...“หาวว...” ลู เซียวเหยา หาวขึ้นมาในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะของเลขา เขาจ้องไปยังประตูห้องของผู้บริหารเป็นครั้งคราว และถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนออกมาเขาได้แต่คิดว่าเขาคงเป็นน้องชายที่น่าเวทนาที่สุดแล้วเขาหิวมากเสียจนตอนนี้ท้องของเขาหยุดร้องไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามคนทั้งคู่ที่อยู่ด้านในก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มกินอาหารเขาเริ่มคิดว่าหรือเขาควรจะออกไปหาอะไรกินเองข้างนอกดี หรือควรจะเคาะประตูขัดขวางช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกเขาดี?ถ้าเขาเลือกข้อแรก เขาก็คงจะไม่ได้กินกุ้งซอสมะเขือเทศฝีมือป้าวูแต่ถ้าเขาเลือกข้อหลัง เขาก็คงจะถูกพี่ใหญ่ฆ่าตายเอาเป็นแน่เมื่อเปรียบเทียบดูเหตุผลสองข้อนั้นแล้ว เขาก็ตัดสินใจได้เขายืนขึ้นเดินไปที่ประตูห้องทำงานของผู้บริหารเตรียมที่จะเคาะประตูอย่างไม่ลังเลแต่ก่อนที่เขาจะได้ทันได้วางมือเคาะ ประตูก็เปิดออกทัง โรลชูว กำลังจะออกมาเรียก ลู เซียวเหยา ให้ไปกินข้าว เธอตกใจที่เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อเธอเปิดประตูออกภาพตรงหน้าช่างตลกเสียจริง เธอมองไปที่ ลู เซียวเหยา ที่มือยังคงค้างอยู่กลางอากาศ “เซียวเหยา นายกำลังทำการแสดงเกี่ยวกับจิตวิญญาณอ
จนกระทั่งทานอาหารเย็นเสร็จ ทัง โรลชูว ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำแม้แต่ตอนที่ ลู เซียวเหยา พูดกับเธอ เธอก็แทบจะไม่พูดตอบเขาเป็นคำ ๆ เธอมีท่าทีเย็นชาและไม่สนใจเขาในตอนแรก ลู เซียวเหยา ก็แปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปสักพักว่าเขาทำผิดไป ตอนที่เขาล้อเลียนพี่ใหญ่ของเขาโดยการพูดว่า พี่ใหญ่กินแค่ลิปสติกก็พอ พี่สะใภ้ของเขาก็เงียบไปเลยหลังจากนั้น“นี่เธออาย หรือว่าโกรธกันนะ?”ในขณะที่เขาพูดเขาก็แอบจ้องไปที่ เธอยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความรู้สึก“เซียวเหยา” ลู ชินจิน เรียกชื่อเขาเมื่อได้ยินเสียงเรียก ลู เซียวเหยา ช้อนตาขึ้นมองเขา อย่างสงสัยพี่ใหญ่ของเขาจ้องลึกเข้ามาถึงจิตวิญญาณของเขา ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “คุณพ่อขอให้นายไปนัดบอดวันมะรืนนี้ เวลา 10 โมงเช้า สถานที่ก็คือ ซี กาแล็กซี อย่าลืมไปให้ตรงเวลาล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น...” เขาตั้งใจที่จะไม่พูดให้จบประโยคแต่ ลู เซียวเหยา ก็ทราบได้จากสายตาที่จ้องเขม็งมาที่เขาว่า หากเขาไม่ไปนัดบอดตัวเขาเองจะต้องพบเจอกับอะไรอย่างไรก็ตาม…“นัดบอดไม่ใช่แนวทางของ ผมมันน่าเบื่อมาก การออกเดทสุดโรแมนติกต่างหากถึงจะเป็นตัวผม” ลู เ
“นายเล่นเก่งหรือเปล่า?”“ก็พอได้ แต่ไม่เก่งเท่าพี่ใหญ่หรอก” นับตั้งแต่ที่เขาเรียนรู้การเล่นหมากรุกมา เขาก็ไม่เคยเล่นชนะ ลู ชินจิน เลย จากเรื่องนี้ก็สามารถรู้ได้ถึงความต่างทางฝีมือของพวดเขา “ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ฉันก็คงจะขอให้ ชินจิน มาเป็นเพื่อนฉันแทนแล้วล่ะ”“หืม?” ลู เซียวเหยา สับสนในคำพูดของเธอทัง โรลชูว ยิ้ม “ก็ในเมื่อชินจิน เล่นหมากรุกเก่งกว่านาย เขาก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับผู้อาวุโสเฉิน”ลู เซียวเหยา ชะงักนิ่งไป “พี่สะใภ้นี่พี่กำลังขอให้ผมเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสเฉินอย่างนั้นเหรอ?”ทัง โรลชูว ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ปิดบังความตั้งใจของเธอไว้ด้วยรอยยิ้มลู เซียวเหยา ถึงกับพูดไม่ออก “พี่สะใภ้ พี่จะชื่นชมผมมากเกินไปแล้วนะ พี่คิดยังไงถึงจะให้ผมเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสเฉิน?”ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะตอบกลับ “นายต้องเข้าใจสิว่าเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกิจกรรมยามว่างของเขาเพื่อที่เราจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรานะ”“ปรับตัวเข้ากับกิจกรรมยามว่างของเขาเนี่ยนะ?”“ใช่สิ” ทัง โรลชูว ตบไหล่เขา ผู้อาวุโสเฉิน ชอบเล่นหมากรุก เราก็ต้องเล่นหมากร
"เมื่อวานเธอก็มาที่นี่งั้นเหรอ?" ผู้อาวุโสเฉินถามในขณะที่เขากำลังสำรวจ ลู เซียวเหยาลู เซียวเหยา ตอบแบบยืนยัน “เมื่อสองวันก่อนผมก็มา แต่คุณไม่อยากเจอผมนี่ครับ”"สองวันก่อนเหรอ?" ผู้อาวุโสเฉินขมวดคิ้วและครุ่นคิดก่อนจะถามคำถามเพื่อทดสอบเขาบางอย่าง “เธอกับทัง ซอง รู้จักกันอย่างงั้นเหรอ?”ลู เซียวเหยา ยิ้มและตอบว่า "ลูกสาวของเขาเป็นพี่สะใภ้ของผมครับ"“เธอคงมาจากตระกูลจีสินะ” ใบหน้าของผู้อาวุโสเฉินไร้ซึ่งความรู้สึกทันทีลู เซียวเหยา พูดไม่ออกทำไมถึงคิดว่าเขาเป็นคนของตระกูลจีกัน?อันที่จริงเขาไม่สามารถตำหนิผู้อาวุโสเฉินเรื่องนี้ได้ เพราะผู้อาวุโสเฉินคงจะจำได้แค่ว่า ลูกสาวของ ทัง ซอง นั่นก็คือโรลชูวที่ยังไม่ได้แต่งงาน มีเพียงลูกเลี้ยงของเขา กู โรลโรล ที่แต่งงานกับ จี ยินเฟง อดีตคู่หมั้นของ ทัง โรลชูวเมื่อ ลู เซียวเหยา บอกว่าลูกสาวของ ทัง ซอง เป็นพี่สะใภ้ เขาจึงสันนิษฐานว่า เซียวเหยา หมายถึง กู โรลโรล ซึ่งนั่นเขาจึงคิดว่า ลู เซียวเหยา เป็นคนของตระกูลจีลู เซียวเหยา กระแอมเล็กน้อยและอธิบายว่า "คุณลุงครับ ผมหมายถึง ทัง โรลชูว ลูกสาวของ ทัง ซอง ครับ"“โรลชูวงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเฉินรู
แม้ว่าเขาจะชนะแล้ว แต่ ลู เซียวเหยา ก็ไม่รู้สึกยินดีเลยเขาเรียนหมากรุกมาตั้งแต่เด็ก และนอกจากพี่ใหญ่ของเขาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งคนที่เขาไม่เคยชนะและแพ้ทุกครั้งที่เล่นอย่างน่าสังเวชปู่ของเขา นายพลเซินเขาสามารถรู้สึกได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอในตอนแรกเฒ่าเฉินมีกลยุทธ์ของเขา เขามีแผนสำหรับทุกการเคลื่อนไหวแต่เมื่อเกมดำเนินต่อไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มขยับหมากรุกของเขาไปรอบ ๆ อย่างไม่ระมัดระวังและขยับมันไปทั่วกระดาน เขารู้สึกกังวลมาก เขาทำผิดพลาดเหมือนเป็นแค่มือสมัครเล่น คือส่งหมากรุกทั้งหมดไปอีกด้านหนึ่งดูเหมือนว่าเฒ่าเฉินจะไม่ได้ใช้กลยุทธ์ใด ๆ แต่เมื่อเขาชนะ ก็มีแต่ ลู เซียวเหยา เท่านั้นที่รู้ว่าเฒ่าเฉินได้...แพ้เขาอย่างราบคาบ"เธอได้รับรางวัลแล้ว" เฒ่าเฉินยิ้มก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ทัง โรลชูว “ฉันจะไปเข้าประชุมในวันพรุ่งนี้”ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างสดใส “ขอบคุณค่ะ ลุงเฉิน”ลุงเฉินยิ้ม เขายืนขึ้นเพื่อตบไหล่ของ ลู เซียวเหยา เขาก็เห็นว่า เซียวเหยา ยังคงจ้องกระดานหมากรุกอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นลู เซียวเหยา เงยหน้าขึ้นมองเขาและยิ้มอย่างครุ่นคิด และเขาก็พูดขึ้นม
"ห๊ะ?" ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับสายตาที่ดูเป็นมิตร “กลัวว่าฉันจะไปหาเรื่องผู้หญิงคนอื่นเหรอ?”หยิง เสี่ยวเซียว ค่อย ๆ ยิ้มเล็กน้อย แต่เธอก็รีบหุบยิ้มไป เธอตบไหล่เขาและหัวเราะออกมาเสียงดัง "ลู เซียวเหยา นายเป็นคนที่มีจินตนาการที่ดีมากเลย! นายควรไปเขียนบทละครนะ"ขณะที่เธอกำลังตบไล่เขาเบา ๆ ลู เซียวเหยา ก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด เขาขยับมือของเธอออกไปและบ่น "หยิง เสี่ยวเซียว พูดดี ๆ สิ หยุดตีไหล่ฉันซักที!"มือของ หยิง เสี่ยวเซียว แข็งขึ้นกลางอากาศ เมื่อเห็นว่าเขาไม่พอใจ เธอจึงดึงมือกลับมาและตอบว่า "ฉันขอโทษ ฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อยน่ะ"หลังจากนั้นเธอก็ถามว่า "แล้วยังไง พรุ่งนี้นายไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ"ลู เซียวเหยา ลูบไหล่ของเขาเบา ๆ เพราะเขาเจ็บจากที่เธอตีเมื่อกี้ และตอบเธอ "พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอตอน 9 โมงเช้า อย่าลืมแต่งตัวด้วยล่ะ"“ฉันต้องแต่งตัวด้วยเหรอ?” หยิง เสี่ยวเซียว ถูคางของเธอด้วยความสับสน ก่อนที่ดวงตาของเธอจะสว่างขึ้น เขากำลังจะ...เธอเงยหน้าขึ้นและกำลังจะถามเขา แต่เขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วเมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดสนิท หยิง เสี่ยวเซียว ก็เม้มริมฝีปากของเธอ
ทุกคนรู้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพี่น้องทั้งสอง ทั้งสองคนเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน นั่นทำให้ไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดอยากมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของพวกเขาหลังจากนั้นไม่นาน กู โรลโรล ก็พูด "เนื่องจากทุกคนมาที่นี่แล้ว งั้นเราก็เริ่มประชุมกันเถอะ"ทุกคนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม เพราะนี่คือการประชุมที่จะกำหนดอนาคตของ ทัง กรุ๊ปกู โรลโรล เหลือบมองคนที่นั่งลงก่อนจะดันเอกสารของเธอไปข้างหน้า "โปรดดู นี่คือเอกสารรับรองการโอนหุ้นของพ่อที่ยกให้ฉัน"ทุกคนเริ่มอ่านข้อตกลงการโอนหุ้นดังกล่าวผู้ถือหุ้นทำงานกับ ทัง ซอง เป็นเวลาหลายปีและโดยปกติแล้วพวกเขาคุ้นเคยกับลายมือและลายเซ็นของเขา ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความถูกต้องของเอกสารนี้แต่เมื่อพวกเขาส่งเอกสารให้แก่คุณเฉิน เขาจ้องมองไปที่ลายเซ็นอย่างจริงจังจนคนอื่นเริ่มหมดความอดทน"ท่านอาวุโสเฉิน มันเป็นเรื่องจริงน่า หยุดมองได้แล้ว""ใช่ คุณกำลังทำให้เราเสียเวลา"“ฉันรู้ว่ามันเป็นลายมือของ ทัง ซอง เนื่องจากฉันไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นมันเป็นของจริงแน่นอน”ทัง โรลชูว มองไปที่ผู้ถือหุ้นที่เริ่มอดทนไม่ไหว และใช่ พวกเขาเป็นกลุ่มของ กู โรลโรลเธอมองไปที่ กู โรลโรล อย่างต
การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นเหมือนกับที่ กู โรลโรล คิดเอาไว้ ผู้ถือหุ้นที่อยู่เคียงข้างเธอแนะนำให้เธอเป็นประธานของ ทัง กรุ๊ป และผู้ถือหุ้นอีกด้านแนะนำ ทัง โรลชูว สำหรับตำแหน่งนี้ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงทะเลาะกัน ทั้งสองฝ่ายไม่เต็มใจที่อีกฝ่ายคิดไม่เหมือนกัน นั่นจึงทำให้สถานการณ์ในห้องประชุมนี้กำลังวุ่นวายถึงเวลาแล้วที่ กู โรลโรล จะต้องลงมือเธอลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเธอ"แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ลูกสาวที่กำเนิดจากพ่อ แต่เขาก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนลูกแท้ ๆ และฉันก็เห็นว่าเขาเป็นพ่อที่แท้จริงของฉัน คราวนี้เขาเจ็บป่วยและฉันมีความรับผิดชอบที่จะต้องพา ทัง กรุ๊ป พัฒนาต่อไปข้างหน้าเพื่อพ่อ”เธอเสแสร้ง!ทัง โรลชูว ตะคอกและมองไปที่ กู โรลโรล ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันจะมีซักกี่คนที่พูดออกมาอย่างเสแสร้งแต่ยังดูไร้เดียงสาแบบนี้ได้นะ?คนที่ไม่รู้จักเธอดี คงมองว่าเธอเป็นเด็กที่รักพ่อแม่เป็นอย่างมากแน่นอน“ฉันเชื่อว่าฉันจะทำให้ ทัง กรุ๊ป ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้!” กู โรลโรล กล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อเธอพูดจบ ทัง โรลชูว ก็ปรบมืออย่างอบอุ่นให้เธอทันที"