พิงค์ Talk
สองปีต่อมา ตอนนี้ฉันได้โกอินเตอร์มาอยู่ที่เมืองนอกแล้วนะ ไม่ใช่อะไรหรอกฉันมาเรียนต่อต่างหากล่ะ ฉันตัดสินใจทำเรื่องยื่นกับมหาวิทยาลัยเพื่อจะมาเรียนต่อที่ต่างประเทศกับญาติที่รู้จัก ฉันเบื่อที่จะต้องอยู่บ้านแล้วโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากทำ โดยเฉพาะการถูกจับคลุมถุงชน ฉันถูกคุณพ่อกับคุณแม่บังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ซึ่งฉันไม่เคยเห็นหน้าเห็นตามาก่อนเลย ฉันเคยเจอแต่ในละครไอ้เรื่องจับคลุมถุงชนเนี่ย ไม่คิดว่าชีวิตจริงจะยังมีคนทำแบบนี้อยู่ คิดเหรอว่าคนอย่างพิงค์จะยอม ฉันทำเรื่องยื่นกับมหาวิทยาลัยสำเร็จแล้วฉันก็รีบบินไปต่างประเทศทันที ฉันถึงจะโทรกลับมาบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าฉันมาเรียนต่อที่เมืองนอก นี่แหละวิธีเอาตัวรอดของฉัน แต่ไม่รู้ว่ากลับไปจะเจออะไรอีกบ้าง "เฮ้พิงค์! ยูนั่งเหม่ออาราย นานแล้วนะ" "....." ฉันสะดุ้งอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนด้านข้าง ฉันกรอกสายตาไปมองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง "เปล่า ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย" นางชื่อว่า ฮาร์ท เป็นเพื่อนใหม่ของฉันเองแหละ ช่วงนี้ฉันคบกับใครไม่ค่อยได้นาน จู่ๆพวกเพื่อนๆก็ตีตัวออกห่างฉันไปเลยไม่ว่าใคร แม้กระทั่งเพื่อนผู้หญิง และก็ไม่รู้ว่านายคนนี้จะตีตัวออกห่างฉันเมื่อไหร่ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำเวรทำกรรมมาเยอะเลยคบกับใครก็ไม่เคยอยู่ได้นานสักคน ฉันมีแฟนนะตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่ทุกคนกลับตีตัวออกห่างฉันบางคนก็หายสาบสูญไปเลย ติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหน "ชนหน่อยสิพิงค์" "อืม..." แกร๊ง~ ฉันยกแก้วเหล้าชนกับฮาร์ทก่อนจะยกจิบเบาๆส่วนนายนั่นก็กินจนเมาไม่รู้สึกตัวไปแล้ว แต่ก็ยังนั่งกินต่อประหนึ่งว่าตัวเองแน่มาก "ฉันอยากกลับห้องแล้ว นายจะกลับเมื่อไหร่?" "เดี๋ยวก่อนสิ ลาวเพิ่งจะมากานเองนะ ทามมายรีบกลับเร็วจัง" "ฉันเบื่อ ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" จู่ๆก็รู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก ผ่านไปสักพัก ฉันหิ้วปีกฮาร์ทกลับมาที่คอนโดของตัวเอง นายคนนี้นี่แหละเป็นรูมเมทคนใหม่ของฉัน หลังจากที่มีคนมาอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายออกไปหลายคนต่อหลายคน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวเลยหารูมเมทใหม่ๆมาอยู่ด้วยประจำ ตุบ! "คราวหน้าคราวหลังจะกินจะดื่มก็ดูกำลังของตัวเองบ้างนะ ฉันจะได้ไม่ต้องแบกกลับมันเหนื่อย!" ฉันปล่อยให้ฮาร์ทนอนสลบอยู่ที่โซฟา ส่วนตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำในห้องนอน จากนั้นก็นอนหลับไป เช้าวันต่อมา "อื้ออ~~" ฉันบิดขี้เกียจตัวเป็นเกลียวก่อนจะลุกขึ้นนั่งพร้อมกับปรายตามองไปรอบๆห้อง "ตื่นสายอีกแล้วหรอเนี่ย" ที่จริงฉันก็นอนตื่นสายแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วล่ะ เข้าเรียนทันบ้างไม่ทันบ้างแล้วแต่อารมณ์ของตัวเอง วันไหนเข้าเรียนไม่ทันคาบนั้นฉันก็จะไม่ขึ้นเรียนเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเถลไถลมาก ติดเที่ยวจนไม่สนใจการเรียน ฉันลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนตามปกติ พอเปิดประตูออกมาก็ไม่เจอฮาร์ทนอนอยู่บนโซฟาแล้ว สงสัยคงจะไปโรงเรียนแต่เช้าแล้วล่ะ university ฉันเข้าเรียนตามปกติที่เคยทำ แต่กลับไม่เห็นฮาร์ทมาเรียน ปกติรายนี้ถึงจะเมาแค่ไหนเจ็บป่วยแค่ไหนก็มาเรียนได้ แต่วันนี้แปลกที่คอนโดก็ไม่มี ฉันก็นึกว่ามาเรียนแต่เช้าแล้วซะอีก ตู๊ด ๆ ๆ "อ๊ะบ้าจริง!!" ฉันสบถผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อปลายสายที่ฉันโทรไปกลับปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ "หายไปไหนของมันอีกเนี่ย จิ๊!!" ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะผ่านริมฝีปากก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายดังเดิม จากนั้นก็นั่งเรียนต่อไปเงียบๆ ปกติฉันก็ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครอยู่แล้วก็ไม่แปลกที่ฉันจะไม่ค่อยมีเพื่อน เลิกเรียน ฉันนั่งรถกลับมาที่คอนโดตามปกติ วันนี้ฉันไม่อยากไปเที่ยวไหนเลยก็เลยจะกลับคอนโด ระหว่างทางฉันเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตายืนอยู่ป้ายรถเมล์ "จอด จอด จอดตรงนี้แหละค่ะ" ฉันรีบจ่ายเงินให้คนขับรถแท็กซี่จากนั้นก็เปิดประตูลงไปทันที "ฮาร์ท!!" ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อคนที่ฉันเห็นตรงหน้าคือฮาร์ท สภาพหน้าตาของเขากลับดูไม่ได้เลย มันปูดโปนเขียวช้ำไปหมดทุกส่วน บางจุดก็ยังมีเลือดไหลอยู่ "...." ฮาร์ทหันหน้ามามองฉันด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีออกไป "เดี๋ยวสิฮาร์ท รอก่อน!" ฉันรีบวิ่งตามฮาร์ทออกไป "อะ...โอ้ยย!!" ขณะที่กำลังวิ่งฉันไม่ได้ระวังตัวส้นสูงที่ฉันใส่อยู่มันพลิกและฉันก็ล้มลงหัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรง จนฉันวิ่งตามฮาร์ทต่อไม่ได้ "พะ...พิงค์!" ฮาร์ทหันกลับมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งออกไป "ฮาร์ท ฮาร์ท" ฉันตะโกนตามหลังฮาร์ทไปอีกทั้งพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นสุดท้ายความเจ็บปวดก็ทำให้ฉันต้องทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเหมือนเดิม "ปัดโถ่เว้ย!!" ฉันเหวี่ยงรองเท้าส้นสูงออกไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แน่นอนว่าฉันอารมณ์เสียมาก เวลาต่อมา ฉันพยุงตัวเองเดินกลับคอนโดด้วยสภาพที่ทุลักทุเลมากเพราะไม่มีรองเท้า แถมคอนโดของฉันก็เหลืออีกตั้งไกลกว่าจะถึง "มีแต่ปัญหาจริงๆนะฉัน น่าหงุดหงิดเป็นบ้า!" ฉันบ่นพึมพำขณะที่กำลังเดินเท้าเปล่ากลับคอนโด "เฮ้ยู ไปไหนครับ ให้พวกเราไปส่งไหม" "...." ฉันรีบก้าวขาเดินอย่างรวดเร็วเมื่อเจอผู้ชายสามคนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ แถมสายตาที่มองมาที่ฉันก็เดาออกเลยว่าพวกมันคิดไม่ดีแน่นอน "เดี๋ยวสิครับ" "อ๊ะปล่อยนะ!!" ฉันสะบัดแขนอย่างแรงจนมือของผู้ชายที่มาคว้าแขนฉันเอาไว้หลุดออกไป จากนั้นฉันก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทันที "ดูเหมือนว่าน้องต้องการความช่วยเหลือนะ ให้พวกพี่พาน้องสาวไปส่งมั้ยล่ะ รับรองพวกพี่จะส่งน้องสาวให้ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลย" "ฮ่า ฮ่า ฮ่า" "เดี๋ยวสิคนสวย" "กรี๊ด!! ปล่อยฉัน!" พวกมันทั้งสามคนพยายามเข้ามาลวนลามฉัน "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้พวกบ้า ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆด้วย" "ตำรวจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" พวกมันพากันหัวเราะเยาะเย้ยเมื่อฉันพูดจบ "ตำรวจทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกน้อง แถวนี้ถิ่นพี่ไม่มีใครอยากจะมายุ่งหรอก" "...." ฉันหันมองไปรอบๆตัว เวลานี้มันเป็นช่วงโพล้เพล้แล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเดินพลุกพล่านกันอยู่ แต่กลับไม่มีใครสนใจฉันเลย ราวกับว่ามองไม่เห็น "ยะ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ พวกนายอยากได้อะไรก็เอาไปเลย อยากได้เงินเท่าไหร่ก็เอาในกระเป๋าฉันไปเลย" "เสียดาย พวกพี่มีเงินกันหมดแล้ว แต่สิ่งเดียวที่พวกพี่ยังไม่มี ก็คือ....เมีย..." "...." "มาเป็นเมียให้กับพวกพี่นะน้องสาว มามะ" "ฮึกก....กรี๊ดด!!" ฉันทั้งร้องทั้งดิ้นเมื่อพวกมันลากฉันเข้าไปในซอกตึกมืดๆ นี่ฉันกำลังจะถูกรุมข่มขืนเหรอ ไม่สิมันต้องไม่เป็นแบบนี้ เรื่องแบบนี้ฉันจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ได้ "ฮึกก อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้องล่ะอย่าทำอะไรฉันเลย" "ไม่ทันแล้วน้องสาว ไม่ต้องกลัวนะพวกพี่จะถนอมน้องสาวไม่ให้เจ็บสักนิดเลย" แควก!! "ฮื้ออ ฮึกก กรี๊ดด!!" มันฉีกเสื้อนักศึกษาของฉันออกอย่างแรง จนฉันรู้สึกแสบเพราะเศษผ้ามันถูกับเนื้อ "ขาวฉิบหาย อ่าส์! น่าดูดชะมัด" "ฮึกก....กรี๊ดด!!"4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค