“จะดีเหรอวะแก ไปแนะนำพี่เพชรแบบนั้น มีที่ไหน ไปบอกให้หื่นๆ เถื่อนๆ แถมยังหยาบคายใส่พี่อิงแบบนั้นน่ะ ถ้าพี่เพชรทำจริง งานนี้พี่แกนกแน่ หรือถ้ามากไปกว่านั้น อาจจะได้ไปโรงพัก ไม่ข้อหาทำร้ายร่างกายก็ข้อหากระทำอนาจารแน่นอน” ตังเมท้วงลิ้นจี่เบาๆ เมื่อก้าวออกจากห้องนอนของเพชรพร้อม
ทั้งสองคนรู้กันว่าพินทุอรชอบผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย ขาวใสแนวโอปปาเกาหลี เพราะวันก่อนที่นั่งคุยกันเป็นกลุ่มแล้วคุยเรื่องผู้ชายในฝัน หญิงสาวรุ่นพี่บอกแบบนั้น ลิ้นจี่จึงแกล้งบอกเพชรพร้อมในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสเปกจิตแพทย์สาวทุกอย่าง
“ช่วยไม่ได้ ฉันอุตส่าห์อ่อย กะหลอกให้พาเที่ยวแก้เซ็ง ดันไม่ตกหลุม กลับไปแอบชอบป้าแก่ๆ อีกไม่กี่ปีก็ถึงวัยหมดประจำเดือน รอรับเบี้ยคนชราแบบนั้นน่ะ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่เพชรพร้อมบอกว่าแอบชอบคือใคร เพราะสายตาของชายหนุ่มคอยมองตามพินทุอรตลอดเวลาอยู่แล้ว
“เบาหน่อยแก เดี๋ยวพี่อิงมาได้ยินเข้า จริงๆ พี่เขายังสาว ยังสวย แล้วก็น่ารักเป็นกันเอง แกอย่าไปตั้งแง่กับเขาเลยวะ”
“ไม่รู้ละ ก็เขาดันเข้ามาลงสนามแข่งขันพิชิตหัวใจพี่เพชรกับฉันทำไมล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องใจดีกับมือที่สาม”
ตังเมทำตาโตเมื่อได้ยินคำว่ามือที่สาม “มือที่สามอะไรของแก พี่เพชรเขายังไม่ได้ชอบแกค่ะสาว ตื่นก่อน”
“ทำไมจะไม่ชอบ แกไม่เห็นเหรอ พี่เพชรสุภาพกับฉันจะตายไป ทั้งที่ใครก็แถวนี้ก็บอกเหมือนกันหมดว่าพี่เขาชอบพูดจากวนประสาท ตรงๆ ห่ามๆ ไม่ค่อยสนใจใคร แต่เขาก็ยังสุภาพกับฉันอยู่นิดหน่อย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีใจบ้างก็ได้”
“เค้าไม่ได้มีใจ เขาแค่มีมารยาทมั้ยแก ใครจะมานั่งพูดจากวนประสาทคนอื่นได้ตลอดเวลากัน”
“แล้วแกจะขัดฉันทำไมเนี่ยอีตังเม แกเพื่อนฉันไม่ใช่เหรอวะ” ลิ้นจี่ค้อนควัก
เพื่อนหนุ่มใจสาวลดเสียงลงเปลี่ยนเป็นปลอบแทน “เพื่อนคือคนที่ต้องเตือนเพื่อนไงแก ฉันแค่เห็นว่าเขาไม่สนใจแกแน่ๆ จะพยายามไปทำไมให้เปล่าประโยชน์ เสียเวลาหาผู้ใหม่ เปลี่ยนเป้าหมายเถอะ คนนี้ไม่ใช่ของแกแน่นอน แล้วจะหาว่าพี่กะเทยไม่เตือน”
“ก็พี่เพชรหล่อถูกใจฉัน” ลิ้นจี่ยังทำหน้างอ
“คนหล่อที่มหาลัยก็มีเยอะแยะ อายุใกล้กันด้วย คุยภาษาเดียวกัน”
“ที่มหาลัยมีแต่เด็กแหยๆ พี่เพชรดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเยอะ แถมยังได้ลุคดิบเถื่อน กล้ามงี้เป็นมัดๆ เลย ถอดเสื้อเมื่อไหร่รับรองว่าสู่ขิต”
“อยากได้แนวกล้าม ไปหาเอาแถวสนามมวยสิ แบบนี้มีเพียบ กร้าวใจทั้งนั้น แถมถอดเสื้อรอพร้อมชกด้วยนะ”
“ฉันยังชอบที่เขามีรอยสักที่แขนด้วย ให้อารมณ์แบบไม่ใช่คนดีอะ”
ตังเมถอนใจ กลอกตามองบน “คนดีหรือเลวไม่ได้อยู่ที่รอยสักนะแก มันอยู่ที่สันดาน ถ้าไม่ชอบคนดี ฉันแนะนำให้ไปหาในคุกย่ะ จะเอาเลวเลเวลไหน มีตั้งแต่ฉกชิงวิ่งราวไปจนถึงฆาตกรโรคจิต แกเลือกได้เลย”
“แต่พี่เพชรเขารวยด้วยนะ เรียกว่าครบสูตร” หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้
“เขาเป็นเกษตรกร เป็นเจ้าของสวนมะพร้าวธรรมดา ไม่ใช่นักธุรกิจพันล้าน จะรวยสักแค่ไหนเชียว”
“แกเห็นรถเบนซ์สองคันที่จอดอยู่ในโรงรถไหม ยังมีบีเอ็มกับเอสยูวีอีกคันด้วยนะ”
ตังเมส่ายหน้า “ก็แค่มีรถสี่ห้าคัน ถ้ามีเรือรบก็ว่าไปอย่าง”
“ไม่รู้ละ ฉันรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น เรียกได้ว่ามีของ และต้องเป็นของดีของเด็ดประจำตำบลเลยด้วย”
“อืม...ถ้าของใหญ่ก็น่าสนนะ เรียกว่าไม่เสียเวลาที่จะลอง”เพื่อนหนุ่มเริ่มคล้อยตาม ทว่ายังติดใจอยู่นิดหน่อย “แต่จะใหญ่แน่เหรอ คนตัวใหญ่แต่อาวุธเล็กเท่าเขาด้วงงวงช้างก็มีนะโว้ย”
“ตัวใหญ่เท่าควายป่าขนาดนี้ อย่างอื่นจะไปเล็กได้ยังไง ไม่รู้แหละ แกต้องช่วยฉันนะ ฉันอยากเป็นแฟนเขา”
“ฉันมีทางเลือกไหม”
“ไม่มี แก ต้อง ช่วย ฉัน” หญิงสาวเน้นย้ำทีละคำ
เพื่อนหนุ่มใจสาวถอนหายใจปลงๆ “เอาก็เอา แต่ถ้าแกถูกเขาฆ่าหมกสวนมะพร้าวเพราะก่อความรำคาญ อย่าตามมาหลอกหลอนฉัน หาว่าฉันไม่เตือนนะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็นำสำรับกับข้าวลงไปเก็บที่ครัว หลังจากนางรำพึงขึ้นมาเยี่ยมเพชรพร้อมและฝากฝังหลานชายสุดที่รักไว้กับพินทุอรแล้ว ทั้งสามคนก็กลับสาลี่โฮมสเตย์
หลังจากทุกคนแยกย้ายกัน บ้านไม้หลังใหญ่ก็กลับสู่ความสงบ
เพชรพร้อมอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวจะเข้านอน แต่เขายังไม่ง่วงสักนิด อาจเพราะนอนมาทั้งวันแล้วก็เป็นได้ นั่งอ่านหนังสือ ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไปได้พักใหญ่ก็เหลือบไปเห็นยาฆ่าเชื้อที่ข้างเตียง กำลังจะหยิบมากินก่อนนอน แล้วก็คิดอะไรขึ้นได้
แผนที่สองของวันนี้...เอาเรื่องยาไปถามพินทุอรดีกว่า จะได้คุยกับเธอก่อนนอน
แล้วคืนนี้เขาจะนอนหลับฝันดี
ร่างสูงใหญ่กระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ตรงไปเคาะประตูห้องนอนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที รอเพียงชั่วอึดใจ ประตูอีกฝั่งก็เปิดออก
พินทุอรสวมเพียงเสื้อนอนแบบเชิ้ตตัวยาวโคร่งสีขาวคลุมเกือบถึงหัวเข่า มิหนำซ้ำเพชรพร้อมยังสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าตอนที่เปิดประตูออกมารับนั้น หญิงสาวไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน แต่พอเห็นว่าเป็นเขา เธอก็หันไปฉวยเสื้อคาร์ดิแกนมาพาดทับพอไม่ให้น่าเกลียด
“เป็นไงบ้าง ยังไม่หายเหรอ” เธอถามพลางขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นแล้วใช้หลังมืออังบริเวณแก้มและขมับไปจนถึงหน้าผาก “ไม่มีไข้แล้วนี่”
กลิ่นหอมของดอกไม้ปนกับพืชสมุนไพรอ่อนๆ จากเรือนกายสาวโอบล้อมเพชรพร้อมทำเอาเขาลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ภาพปลายถันสีอ่อนเลือนรางภายใต้เสื้อนอนสีขาวบางเบานั่นยังติดตรึง ปวดหนึบที่กึ่งกลางกายขึ้นมาเสียเฉยๆ อยากจะจับกดลงกับเตียงให้รู้แล้วรู้รอด...แต่ก็ทำไม่ได้
แบบนี้จะเรียกว่าเป็นสวรรค์หรือนรกของไอ้เพชรดีนะ
“คือ...ตอนนี้ผมดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติแล้ว ผมแค่จะมาถามว่ายาฆ่าเชื้อที่คุณให้มายังต้องกินอีกไหม” ชายหนุ่มถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกนั่นแหละว่ายาฆ่าเชื้อทุกชนิดต้องกินให้หมดตามที่หมอกำหนดเพื่อไม่ให้เชื้อดื้อยาจนต้องเพิ่มปริมาณในครั้งต่อไป
“กินสิ กินจนหมดนั่นแหละ”
“โอเค ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร มีอะไรก็มาเคาะปลุกได้”
เพชรพร้อมเห็นเธอขยับจะปิดประตูก็รีบชวนคุย
“คุณชอบกลิ่นพวกลูกแพร์กับต้นสนเหรอ”
หญิงสาวเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้ม “ใช่ โดยเฉพาะกลิ่นของต้นสน ชอบมาก คุณเป็นผู้ชาย แยกกลิ่นออกด้วยเหรอ”
“คุณมีจมูกคนเดียวหรือไง ผมก็มีจมูกเหมือนคุณนะ”
“แต่จมูกของผู้ชายแยกแยะอะไรละเอียดไม่ค่อยได้ เหมือนกับสายตาที่มองเห็นสีลิปสติกของผู้หญิงว่ามีแค่แดง ชมพู ส้มนั่นแหละ” มือเรียวยกมาใกล้ใบหน้า จนชายหนุ่มนึกว่าเธอจะฟาดปากเขาเพราะคิดว่าเขากวนประสาท แต่เธอทำเพียงยื่นมาจนเกือบแตะจมูกแล้วท้าทาย “งั้นบอกมาสิ กลิ่นอื่นที่ซ่อนอยู่คืออะไร”
“มีกี่กลิ่น”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด มีสาม”
“ยูคาลิปตัสเหรอ”
พินทุอรเดินไปคว้าหลอดครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังจากอเมริกามาพลิกดูด้านหลัง แล้วหันมองเขาตาโต “จมูกหมาชัดๆ”
“ปากก็หมาด้วย” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะทายถูก”
เพชรพร้อมยักไหล่ “ถ้าคุณคลุกคลีอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าหรือสมุนไพรบ่อยๆ ก็แยกออกเองแหละ คุณยังมีครีมหรือน้ำหอมอื่นอยากทดสอบอีกไหมล่ะ เอามาให้ผมทายได้นะ ผมคิดว่าผมทายถูก”
หญิงสาวมองหน้าเขาเหมือนพยายามจับสังเกต จากนั้นก็ซ่อนยิ้มไว้ในหน้า ก่อนจะโยนหลอดครีมในมือไว้บนเตียง หยิบเสื้อคาร์ดิแกนที่พาดบ่าไว้มาสวมทับแล้วเอ่ยถาม “นอนไม่หลับละสิ เพราะนอนมาทั้งวัน เลยมาหาเพื่อนคุย”
“ก็...ไม่ขนาดนั้น” เขาหลบตาเมื่อถูกจับได้
อันที่จริงเรื่องนอนไม่หลับนั้นมันก็ใช่ แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เขาอยากใช้เวลากับเธอเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้นต่างหากคือเรื่องที่อยู่ในหัวใจจริงๆ
“บ้านคุณมีชาไหม ชาคาโมมายล์หรือชาสมุนไพรอื่น”
“มีชาคาโมมายล์”
“ดีเลย ไปจิบชาก่อนนอนกัน” เธอชวน
เพชรพร้อมนำเธอลงไปที่ห้องทำงานซึ่งมีมุมชากาแฟแยกเป็นสัดส่วน เนื่องจากเขาชอบใช้เวลาอยู่ในห้องนี้เป็นส่วนใหญ่จึงมีของใช้จำเป็นอย่างครบครัน
“ชงมาเผื่อตัวคุณแก้วนึงด้วยนะ” จิตแพทย์สาวกำชับเมื่อเขาเริ่มตั้งน้ำร้อน
ชาคาโมมายล์สองแก้วถูกเสิร์ฟบนโต๊ะไม้สีเข้ม พร้อมโถน้ำตาลก้อน เพชรพร้อมกับพินทุอรคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งเรื่องวัยเด็ก เรื่องงานและเรื่องความชอบส่วนตัว เผลอนิดเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่ง
เพชรพร้อมเห็นพินทุอรหาว จึงรีบถาม “ง่วงหรือยัง”
“ยัง คุยได้ คุณคุยสนุกดี ไม่เหมือนภาพวันแรกที่ฉันคิดไว้เลยสักนิด”
“วันแรกผมเป็นยังไง”
“ดูเงียบๆ น่ากลัว เหมือนไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใคร เหมือนเป็นคนมีปัญหาด้านการเข้าสังคม”
“ผมก็แค่ไม่รู้จะคุยอะไรเท่านั้น” คนมีปัญหาด้านการเข้าสังคมแยกเขี้ยว
พินทุอรตาปรือแต่ยังหัวเราะ “วันนี้เข้าสังคมเป็นแล้วสินะ เพราะคุยเก่งเชียว”
เพชรพร้อมทอดสายตามองพินทุอรที่กำลังง่วงงุนด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็แกล้งอ้าปากหาวกว้างกว่าปกติ
“เฮ้อ...ผมง่วงละ ไปนอนดีกว่า”
“ชาคาโมมายล์ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น” เธอบอก
“นั่นสินะ” เขาเหลือบตามองแก้วชาที่ว่างเปล่าของทั้งคู่ “ต้องเป็นเพราะชาคาโมมายล์แน่ๆ ไป เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่หน้าห้องนอน หวังว่าคุณจะนอนหลับฝันดีนะ”
อันที่จริงชายหนุ่มยังไม่ง่วงสักนิด แต่เขารู้ว่าหญิงสาวที่นั่งจิบชาคุยเป็นเพื่อนเขาร่วมชั่วโมงนั้นตาจะปิดอยู่แล้ว
ทั้งที่ง่วง...แต่เธอก็ยังยอมออกมานั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนเขา ไม่ได้รังเกียจเขา
ถ้าเป็นแบบนี้ ไอ้เพชรก็พอหวังได้สินะ
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย