ปล่อยให้ศศิรินทร์ได้สงสัยไม่นานทิพวรรณก็ออกมาพร้อมกับบรรดาช่างที่ถูกส่งมาดูแลเจ้าสาวโดยมีคณิตาเดินตามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
‘นี่มันอะไรกันคะคุณแม่ ทำไมถึงเรียกพวกช่างออกมา กี้ยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์นะคะ’ คนจะได้เป็นเจ้าสาวหมื่นล้านถามทันทีด้วยความไม่เข้าใจ คุณหญิงศิกานต์ยิ้มใจเย็นก่อนจะปลายตามองเจ้าของคำถามด้วยสายตาว่างเปล่า
‘แต่งตัวไม่ทันฤกษ์ ก็คงไม่เป็นไม่ไรหรอกมั้ง...ไม่ใช่ตัวเอกของงานสักหน่อย’
‘อะ อะไรนะคะ ไม่ใช่ตัวเอกอะไร กี้เป็นเจ้าสาวนะคะคุณแม่’
‘เดี๋ยว ๆ เธอเข้าใจอะไรผิดแล้ว’ คนเป็นคุณหญิงร้องห้ามแล้วเมินดาราสาวหันมันสอบถามลูกสาว ‘เกรซ ผู้หญิงคนนี้เขาเป็นเจ้าสาวของพี่เราเหรอ’
‘เปล่านี่คะ...ใครบอกว่าคนนี้เป็นเจ้าสาวละเนี่ย’ ภานิกาตอบอย่างฉะฉานด้วยใบหน้าตื่นตกใจแต่แอบซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ ศศิรินทร์มองน้องสาวอดีตแฟนหนุ่มที แม่ของอีกฝ่ายทีก่อนจะมองสถานการณ์ต่อเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าไปมีบทบาทกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น...เธอมาเพื่อเป็นผู้ชมละครฉากใหญ่สินะ
‘นั่นสิ ใครบอกเธอว่าพวกฉันจะยอมให้เธอมาเป็นเจ้าสาวของตากันต์’
‘อะไรนะ นี่มันอะไรกัน ก็คุณแม่...’
ไม่ทันที่คณิตาจะได้พูดอะไรต่อคุณหญิงศิกานต์ก็เบรกอีกฝ่ายเข้าอีกครั้งพร้อมกับคำพูดที่ชวนให้เจ็บแสบ ‘ฉันไม่ใช่แม่เธอ ไม่ต้องมานับญาติฉัน ฉันไม่ได้ให้ค่ากับของเล่นของลูกชาย’
‘ของเล่น?’
‘ใช่ ของเล่นของพี่กันต์’ ภานิการับไม้ต่อจากผู้เป็นแม่ทันทีในขณะที่คณิตายังคงงุนงง ทายาทสาวของบ้านพงศ์พิริยากรยิ้มเยาะก่อนจะพูดต่อ ‘นี่เธอ เธอไปเอาความมั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหนว่าพี่กันต์จะคว้าเอาผู้หญิงอย่างเธอมาเป็นเมียตบเมียแต่ง อย่างเธอน่ะ เขาก็แค่เล่นด้วยชั่วคราวเท่านั้นแหละ...โง่จังเลย แค่นี้ก็ไม่รู้’
‘หมอเกรซพูดถูก ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคณิตา ต่อให้เธอจะพยายามจนตากันต์พลาดจากหนูโซ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าตากันต์จะคว้าผู้หญิงที่มาแบให้เอาง่าย ๆ มาเป็นคู่ชีวิตหรอกนะ ถึงจะทำผิดไปบ้างแต่ตากันต์ก็รู้...ว่าใครควรค่า ใครแค่ของเล่น’ ประโยคที่ร้ายกาจถูกเอื้องเอ่ยออกมาทำเอาคณิตาหน้าซีดเผือดแต่นั่นก็ยังไม่จบ คุณหญิงศิกานต์ยังยกยิ้มมาดร้ายก่อนจะพูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ ‘ฉันจะพูดชัด ๆ เลยนะวันนี้เจ้าสาวของลูกชายฉัน...ไม่ใช่เธอ’
“ไม่จริง คุณกันต์จะแต่งงานกับกี้ คุณแม่ทำเรื่องพวกนี้ลับหลังคุณกันต์ใช่มั้ยคะ” คนที่วาดฝันจะเป็นสะใภ้หมื่นล้านส่ายหน้าพรืด ไม่ยอมรับในสิ่งที่ได้รับฟังราวกับคนเสียสติ ศศิรินทร์ที่เริ่มเข้าใจทุกอย่างมองแล้วก่อนส่ายหน้าอย่างระอาใจ
เหมือนมีคนจะตกจากสวรรค์ที่ปีนป่ายขึ้นไปเสียแล้วสิ
‘คุณแม่ทำลับหลังคุณกันต์แน่ ๆ กี้จะโทรไปถามคุณกันต์’
“โธ่ ยังโง่อยู่อีก จะบอกอะไรให้นะ...’ ภานิกาที่หัวเราะอย่างมีจริตพูดแล้วก็โน้มหน้าไปใกล้ ๆ หูของคณิตาก่อนจะพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ‘พี่กันต์น่ะเป็นคนบอกคุณแม่เองว่าให้คุณแม่หาเจ้าสาวให้ พี่เขาไม่เคยบอกเลยนะว่าจะให้เธอมาเป็นเจ้าสาว’
‘ละ แล้วที่คุณแม่บอกว่างานนี้ต้องพึ่งกี้ล่ะ’
‘ก็พอดีว่าเจ้าสาวของพี่กันต์เนี่ยเขาเลือกไม่ค่อยเก่ง พวกเราก็เลยหวังพึ่งให้เธอเลือกชุดแต่งงานให้ไง เจตนาเราแค่นี้ นอกนั้นเธอทึกทักไปเองจ้า’ ภานิกาตอบแล้วก็ยักไหล่ ก็นะ ทุกอย่างมันก็เป็นแผนการของเธอกับผู้เป็นแม่ที่ทำให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าจับพี่ชายเธอได้สำเร็จ ปล่อยให้อีกฝ่ายเลือกชุดแต่งงานสวย ๆ เครื่องประดับสวย ๆ อย่างย่ามใจเพื่อรอวันกระชากให้ตื่นจากฝันจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดว่าจะให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าสาวสักหน่อย แค่ให้เลือกชุดให้เจ้าสาวของพี่ชายที่คุณแม่ของเธอเตรียมไว้ให้เท่านั้น
ก็...ทึกทักไปเองชัด ๆ
ยิ่งได้ฟังคณิตาก็ยิ่งคล้ายจะควบคุมสติไม่อยู่ เธอส่ายหน้าไปมาอย่างคนไม่ยอมรับความจริงและพุ่งเข้าไปหาชุดเจ้าสาวที่ถูกช่างแต่งตัวถือเอาไว้ก่อนจะกระชากมากอดเอาไว้แน่น ‘ไม่ ต้องไม่ใช่แบบนี้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะขัดขวางกี้ได้เหรอ ไม่มีทางหรอก ชุดนี้เป็นของกี้’
‘ก็กอดแต่ชุดไปแล้วกัน’ คุณหญิงศิกานต์พูดแค่นั้นบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ก็โผล่เข้ามารวบร่างของคณิตาและดึงอีกฝ่ายเข้าไปภายในห้อง
‘ช่วยอยู่ในนั้นจนกว่าบ่าวสาวเขาจะเข้าหอก็แล้วกันนะคณิตา อ้อ ...จะบอกว่าชุดหรูที่เธอกอดอยู่กับงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่เธอเลือกน่ะ ลูกสะใภ้ฉันบอกว่าไม่เอา ไว้เธอไปจ่ายค่าชุดกับค่าจัดงานด้วยนะ นั่นของของเธอ’ คุณหญิงศิกานต์บอกเล่าก่อนจะยกยิ้มอย่างมาดร้าย คิดจะมาจับลูกชายของเธอ แล้วคิดว่าเธอจะยอมง่าย ๆ หรือ
ไม่มีทางซะหรอก!
‘อ้อ...เกือบลืมเรื่องสำคัญแหน่ะ’ ราวกับเพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้คุณหญิงศิกานต์ก็หันกลับไปหาและยกยิ้มเลือดเย็นส่งให้ ‘รูปกับบรรดาเสี่ยเลี้ยงเก่า ๆ ของเธอน่ะ อยู่ในมือฉันหมดแล้ว ถ้าเธอออกจากห้องนี้ไปทำให้ลูกชายฉันเสียหายล่ะก็ ฉันจะส่งคลิปพวกนี้ให้นักข่าวทั้งหมด’
‘เลือกเอานะคณิตา จะอยู่ในห้องเงียบ ๆ แล้วยังมีที่ยืนในวงการ หรือจะออกไปทำลายตัวเอง’
รูปที่คณิตากำลังคลอเคลียอยู่กับเสี่ยใหญ่วัยกลางคนหลายต่อหลายคนถูกบอดี้การ์ดยื่นมาให้ดูทำเอาคนในภาพไม่กล้าที่จะก้าวออกจากประตูอีก แม้มันจะเป็นอดีตเมื่อนานมาแล้วแต่ถ้านักข่าวรู้ แฟนคลับได้เห็น ชีวิตในวงการของเธอพังแน่
คุณหญิงศิกานต์หัวเราะเย้ยหยันในลำคอก่อนจะหันมาหาศศิรินทร์ที่ยังคงยืนมองอยู่ตลอดเวลา ‘เข้าไปในงานดีกว่าหนูโซ่ ทางนี้ให้สองคนนี้จัดการ...แม่นี่ไม่มีทางได้สมหวังหรอก’
ศศิรินทร์มองคนที่ถูกขวางไม่ให้ออกมาจากห้องที่กำลังอยู่ในอาการคล้ายคนสติแตกก่อนจะกระตุกยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้รู้สึกสะใจมากมายนักหรอก แต่สมเพชซะมากกว่า คุณหญิงศิกานต์เอาคืนได้แสบสันจริง ๆ เล่นเอาแม่คนฉลาดชอบแทงข้างหลังคนอื่นถึงกับสติแตกเลย
‘เข้าใจถึงความรู้สึกตอนโดนหักหลังหรือยังล่ะ โอกาสของเธอยังไม่ถึงกับหมดหรอกนะคุกกี้ถ้าเธอไม่ทำลายตัวเองในวันนี้...’ หญิงสาวทิ้งทายก่อนจะตบไหล่เพื่อนที่ต่อจากนี้เธอไม่คิดจะสนใจอีก ‘ขอให้เธอสนุกกับการฝ่าฟันเป็นสะใภ้พงศ์พิริยากรล่ะ ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุขมาก ๆ จนจุกอกนะเพื่อนรัก’
‘กรี๊ด!!!’
ตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ฝั่งขวาเป็นเสื้อผ้าของรังสิมันตุ์ที่มีเพียงไม่มาก ส่วนฝั่งด้านซ้ายมือเป็นเสื้อผ้าของศศิรินทร์ที่กินเลนไปเกือบสามของสี่ส่วน หญิงสาวกวาดสายตามองชุดนอนที่เรียงรายกันกินเลนไปในฝั่งของชายหนุ่มหลังจากที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะทอดถอนใจ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่มีตัวไหนน่าพอใจขึ้นมาซะอย่างนั้นเธอกลายเป็นคนเรื่องมากเรื่องชุดนอนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจเบา ๆ แต่แล้วสายตาก็มองเลยไปในเขตของเจ้าของห้อง ตาคู่หวานหยุดลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวใหญ่ที่ดูธรรมดาไม่ได้พิเศษที่เรียงกันอยู่ถึงสามตัวก่อนจะหยิบออกมาจากตู้ด้วยแววตาพอใจ...ยืมใส่สักวันก็คงไม่ว่าหรอกมั้งนะคนไม่พอใจกับเสื้อผ้าตัวเองคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถือเสื้อที่หมายตาเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ตอนที่แยกย้ายกั
มื้อเย็นวันนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างหายใจหายคอลำบากสำหรับศศิรินทร์ หญิงสาวมองไปยังด้านซ้ายที่มีพิชญาดาและพิชญะก่อนจะเบนสายตามายังด้านขวาถัดไปจากเก้าอี้ของรังสิมันตุ์ที่มีเพื่อนสาวทั้งสามคนนั่งเรียงกันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่แท็คทีมกันมาในวันเดียวกันแบบนี้ได้นะสายตาคู่หวานมองเลยเพื่อนสาวทั้งสามคนไปยังภาสกรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนหนุ่มใจสาวกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักนิด...เสียแรงที่เรียกมาให้ช่วยจริง ๆ ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวที่พิชญาดาซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เปิดเป็นพิเศษเพื่อวันนี้โดยเฉพาะผ่อนคลายลงมาบ้าง ศศิรินทร์ลอบเป่าปากเบา ๆ เมื่อทุกสายตาหันไปสนใจที่ประตู ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไปมองตามก็ต้องขมวดคิ้วและหันมามองรังสิมันตุ์ด้วยความรู้สึกสงสัย“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะคุณแพร” น้
อาทิตยะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่สลายทีมงานแต่ยังพุ่งไปชักชวนพิชญะและภาสกรออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วย มิหนำซ้ำยังไม่วายคว้ามือพานางเอกและพระเอกของเรื่องไปด้วยภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงศศิรินทร์และเจ้าของสถานที่ที่มองมาที่เธอและรังสิมันตุ์ตาแทบไม่กระพริบ“เอ่อ...ขนมคะ” หญิงสาวทนสายตาที่มองมาไม่ไหวต้องรีบหยิบยกเรื่องขนมขึ้นมาพูดจะได้ไม่รู้สึกเขิน “พอดีสั่งมาให้ทีมงาน ก็เลยเอามาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้ก็...รบกวนหน่อยนะคะ”“มะ ไม่รบกวนเลยครับซ้อรอง สำหรับซ้อรองแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ”“ใช่ครับ ๆ สำหรับแฟนพี่รองน่ะไม่รบกวนพวกเราหรอกครับ”“เอ่อ ค่ะ” เจอท่าทีคล้ายประจบของเพื่อนร่วมงานของรังสิมันตุ์เข้าไปหญิงสาวก็ไปไม่เป็นต้องเงยหน้ามองชายหนุ่ม ผู้กองหนุ่มรู้ถึงสัญญาณของความช่วยเหลือในทันทีจึงส่งเสียงกระแอมขึ้
ทั้งที่ศศิรินทร์เดินออกมาแต่ถึงอย่างนั้นภานุกานต์ก็ไม่ได้แยกไปไหนเพราะสถานที่ที่เขาจะมาก็เป็นห้องเดียวกับที่หญิงสาวเดินเข้าไป ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบเชียบทว่ากลับไม่ได้มองหาคนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อดีตคนรักที่นั่งดูการถ่ายทำอยู่กับเพื่อนหนุ่มใจสาวอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ละไปไหน“เขามองแกอยู่” ภาสกรส่งเสียงกระซิบพร้อมกับสะกิดให้หญิงสาวได้รู้ตัว ทว่าศศิรินทร์กลับไม่ได้สนใจใด ๆเธอคาดเดาไม่ออกหรอกว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่จ้องมองมา คนคนนี้คาดเดาได้ยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเธอก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบอีกแล้ว“คัส...โอเค พักกินข้าวได้” เสียงสั่งของอาทิตยะดังขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อม ๆ กับที่คนของบ้านขนมไทยบุษบามาส่งขนม ทีมงานทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดกล้องวันแรกบอสสาวมักจะสั่งขนมไทยร้านประจำมาเลี้ยงเสียงเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น
วันต่อมารังสิมันตุ์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ศศิรินทร์เลือกให้เมื่อเย็นวานนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องประจำทีมและตรงดิ่งมายังมุมชงกาแฟอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจทีมงานของกองถ่ายที่เข้ามาเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอยู่ภายในห้องรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมาราวกับว่าเขากินยาลืมเขย่าขวดหรือไม่ก็ซัดของผิดสำแดงเข้าไป ธัญย์ธิชาและตรัยคุณที่มักจะพูดคุยกันแทบทุกเรื่องจ้องมองไปที่พี่รองของทีมแล้วก็หันมองสบตากันคนแบบนี้มีความรักจริง ๆ สินะ“พี่รองกลับมาแล้วเหรอครับ” บางคนหายตกใจกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของพี่รองได้ไวก็ส่งเสียงทัก คำว่ากลับมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วว่ารองหัวหน้าทีมหายไปไหน แต่หมายถึงกลับมาทำงานแล้วเหรอ“อื้อ”แม้ว่าจะดูอารมณ์ดีผิดปกติแต่พี่รองก็ยังคงเป็นพี่รอง ผู้กองรังสิมันตุ์ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อย ไม่ได้ม
ตาคู่คมจดจ้องมองเสื้อตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกนำมาทาบตัวก่อนจะถอนใจเบา ๆ หลังจากนั่งเล่นจนเกือบค่ำศศิรินทร์ก็ลากเขามาที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายโดยไม่ฟังคำปฏิเสธใด ๆ แล้วยังสนุกกับการหาเสื้อมาให้เขาตัวแล้วตัวเล่า“ตัวนี้ก็ไม่ถูกใจเธอเหรอ”“เปล่า ถูกใจมากต่างหากล่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะแสดงสีหน้าหนักใจให้ได้เห็นก่อนจะพูดต่อ “แต่ถูกใจทั้งหมดเลย เลือกไม่ถูกเลยเนี่ย”“งั้นก็เอาตัวนี้”“เดี๋ยว... เอานี่ด้วย นี่ก็ด้วย” ไม่เพียงแค่พูดหญิงสาวยังหยิบชุดที่เลือก ๆ ไว้ขึ้นมาอีกหลายตัวยื่นให้พนักงานของร้าน“เยอะเกินไป”“ไม่เยอะ เราซื้อไหว”“แต่เราจะซื้อเท่าที่เราซื้อไหว” ชายหนุ่มโต้แย้งพร้อมกับหยิบขึ้นมาเพียงสองตัว “