พิงค์ Talk
“อืออ….” ฉันเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นหันมองไปรอบๆตัว จนได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของฉัน ทันใดนั้นภาพเมื่อคืนมันก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน “บ้าชิบ!!” ฉันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นออกมาจากห้องนั้นด้วยวามทุลักทุเล มีแต่เรื่องบ้าบอจริงๆยัยพิงค์ โดนแฟนบอกเลิกไม่พอ ยังจะมาถูกใครก็ไม่รู้เปิดซิงอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ สงสัยต้องไปอาบน้ำมนต์เก้าวัดเก้าวาซะแล้วมั้ง “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยถามดังขึ้น ขณะที่ฉันกำลังมองไปรอบๆเพื่อหาทางออก “พาฉันมาที่นี่ทำไม?” ฉันหันกลับไปถามเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องหน้าเขาตาเขม็ง หล่อดีนะ มาดเข้ม สูง ยาว ใหญ่ แต่เสียดายทำให้ฉันไม่ถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่เจอ อย่าหวังว่าฉันจะคุยดีด้วยอีกเลย “แล้วจะให้ฉันพาเธอไปที่ไหน ทิ้งไว้ข้างถนนเหรอ?” “ปากหมา!” “ขอบคุณที่ชม” เขายกยิ้มใส่ฉัน นี่กำลังด่าอยู่นะ หน้าหนาจนไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง “ฉัน จะ กลับ บ้าน” ฉันเน้นทุกคำพูดใส่ผู้ชายตรงหน้า “ก็กลับสิ ใครมัดเธอไว้ล่ะ เท่าที่ดูก็ไม่นะ หรือว่าเธออยากอยู่กับฉันล่ะ ติดใจ…เมื่อคืนเหรอ” เขาไล่สายตามองฉันอย่างหื่นกาม แถมยังแลบเลียมุมปากตัวเองอีก ทุเรศชะมัด เพี๊ยะ! “สารเลว ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย” ฉันเดินออกมาด้วยความโมโห เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันไม่ถูกชะตาได้ตั้งแต่แรกเจอ แถมยังทำให้ฉันเกลียดได้ภายในข้ามคืนอีกต่างหาก ใช่เขาคือคนแรก ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะปกติฉันเป็นคนเฟรนลี่กับทุกคนอยู่แล้ว ฉันเดินออกมาเรียกรถแท็กซี่กลับคอนโดเพราะไม่ค่อยอยากลับบ้านเท่าไร กลับไปก็เจอแต่อะไรไม่รู้ น่าเบื่อเหมือนกันนะชีวิตที่ถูกบังคับอยู่ตลอดแบบนี้ ฉันต้องเรียนวิชานี้สายนี้เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว ต้องวางดีตัววางมาดผู้ดีเข้าไว้จะเป็นเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม ซึ่งนั่นไม่ใช่ฉัน นี่แหละสาเหตุที่ฉันย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว มันน่าเบื่อไปหมด ครืด ครืด ครืด ฉันชำเลืองตามองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปลายสายที่โทรมาเป็นเบอร์ของคุณแม่แต่ฉันเลือกที่จะไม่รับสาย เพราะฉันเบื่อ หลายอาทิตย์มานี้ฉันไม่ได้กลับบ้านเลย วันหยุดฉันก็เที่ยวดื่มกับเพื่อนฝูงตามปกติของฉัน เพิ่งฉันจะเที่ยวเก่งเที่ยวบ่อยแต่การเรียนของฉันมันก็ไม่ได้ด้อยลงไปเลย ฉันก็แค่อยากเที่ยวอยากปลดปล่อยตัวเองบ้าง "อืมม....สบายจัง" ฉันนอนแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างใหญ่ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรก็โมโหผู้ชายคนนั้นไม่หาย คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันถึงจะทำอะไรใครก็ได้แบบไม่รู้สึกผิดอย่างนี้ เขาคงจะเคยชินกับการใช้ร่างกายของผู้หญิงเป็นที่ปลดปล่อย แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น ฉันไม่ได้ขายตัว และฉันก็ไม่ใช่ของที่ไว้ให้ผู้ชายได้ปลดปล่อยด้วย "เกลียด! เกลียด! เกลียด! ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุดเลย ขออย่าได้เจอกันอีกเลยทั้งชาตินี้และชาติไหนๆ กรี๊ดดดอร๊าย!!" ฉันกรีดร้องสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครได้ยินหรอกเพราะคอนโดหลังนี้ถูกทำขึ้นเป็นอย่างดีไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไปแน่นอน ผ่านไปสักพัก ฉันลุกขึ้นจากอ่างน้ำใหญ่นุ่งผ้าขนหนูแล้วเดินออกไปด้านนอกแต่แล้วฉันก็ต้องผงะเมื่อมีผู้ชายคนนึงนั่งหันหลังอยู่บนโซฟาในห้องของฉัน โจรเหรอ? หรือว่าโรคจิต ว่าแต่เขาเข้ามาได้ยังไง ฉันจำได้ว่าฉันล็อกประตูไปแล้วนี่นา และห้องนี้ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่มีคีย์การ์ด "เข้าไปนานเลย ฉันว่าจะเข้าไปตามละ แต่เธอเดินออกมาพอดี" เจ้าของร่างนั้นพูดเสียงเรียบ ว่าแต่น้ำเสียงของเขาดูคุ้นๆนะ "คุณ!!" "นึกว่าจะจำผัวคนแรกไม่ได้ซะแล้ว" ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามามองฉัน "คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" "....." เขานั่งเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของฉันเลย "ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความให้ตำรวจมาจับคุณ!" "เอาซี้แจ้งเลย" เขาพูดท้าทายด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง "คนทั้งตึกนี้จะได้รู้ว่าเธอมีผู้ชายมาหาถึงห้อง และคราวนี้มันก็จะเป็นข่าวใหญ่โตและในที่สุดมันก็จะไปถึงหูของพ่อแม่เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากนั้นอะไรมันจะเกิดขึ้น" "นี่คุณ!!" "...." "คุณต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันบอกไปแล้วไงว่าเราไม่ต้องมาเจอกันอีก เรื่องเมื่อคืนก็ลืมๆมันไปซะ ฉันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น" "ฉันทำแบบนั้นไม่ได้สิ" "แล้วคุณต้องการอะไรจากฉัน?" "แต่งงานกับฉัน" "ห๊ะ!?" ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เขาบอกให้ฉันแต่งงานกับเขา "ฉันไม่แต่ง!" ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง เขาเป็นใครมาจากไหนฉันยังไม่รู้จักเลย จะให้แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง ฉันไม่เอาด้วยหรอก "เธอไม่แต่งก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมเธอเป็นของฉัน และฉันก็จะทำทุกวิถีทางจนกว่าเธอจะยอมแต่งงานกับฉัน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรไม่ว่าจะต้องสูญเสียกี่ชีวิตฉันก็จะทำ" "...." น้ำเสียงของเขามันดูเย็นยะเยือกแปลกๆ เขาจ้องมองนัยน์ตาของฉันก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องไป ทิ้งเพียงความงุนงงเอาไว้ให้กับฉัน4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค