“ชินจิน” ทัง โรลชูวเดินเข้ามาหาลู ชินจิน และมองไปที่เขา “คุยกันเสร็จแล้วเหรอคะ?”ลู ชินจินมองไปที่ หยิง เสี่ยวเซียว และ ซอง อันยีก่อนที่เขาพยักหน้า “ใช่ เราคุยกันเสร็จแล้วครับ”“แล้วโมเฟยล่ะคะ?” เธอมองดูห้องผู้ป่วยด้านหลังเขา และขมวดคิ้วเล็ก ๆ ของตัวเอง“ปู่ยังคุยกับเขาอยู่” ลู เซียวเหยาตอบกลับ อีกด้านหนึ่ง เขามองไปที่ซอง อันยี และมีร่องรอยของความเห็นใจปรากฎขึ้นในแววตาของเขา “หลาย ๆ อย่างไม่ดีเอามาก เตรียมใจไว้นะ”“คุณหมายความว่าไงที่ว่าหลาย ๆ อย่างไม่ดีเอามาก?”หยิง เสี่ยวเซียวหยิกอย่างไม่พอใจไปที่แขนของเขา และความเจ็บปวดทำให้เขาร้องออกมาพร้อมกับรีบอธิบายว่า “หมอบอกว่าอาการของปู่ไม่สู้ดีนัก และเวลาของปู่อาจจะหมดลงเร็ว ๆ นี้”“พูดจริงเหรอ?” หยิง เสี่ยวเซียวถามไม่มีใครในหมู่พวกเขาคิดเลยว่าหลายสิ่งจะร้ายแรงขนาดนี้ทัง โรลชูวมองไปที่อันยี ที่เงียบอยู่อย่างกังวลและถามว่า “ปู่พูดอะไรบ้างไหม?”“เรื่องนั้น…” ลู เซียวเหยาชำเลืองมองไปที่ซอง อันยี ก่อนจะพูดบางอย่างอย่างลังเลว่า “ความปรารถนาของปู่คือ…”หยิง เสี่ยวเซียวที่เห็นความลังเลของเขา รู้สึกโกรธ “พูดออกมาสิ จะอ้ำอึ้งไปเพื่ออะไร?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของเขา จมูกของเธอเริ่มเจ็บแสบ เธอเงียบปากเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มซึ่งทำให้หน้าของเธอน่าเกลียดกว่าตอนน้ำตาไหล “ฉันอยู่นี่ค่ะ”“บอสครับ พี่ ผมจะพาอันยีกลับบ้านก่อน” เซิน โมเฟยหันหน้าเข้าหาลู ชินจิน เมื่อรู้ว่าพวกเขาจะพูดคุยกันแล้ว ทัง โรลชูวพยักหน้าและพูดว่า “งั้นกลับบ้านก่อนเถอะ เราก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”เซิน โมเฟยประคองซอง อันยี ด้วยแขนและพาเธอไปที่ลิฟท์“โมเฟย!” ทัง โรลชูวตะโกนหาเขาอย่างกะทันหันเซิน โมเฟย และ ซอง อันยีหยุดและหันหลังกลับ ได้ยินแค่ที่เธอพูดเสริมว่า “โมเฟยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้นะว่าเธอยังมีพวกเราอยู่นะ”โมเฟยอ้าปากอย่างช้า ๆ และยิ้มโง่ ๆ ออกมา แววตาของเขาเป็นประกายด้วยความขอบคุณ หลังจากนั้นเขาจับมือของอันยีและเดินต่อไปข้างหน้า ขณะที่ยิ้มจาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาในท้ายที่สุดคำพูดของพี่สะใภ้ของเขาเป็นเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่นที่พัดผ่านหัวใจที่มืดมนของเขา ขณะที่ความมืดมิดหายไปอย่างรวดเร็ว เขารู้แล้วว่าตอนนี้เขาต้องทำอะไร…เมื่อเห็นว่าโมเฟยและอันยีเดินเข้าไปในลิฟท์ ทัง โรลชูว เงียบก่อนที่จะมองไปที่
ปู่เซินดูแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอคิดว่าเขาคงเป็นคนที่เข้มงวด และไม่คาดคิดว่าเขาจะดูอบอุ่นตลอดจนใจดีอีกด้วยทัง โรลชูวไม่เข้าใจว่าคนที่อบอุ่นคนหนึ่งถึงกลายเป็นคนใจร้ายมากได้อย่างไร?เธอเดินเข้าไปและทักทายเขา “คุณปู่”เมื่อได้ยินแบบนั้น ปู่เซินยิ้มกว้าง “สาวน้อย เข้ามาสิ มาให้ปู่มองหนูหน่อยสิ”ทัง โรลชูวเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟังและให้ชายแก่พินิจดูรูปลักษณ์ภายนอกของเธออย่างละเอียด ยิ่งเขามองไปที่เธอมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกชื่นใจมากเท่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลู ชินจิน “ชินจิน สาวน้อยคนนี้มีใบหน้าที่งดงาม และเธอเหมาะกับเธอมาก ๆ”ในอดีต เขากังวลอยู่เสมอว่าหลานชายที่เยือกเย็นของเขาคนนี้คงจะกลายเป็นคนที่เกลียดชังการแต่งงาน ในตอนนี้ดูเหมือนคนแห่งโชคชะตายังไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้นลู ชินจินเดินเข้าไปจับมือของทัง โรลชูว พร้อมกับยิ้มและหยอกปู่เซินว่า “ปู่ไปเรียนเรื่องโหงวเฮ้งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ชายแก่ตอบกลับด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง “ปู่ไม่รู้เรื่องโหงวเฮ้งหรอก แต่หลังจากที่อยู่มาหลายปีแล้ว ปู่รู้วิธีมองคนไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น…”เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิด “แฟนของเจ้าโมเฟยนั่
“ไม่ว่าเธอจะดีหรือไม่ ฉันเห็นได้ด้วยตัวฉันเอง ฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอกหรอก” ในตอนนี้ปู่เซินโกรธเล็กน้อยทัง โรลชูวไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย “คุณปู่ คนเราจำเป็นต้องรู้จักกันก่อน ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าคนไหนดีหรือเลว ปู่รู้ได้ไงว่าเธอดีหรือไม่ดีเพียงของมอง?”“ชินจิน เอาตัวเธอออกไปจากตรงนี้ซะ!” ความสุขในครั้งแรกของปู่เซินที่ได้เห็นทัง โรลชูว ได้หายไปหมด ณ จุดนั้นลู ชินจินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดปกป้องทัง โรลชูวว่า “ปู่ ที่ชูวชูวพูดไม่ผิดซะหน่อย โมเฟยไม่ใช่เด็กแล้วนะ และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกชีวิตของตัวเอง เพราะงั้นผมหวังว่าปู่จะคิดเรื่องนี้ได้นะ”ขณะที่พูด เขาหันไปหาทัง โรลชูว และพูดว่า “ชูวชูวกลับกันเถอะ”ทัง โรลชูวรู้ว่าชายแก่เป็นคนดื้อด้าน และเธออาจจะไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้อย่างทันที“คุณปู่งั้นเราจะกลับไปก่อนนะคะ” ทัง โรลชูวคำนับปู่เซินที่ใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม อย่างสุภาพก่อนที่เธอจะเดินออกจากประตูไปพร้อมกับลู ชินจินหลังจากที่พวกเขาออกไป ซู เหวินจิงที่เอาแต่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็พูดว่า “คุณปู่คะ อย่าโกรธไปเลย พี่ใหญ่ชินจินกับภรรยาของเขาคงไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก”“ตั้งใจอ
ดังคำกล่าวที่ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ก่อนที่เรื่องของอันยีจะถูกแก้ไข สถานการณ์อื่นของเสี่ยวเซียวที่ถูกคลี่คลายได้จบลงแล้วลุงหยิงได้ถูกพาตัวไปโดยกองปราบปรามการธุรจริตด้วยข้อหาทุรจริตและติดสินบนเจ้าพนักงาน เมื่อทัง โรลชูวได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เท่าที่เธอรู้ ลุงหยิงเป็นคนที่ซื่อตรงและมีหลักการ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?เมื่อทัง โรลชูวรีบไปยังที่อยู่ของเสี่ยวเซียว หยิง เสี่ยวเซียวกำลังปลอบโยนป้าหยิงที่กำลังร้องไห้ออกมา“แม่คะ พ่อไม่ใช่คนแบบนั้น หนูมั่นใจว่าเขาจะกลับบ้านมาเร็ว ๆ นี้แน่”หยิง เสี่ยวเซียวไม่เชื่อว่าพ่อของเธอจะยอมเสี่ยงและทำในสิ่งที่ทำร้ายตัวเขาเอง ในเมื่อการติดตามและตรวจสอบการทุจริตเป็นไปอย่างเข้มงวด “เสี่ยวเซียว...ถ้าพ่อของหนู…” นางหยิงร้องไห้อย่างหนักจนพูดแทบไม่เป็นประโยค“แม่คะ อย่าคิดมากไปเลย เชื่อใจพ่อสิ และเขาจะต้องกลับมาเร็ว ๆ นี้แน่” หยิง เสี่ยวเซียวตบหลังแม่ของเธอและโอบกอดไว้ในอ้อมแขนเมื่อทัง โรลชูวเห็นว่าป้าหยิงร้องไห้อย่างหนัก เธอรู้สึกทุกข์ใจ ขณะที่เดินเขาไปและกระซิบว่า “คุณป้า เสี่ยวเซียว”เมื่อทั้งหยิง เสี่ยวเซียว แล
“ชูวชูว...” หยิง เสี่ยวเซียวโผเข้าสู่อ้อมแขนของเธอและร้องไห้ออกมาเมื่อเธอกลัวเรื่องความทุกข์ใจของแม่ที่ห่วงพ่อเป็นอย่างมาก เธอได้แต่กลั้นเอาไว้ ตอนนี้ต่อหน้าชูวชูวที่เป็นห่วงเธอ เธอปล่อยความรู้สึกที่อุดอู้ทั้งหมดออกมา ทัง โรลชูวลูบหลังเธออย่างอ่อนโยนและไม่พูดอะไร เธอปล่อยให้เพื่อนเงียบไป…“ดูเหมือนว่าตาแก่ยังคงมีความเคลื่อนไหว”หลังจากที่ลู ชินจิน ได้ยินรายงานของมู หลิง ท่าที่ที่จริงจังปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเมื่อชูวชูวขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เขาได้ขอให้มู หลิง สืบสวนในทันทีด้วยการสืบสวนนั้น เขาได้รู้ว่าหลายอย่างไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด“ท่านประธาน ตอนนี้เราควรจะทำยังไงดี?” มู หลิงแสดงท่าทีที่เอาจริงเอาจังเล็กน้อยเด้วยเช่นกัน เขารู้ความเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนในตระกูลลูเป็นอย่างดี และเขายังรู้อีกว่าท่านประธานจะแสดงท่าทีต่อตระกูลหยิงเพียงเพื่อใช้นายน้อยเซียวเหยาคุมตำแหน่งประธาน”ลู ชิจินเขม่น เผยให้เห็นความรุนแรงในแววตาของเขา “ตาแก่กำลังแส่มือเข้ามามากเกินไป เขาคิดว่าเป่ยหนิงเป็นเหมือนเมืองหลวง จนเขาคิดว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการงั้นเหรอ?”เข
ในตอนที่ทัง โรลชูว กลับถึงบ้านจากที่อยู่ของตระกูลหยิง มันเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วเมื่อเธอก้าวเข้าไปในบ้าน เธอเห็นลู ชินจิน กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรอเธออยู่ลู ชินจินที่ได้ยินเสียงที่เคลื่อนไหว หันมาและมองไปที่เธออย่างอบอุ่น “ทำไมคุณถึงกลับมาช้านักล่ะ?”“ฉันเป็นห่วงเรื่องเสี่ยวเซียวค่ะ” ทัง โรลชูวเดินไปนั่งข้าง ๆ เขาอย่างช้า ๆ จากนั้นเธอพิงหัวไปที่ไหล่ของเขา และค่อย ๆ หลับตาลง ดูเหมือนจะเหนื่อยเอามาก ๆ ได้ยินแค่เสียงนาฬิกาติดผนังที่ดังขึ้นในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ขณะที่ลู ชินจิน ยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเธอและลูบอย่างอ่อนโยนหลังจากครู่หนึ่ง เธอถามว่า “ชินจิน การสืบสวนเป็นไงบ้างคะ?”ลู ชินจินเงียบ และเขาไม่ตอบคำถามของเธอในทันทีขณะที่เธอไม่ได้ยินการตอบกลับจากเขาไปพักใหญ่ ทัง โรลชูวลืมตาขึ้นและหันไปมองที่ชัดเจนของเขาพลางขมวดคิ้ว “มีอะไรบางอย่างผิดปกติใช่ไหมคะ?”ลู ชินจินพูดเสียงเบาว่า “ใช่ครับ” ไม่พูดอะไรอีกเลยทัง โรลชูวขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เธอยืนขึ้นและถามอย่างสงสัยว่า “ชินจิน มีปัญหาอะไรเหรอคะ? คุณลุงหยิงไม่ได้รับสินบนอะไรเลย ใช่ไหมคะ?”“ใช่ เขาไม่ได้ทำ” ลู ชินจินพยักหน้า“ฉันว่าแล
เธอหลับตาลงอย่างช้า ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ค่ะ ทุกอย่างจะผ่านไป”…ทัศนคติของเซิน โมเฟย มั่นคงกว่าที่เคย และเขาได้ทำให้ปู่เซินทั้งโกรธตลอดจนเสียเกียรติในเวลาเดียวกันเขาคิดว่าด้วยอาการป่วยของเขาและ อย่างน้อยไอ้เหลือขอนั่นคงจะอยากประณีประนอมกับเขา แต่เขาก็ไม่ นั่นจึงทำให้เขาโกรธและเป็นทุกข์ซอง อันยีนั่นสำคัญมากกับไอ้คนเหลือขอเหม็นโฉ่มากกว่าเขาแล้วในตอนนี้ซู เหวินจิงสังเกตเห็นว่าปู่เซินได้เคร่งเครียดไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ และเธอรู้ว่ามันเป็นเพราะพี่สามของเธอเอง ดังนั้นเธอเริ่มคิดที่จะตามหาเซิน โมเฟยในตอนที่เธอเห็น เซิน โมเฟย และ ซอง อันยีเดินออกจากตึกไทม์ แววตาของเธอดูจืดจางเล็กน้อย เมื่อพวกเขาเห็นเธอ ทั้งเซิน โมเฟย และซอง อันยีจึงหยุดพร้อม ๆ กันเธอเดินเข้ามาและถามว่า “พี่สามพอจะสะดวกคุยกับฉันไหม?”เซิน โมเฟยหันและเหลือบมองไปที่ซอง อันยี ก่อนที่จะปฏิเสธคำขอของเธอไป “มันคงจะไม่สะดวกนะ”ซอง อันยีรู้ว่าซู เหวินจิง มาหาโมเฟยเรื่องปู่ของเขา ดังนั้นเธอจึงบอกกับโมเฟยว่า “คุยกับเธอก่อนเถอะค่ะ ฉันจะไปรอในรถนะ”ขณะที่เธอพูด เธอพยักหน้าให้กับซู เหวินจิงและเดินไปยังลานจอดรถก่อน“งั