ชายชราได้บดขยี้น้องชายอันปะติ๋วของเหลยเทียนหมิงไปแล้ว!ภาพนี้ทำให้หยางหลี่และแม่หยางหลี่หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ“ลูก หมอปาฏิหาริย์เหลยที่ลูกหามาดูเหมือนจะท่าไม่ค่อยดีนะ แม่ขอตัวไปก่อนล่ะ!”เฉินเหม่ยลี่กลัวมากจนคลานหนีไป ส่วนหยางหลี่ก็ที่เห็นแม่ของตัวเองหนีไปแล้วก็อยากหนีตามไปเหมือนกัน แต่ในเวลานี้ฉินเป่ยก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ผมปล่อยให้คุณไปแล้วเหรอครับ?”“แก แก แกฉินเป่ยทำภัยใหญ่และครั้งนี้ต่อให้เป็นเทพเซียนมาจากไหนก็ช่วยแกไม่ได้หรอก!”ป๊าบ!เวินซูซูกระโจนออกมาและตบหน้าหยางลี่จนหมดสติ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหน้าเหลยเทียนหมิงและเตะเขาที่เป้าของเขาที่ยังนอนโอดครวญอยู่“ขยะเหมือนหมาแบบแกสมควรคู่ควรให้ฉันไปดื่มเป็นได้ยังไงยะ ไสหัวไป!”เหลยเทียนหมิง ไปไม่ได้เพราะเขาโคม่าไปแล้วในเวลานี้ บอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลเวินปรากฏตัวขึ้นและลากเหลยเทียนหมิงและหยางลี่ออกไปชายชราโค้งคํานับฉินเป่ยพร้อมตั้งท่าจะจากไป แต่ฉินเป่ยเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วแล้วยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งก็ออกมา“ขอบคุณครับ!”หลังพูดจบ ฉินเป่ยจึงหันหลังกลับและเข้าไปในหลังคลินิก ส่วนชายชรายังยืนตะลึงอยู่กับที่!“ปู่หยาง คุณยังงง
ทันทีที่โจวเทียนเป่ยเห็นเวินซูซู สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ขึ้นมาทันทีพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาไม่รู้จักเวินซูซู แต่เขารู้!คุณหนูเวินที่มาจากหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ แห่งหยางตู!สิบตระกูลโจวก็เทียบไม่ได้กับตระกูลเวิน!มีปัญหาแล้ว!ใบหน้าของโจวเทียนเป่ยย่ำแย่มาก เดิมทีเขาทำตามคำแนะนําของน้องรอง และยังไม่อยากยุ่งกับฉินเป่ย แต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน มีคนโยนเหลยเทียนหมิงและหยางลี่ไปที่ประตูโรงพยาบาลและเมื่อหยางลี่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ถามเหตุการณ์และได้รับรู้ว่าฉินเป่ยเป็นคนทำ!เขาทนไม่ไหวแล้ว เหลยเทียนหมิงได้รับเชิญจากเขาให้รักษาขาของโจวห้าวลูกชายของเขา ตอนนี้ขาของลูกชายของเขายังไม่หาย เหลยเทียนหมิงก็ดันมาไร้ประโยชน์ เขาทนไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงมาที่ฉินเป่ยด้วยตนเองแต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเวินซูซูจะอยู่ที่นี่ด้วย อีกทั้งจากคำพูดของเวินซูซูเมื่อกี้นี้ เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวินซูซูกับฉินเป่ยนั้นไม่ธรรมดาแต่เมื่อเขาคิดว่าลูกชายของเขายังคงนอนอยู่ในโรงพยาบาล โจวเทียนเป่ยก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที และพูดว่า “ที่แท้แล้วก็เป็นคุณหนูเวินนี่เอง ขออภัยด้วยนะ”“คุณหนูเวิน ฉินเป่ยไม่เพีย
ฉันไม่สนหรอกนะถ้าจะต้องทำลายคนตระกูลโจวอย่างพวกแกซะ !เสียงของฉินเป่ยไม่ดังมากนัก น้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่กลับทำให้คนฟังอดรู้สึกอกสั่นขวัญหายเสียไม่ได้ในเวลานี้เอง เวินหงอิงได้ออกความเห็นขึ้นมา “เสี่ยวเป่ย เลื่อนเส้นตายนี้ไปอีกสามวันให้หลังได้หรือเปล่า เพราะอีกสามวันจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหยางตู ถึงตอนนั้นพวกตระกูลสูงศักดิ์รวมถึงผู้มีอำนาจแวดวงต่าง ๆ ก็จะมารวมตัวกันครบ!”“ถึงตอนนั้นแล้วก็ค่อยให้โจวห้าวกับหยางลี่มาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าแม่ของคุณค่ะ!”เมื่อฉินเป่ยได้ฟัง เขาก็คิดว่าเอาตามนั้นก็ได้ ถึงก่อนหน้านี้ที่อวี่เจียวหรงโทรมาจะไม่ได้บอกเขาว่าเธอจะกลับมาเมื่อไร แต่เขารู้สึกได้ว่าอีกสามวันให้หลังเธอต้องปรากฏตัวขึ้นแน่ ถึงตอนนั้นจะได้ให้โจวห้าวกับหยางลี่ขอโทษเธอด้วย !“ได้ครับ ท่านย่าเวิน ผมจะทำตามนั้น”เวินหงอิงพยักหน้ารับพลางยิ้มหน้าบาน ทว่า เพียงครู่เดียวสีหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของสองพี่น้องโจวเทียนเป่ย จากนั้นเธอก็แล้วเอ่ยขึ้น “พวกแกสองคนได้ยินชัดหรือยัง?”“ยายเฒ่าเวิน คุณมันร้ายนักนะ ใครจะชนะมันก็ยังไม่แน่นักหรอก!”“ไอ้หนู ไว้คอยดูให้ดีเถอะ คิดจ
หวังเอินไหลได้ยินดังนั้นก็เกิดตกใจขึ้นมาเล็กน้อย“ไอ้หนู ดูไม่ออกเลยนะว่าแกจะมีฝีมืออยู่เหมือนกัน ทำไม แกคิดอยากจะออกตัวแทนนังแพศยาสองคนนี้งั้นเหรอ”“แกต้องคิดดูให้ดีนะ ถ้าฉันลงมือขึ้นมาเกรงว่าแกจะรับหมัดฉันไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว !”หวังเอินไหลหยิบซิการ์ขึ้นมาสูบด้วยสีหน้ายียวน ไม่แม้แต่จะเห็นฉินเป่ยอยู่ในสายตาฉินเป่ยนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามพลางเอ่ยเสียงเรียบ “คุณอยากลงมือกับผม แต่ผมไม่อยากลงมือกับคุณนี่ เพราะมันคุณมันอ่อนแอเกินไป มันสกปรก !”“หรือไม่งั้นคุณคุกเข่าขอขมาสาวสวยสองคนนี้ดีไหม จากนั้นก็ทำลายน้องชายของคุณนั่นให้เละซะ”เมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางกวนประสาทของฉินเป่ยแล้ว หวังเอินไหลไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันได้พูดอะไร เหล่าศิษย์นับสิบกว่าคนของตำหนักเล็กที่เก้าก็พากันด่าทอฉินเป่ยเสียแล้ว“ไอ้หนู แกอย่ามาทำอวดดีนะ แกเป็นใครมาจากไหนกัน”“แกนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ กล้าพูดแบบนี้กับเจ้าตำหนักน้อยของเรา แกมีสักกี่หัวกันฮะ !” “เจ้าตำหนักน้อย ให้พวกเราจัดการมันให้ตายดีไหมครับ !”เหล่าศิษย์จากตำหนักเล็กที่เก้าพากันขยับแข้งขยับขาพร้อมออกหมัด แ
หวังเอินไหลตะลึงงัน และเริ่มลนลานคนที่สามารถทำให้รองเจ้าตำหนักหลักทั้งสองท่านโทรมาเพื่อปกป้องเขาด้วยตนเอง ตัวตนของเขาต้องน่ากลัวขนาดไหน?ทว่าเขาจ้องมองไปที่ฉินเป่ยที่ทำหน้าครุ่นคิดตรงหน้าฆ่าให้ตายก็ไม่เชื่อเขาจะเชิญรองเจ้าตำหนักหลักทั้งสองมาได้ภาพหลอน?ความบังเอิญ?ต้องเป็นความบังเอิญแน่ ๆ !คนที่ท่านพ่อพูดถึงต้องเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน!หวังเอินไหลไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าฉินเป่ยที่อยู่ตรงหน้าเขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนั้น!พอคิดได้เช่นนี้ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที“เหอะๆ ไอ้เจ้านี่ อีกนิดเดียวก็เกือบถูกแกโม้จนเชื่อแล้วเชียว อยากใช้ลูกไม้แบบนี้ขู่ฉันนั้นเหรอ?”“แกมันยังอ่อนเกินไป หักแขนขามันเดี๋ยวนี้!”หลังจากทำเสียงคำสั่งของหวังเอินไหลสิ้นลง สาวกของตำหนักเล็กที่เก้าก้าวเข้าใกล้ฉินเป่ยไปเรื่อยๆ แต่ละคนอวดเก่งกันทั้งนั้น เวินซูซูและหลินชิวเสียตกใจกลัว โดยเฉพาะหลินชิวเสีย เธอตัดสินใจที่จะประนีประนอมเพราะเธอไม่ต้องการทำให้เวินซูซูและฉินเป่ยต้องเดือดร้อนไปด้วย“หวังเอินไหล ให้คนของแกถอยออกไป แกต้องการฉันไม่ใช่หรือไง?” “ฉันตกลงทำตามที่แกขอ แต่ฉันมีเงื่อนไขคือแกต้องปล่อยไปพวกเ
น้ำเสียงของฉินเป่ยฟังดูเรียบ ๆ แต่กลับแฝงไปด้วยพลังสังหาร!เงียบ!ทั้งห้องวีไอพีเงียบสงัดราวกับป่าช้าสีหน้าของหวังเป่ยซานเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้เลย“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ ไม่ต้องกลัวมัน ไอ้เจ้านี่ก็แค่พวกชอบโอ้อวด ฆ่ามันเลย!”หวังเอินไหลพุ่งเข้ามา แต่ยังไม่ถึงตรงหน้าของฉินเป่ยก็ถูกหวังเป่ยซานถีบกระเด็นลอยออกไป จากนั้นออกคำสั่งขึ้นว่า “พามันกลับไปขังเอาไว้ ไม่มีคำสั่งจากฉันห้ามใครปล่อยมันออกมาเด็ดขาด!”เมื่อสาวกคนอื่นได้ฟังก็รีบพุ่งตรงไปยังหวังเอินไหล แต่ทันใดนั้นเองฉินเป่ยก็พูดขึ้นว่า“ใครแตะต้องมัน มันคนนั้นตาย!”น้ำเสียงยังคงเรียบ ๆ เช่นเดิม แต่กลับแฝงไปด้วยจิตสังหารอันน่ากลัว แม้แต่หวังเป่ยซานก็กลัวมากจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกจากร่างไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หวังเอินไหลอีก!“คุณฉิน ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆเหรอครับ ไอ้ลูกชั่วของผมแม้มันจะเดรัจฉาน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ย่ำยีประธานหลินเลยนิครับ คุณฉินครับ ทำอะไรก็ควรทำแต่พอประมาณ วันหลังก็ยังคบกันได้ คุณว่าไหมครับ?“พูดเช่นนี้แล้วผมคงต้องลงมือเองแล้วล่ะ!” ฉินเป่ยนั่งอยู่บนโซฟาและดีดนิ้วโป้งเพียงเบาๆ เป้ากางเกงของหวั
พอหลินชิวเสียเงยหน้าขึ้น พบว่าคนที่โอบกอดเธอไว้ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฉินเป่ย!“คุณฉิน คุณ....”หลินชิวเสียยังพูดไม่จบประโยคดี ฉินเป่ยก็ขัดจังหวะเธอและพูดขึ้นว่า“เธอเกิดมาก็มีโรคกายเย็นอย่างรุนแรง โรคกำเริบเมื่อไหร่ร่างกายจับตัวน้ำแข็งทันที ตอนที่อาการหนักก็จะหมดสติลึก หากไม่รักษาโรคกายเย็นของคุณให้หายขาด อย่างมากคุณจะมีชีวิตได้เพียงสองเดือนเท่านั้น”“ก่อนหน้าที่อยู่ในห้องวีไอพี ผมก็วินิจฉัยได้ว่าสาเหตุการเกิดโรคของคุณแล้ว แต่ตอนนั้นผมยังไม่มั่นใจนัก เมื่อสักครู่นี้ที่อาการคุณกำเริบผมเห็นทั้งหมดแล้ว อาการโรคของคุณพิสูจน์แล้วว่าการวินิจฉัยของผมถูกต้อง!”หลินชิวเสียตะลึงงัน เพราะคำวินิจฉัยของฉินเป่ยต่อสาเหตุการเกิดโรคของเธอถูกต้องทั้งหมดเลย โรคของเธอเป็นโรคกายเย็นที่พบเห็นยาก ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ในทุกๆ ปีเธอทนทุกข์ทรมานอย่างน่าเวทนาหลังจากพ่อแม่ถูกฆ่าตายไประยะเวลาที่อาการจะกำเริบยิ่งสั้นลงเรื่อย ๆ แพทย์ชื่อดังและแพทย์เซียนต่างเคยทำการรักษาเธอ รวมถึงแพทย์เซียนอู่แพทย์เซียนยุทธแห่งเมืองหรงตูผู้มีสมยานามแพทย์หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดน แต่พวกเขาก็ไม่มีรักษาวิธีรักษาเธอได้ตามคำวิน
ฉินเป่ยตัวเขาตกตะลึงจนไม่สามารถขยับตัวได้เพราะเขารู้จักแหวนวงนี้ มันเป็นแหวนคู่ของวงที่เขาสวมอยู่ที่มือ !“พระเจ้าช่วย !ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?”“ท่านอาจารย์หาคู่หมั้นให้ฉันถึงเจ็ดคนแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย?’หลังหายจากอาการตกตะลึง ฉินเป่ยคล้ายจะเห็นว่าอวี่เจียวหรงถือมีดพุ่งตรงมาที่เขา !“บ้าเอ้ย !”ฉินเป่ยแอบบ่นด่าพลางปิดประตูรถแล้วกลับไปที่ห้องนอนหลินชิวเสียอีกครั้ง คิดไปคิดมาเขาก็โทรศัพท์ไปหาคุณพ่อเพื่อบอกเขาว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับไปแล้วหลังโทรศัพท์หาคุณพ่อเสร็จ เขากลับไปที่ห้องรับแขกแล้วเอนกายนอนหลับลงบนโซฟา !เขาหลับยันอรุณขึ้น ขณะที่ฉินเป่ยลืมตาใบหน้าที่งดงามจนหาใครเทียบมิได้ลอยเข้ามาในสายตาของเขา !“ตื่นแล้วเหรอ คุณรู้ความจริงหมดแล้วใช่ไหมคะ?”เจ้าของใบหน้านั้นไม่ใช่ผู้ใด นั่นก็คือหลินชิวเสีย เธอจ้องมองแหวนในมือของฉินเป่ยและถามขึ้นสีหน้าของเธอดูดีมากเลยนะ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอยังอ่อนแอมากฉินเป่ยลุกขึ้นนั่งอย่างว่องไว ขจัดความคิดของตนเองอยู่ครู่และพูดขึ้นว่า “ คุณหนูหลินครับ เรื่องนี้มันยังไงกันแน่? คุณรู้จักกับท่านอาจารย์เหรอครับ?”หลินชิวเสียนั่งลงเบียดใกล้ฉินเป่