้อนใจไม่ได้ว่าแม้เธอจะยังไม่หลับ ก็ไม่ได้หมายความว่าซินเทียกำลังรอคอยการกลับมาของเขา “คุณหายไปไหนตั้งนาน” ซินเทียถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ห่วงฉันด้วยหรือ” สามีขมวดคิ้ว นิ่วหน้า “ถามอะไรอย่างนั้น...ถามเหมือนคุณไม่รู้ใจฉัน คุณเป็นสามีของฉันนะโทนี่” ซินเทียตัดพ้อโทนี่อยากจะตอบว่า ‘ใช่…ฉันไม่เคยรู้ถึงจิตใจลึกๆของเธอเลย…ซินเทีย’ทว่าสุดท้าย เขาก็เก็บถ้อยคำยอกย้อนนั้นเอาไว้ในใจ “ไม่ห่วงคุณแล้วจะห่วงใคร…คุณเป็นสามีฉันนะโทนี่” เธอกล่าวให้เขาได้คิด “สามียังงั้นรึ!....ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าฉันควรจะภาคภูมิใจกับตำแหน่งนี้ใช่ไหม?” โทนี่ทำน้ำเสียงเย้ยหยัน เหมือนกับคนที่สูญสิ้นศรัทธาในชีวิตคู่ของตนมานานแล้ว ซินเทียขมวดคิ้
สีหน้าของโทนี่เต็มไปด้วยความขมขื่น นิ่งฟังเสียงตึงตังของเตียงที่เคลื่อนไปกระแทกผนัง ดังอยู่เป็นจังหวะที่ต่อเนื่องและยาวนาน ยิ่งได้ยินยิ่งโกรธแค้น ชิงชัง และริษยาจอร์จที่บรรเลงลีลารักได้ยาวนานโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ไม่เหมือนกับเขาที่มักจะล้มเหลวในทุกครั้ง จากความบกพร่องของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวของกับการกลั้นเกร็งการหลั่งซึ่งไม่อาจบังคับได้อวัยวะชิ้นนั้นมันอยู่เหนือการควบคุมของเขามานานแล้ว สืบเนื่องมาจากประสาทรับความรู้สึกบางส่วนได้ถูกทำลายลงไปพร้อมๆกับการผ่าตัด ภายหลังจากอุบัติเหตุตกม้า โทนี่คว้าเหล้าในขวดขึ้นมากระดกดื่มเหมือนน้ำ สบถด่าตัวเองอยู่ในใจด้วยถัอยคำหยาบโลน ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองที่อ่อนแอทั้งกายและใจ ซินเทียคงหนักแน่นพอที่จะประคับประคองความซื่อสัตย์ต่อกันเอาไว้ได้ เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะอันทุกข์ตรมขมขื่นเช่นนี้ จากนั้นไม่นาน โทนี่ก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เขาหลับลงเพราะฤทธิ์สุราที่กรอกลงคอเพื่อให้ลืมทุกอย่างในชีวิต แม้รู้ดีว่าเหล้าอาจช่วยบิดเบือนความจริงอันเจ็บปวดได้ในช่วงสั้นๆก็ตาม จากเหตุการณ์อัปยศที่กำลังดำเนินอยู่นั้น โทนี่แทบจะไม่โทษซินเทีย เขาโยนความผิ
อีกครั้ง รั้งบั้นท้ายเปลือยร่อนไว้ในตำแหน่งที่พร้อมจะรองรับบางสิ่งซึ่งกำลังจะเคลื่อนเข้าสู่กันและกันหล่อนผ่อนลมหายใจเหมือนจะนับถอยหลัง ไม่ได้เหลียวกลับไปมอง หากก็เดาได้ถึงความเครียดเขม็งที่จรดเล็งลงตรงหลืบลับในสรีระของหล่อนเพียงพรวดสั้นๆ…ที่หล่อนจำต้องกัดฟันด้วยความทรมาน เสี้ยวสั้นๆที่เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ของเธอและเขาตลอดไป ซินเทียสูดและพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างสับสน แบ่งรับแบ่งสู้กับความรู้สึกที่เติมเต็มเข้ามารุนแรงเหล้าหลายแก้วที่หล่อนดื่ม ความมึนเมาในตอนนั้น ทำให้โซเฟียไม่ได้ฉงนใจกับความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ทว่าความรู้สึกอึดอัด รัด แน่น ก็ยืนยันว่า ‘ไม่ใช่โทนี่อย่างแน่นอน’เมื่อได้สติ…โซเฟียพยายามสะบัดสะโพกหนี หากเขาก็ดำดิ่งสู่แอ่งอารมณ์ของหล่อนไปแล้ว ความรู้สึกของซินเทียในตอนนั้น มันเหมือนกับมีรถไฟขบวนใหญ่ที่กำลังเคลื่อนผ่านเข้าไปในอุโมงค์ความปรารถนาอันมืดมิดและคับแคบของเธอ ซินเทียเหมือนผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัวความมืด ได้แต่ภาวนาให้ความยาวลึกของรถขบวนนั้นเคลื่อนผ่านไปเสียที ยิ่งช้ายิ่งอึดอัด ยิ่งนานยิ่งทรมาน แต่เมื่อถึงที่สุดของมัน…กลับรู้สึกทรมานยิ่งกว่า ราวกับว่านรกและสวรรค์ได้ม
เหล้ารัมอีกขวดหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน โทนี่ใช้มือหมุนขวดเปล่าไปมา มองดูมันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น ขวดเหล้าไม่ต่างอะไรกับจิตใจของเขาในตอนนั้น บางครั้งก็มั่นคง แข็งแกร่ง ทว่าอยู่ๆกลับอ่อนแอ ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนขวดเหล้า ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตของโทนี่ ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไร้ค่าขนาดนี้จากนั้นเขาก็ทอดร่างลงเหยียดยาว นอนหงายที่กลางพื้น มือก่ายหน้าผาก กวาดสายพาพร่าพรางไปที่เพดานบ้าน ราวกำลังค้นหาแมงมุมสักตัวที่อาจจะกำลังชักใยระโยงระยางอยู่ในตอนนั้นโทนี่ค้นพบว่านอกจากเหล้าจะไม่ช่วยให้เขาหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตเก่าๆที่กร่อนกินใจ แต่มันยิ่งกลับไปกวนตะกอนความแค้นที่กาลเวลากดทับมันเอาไว้ ให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเขาหยัดร่างซวนเซขึ้นมาจากพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “คนทรยศ...คนชั่วช้า การที่ทำแบบนี้ มันเท่ากับว่าแกกำลังล้ำเส้นฉัน” โทนี่กล่าวถึงคนที่ตนกำลังโกรธ สาดเสียงสบถไปในความว่างเปล่า นอนฟังน้ำเสียงของตัวเองสะท้อนอยู่ในห้อง กังวานของมันกระทบผนังและสะท้อนกลับเข้าไปถึงหัวใจที่กำลังปวดแปลบ รู้สึกแสบเหมือนโดนสุราราดรดลงกลางบาดแผลหัวใจที่กลัดหนอง ความพิโรธสะท้อ
“ไม่แน่ใจขนาดนั้นหรอกมาธาร์…แต่ถ้าจะเป็นพินัยกรรมจริง คุณพ่อก็ต้องถูกบังคับให้เซ็นอย่างแน่นอน” “แต่ก็มีพยานรับรู้อย่างถูกต้องนะคะ” มาธาร์ให้เหตุผล “จะมีประโยชน์อะไร…ถ้าพยานเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่จอร์จวางเอาไว้ในกระดาน” คริสโตเฟอร์เปรียบเปรย มาธาร์หรี่ตา ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ “ถ้าคุณไม่ยอมรับพินัยกรรม หรือต้องการจะหาข้อจริงใดๆมาโต้แย้ง ก็ต้องรีบแล้วนะคะ เพราะในพินัยกรรมระบุเอาไว้ชัดว่าคุณจะต้องแต่งงานกับแซนดร้าภายในหนึ่งเดือนหลังจากที่พินัยกรรมฉบับนี้ได้ถูกเปิด” มาธาร์เตือนด้วยความหวังดี ที่บ้านของแซนดร้า ใกล้ค่ำของวันนั้น แซนดร้าที่กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจสุดขีด โผเข้ากอดกับซินเทียผู้เป็นแม่ ภายหลังจากตัวแทนจากสำนักงานกฏหมายที่ชื่อเดวิด แวะมาแจ้งข่าวให้แซนดร้าได้ทราบเกี่ยวกับเนื้อหาในพินัยกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับเธอ “แม่ได้ยินเหมือนกับที่หนูได้ยินใช่ไหมคะ” แซนดร้าละล่ำละลัก ถามออกมาด้วยความดีใจเหมือนต้องการคนยืนยัน ทันทีที่ร่างท้วมของเดวิดหายลับไปที่เบื้องหลังประตู “จริงแท้ที่สุด…แม่ดี







