กล่องไม้มีการออกแบบที่เรียบง่ายและดูไม่มีราคาอะไร น้ำหนักของมันเบาบางไม่เหมือนดั่งไม้พะยูงหรือไม้จันทน์เกรดสูงแต่ทว่าเสียงที่ดังขี้นกลับมาจากกล่องไม้ใบนั้น จนทำให้ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงจนขนบนผิวหนังลุกเจฟฟ์มีใบหน้าที่โกรธแค้น ถึงแม้ว่าเขาจะฉลาดและเจ้าเล่ห์มากเพียงใด แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดสำหรับเขา เมื่อเขามีความคิดในเรื่องของการเล่นกับความรู้สึกและจิตใจมากกว่า ในขณะที่เทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นไม่ใช่จุดแข็งของเขา เพราะเขาเรียนรู้มันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นอาจกล่าวได้ว่าถึงแม้ว่าเจฟฟ์จะมีแนวคิดขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัวเขามักจะอยู่อย่างสันโดษบนเกาะของเขา ในขณะที่โลกภายนอกไม่เคยตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขาเลย แล้วนับประสาอะไรที่เขาจะสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ เจฟฟ์ไม่ทันได้เตรียมตัวเสียงใครบางคนภายในกล่องไม้ยังคงดังขึ้นต่อไป “ในเมื่อคุณเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ไม่สนใจการเป็นหุ้นส่วนกับเรา แล้วทำไมเราทั้งคู่ไม่ลองทิ้งไพ่ลงบนโต๊ะดูล่ะ”เจฟฟ์กัดฟันแน่นเขาหันกลับมาและเอียงศีรษะไปทางหลุยส์หลุยส์รับรู้ได้ถึงสิ่งที
ชิม่อนรับรู้ได้ถึงความชัดเจนในบทบาทของเขาในตระกูลนี้ เขาเป็นคนที่มีวรรณะที่ต่ำต้อยที่สุดทั้งเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ส และหลุยส์ ฟลินเดอร์ต่างก็มีพลังที่จะปิดปากเขาได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ มันคงจะง่ายเหมือนการขยี้มดด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวนั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่ต้องการพูดอะไร ไม่ว่าเขาจะสงสัยหรือรู้สึกสับสนเพียงใดก็ตาม เขากลัวว่าเขาจะถูกฆ่าทิ้งถ้าหากว่าเขารู้มากเกินไปชิม่อน ฟลินเดอร์ไม่กล้าคิดว่าตระกูลฟลินเดอร์นั้นไร้เดียงสาอย่างที่เคยเป็นเพราะสัตว์ประหลาดอายุนับพันปีที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ทำให้เขาตกใจมากพอแล้วถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับอายุของชายผู้นี้อยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าเจฟฟ์จะไม่ได้หลอกลวงเขา เมื่อเขาได้เห็นชายผู้นั้นทำให้สิ่งของสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ และชิม่อนก็มองไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ เมื่อเขาแสดงมันให้ดู เขาสามารถมีอายุนับพันปีได้อย่างที่เขาพูดจริง ๆ และถ้าหากเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ทั้งหมดอาจจะทำให้ชิม่อนแย่ลงได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดแกมโกงและอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม แต่ใครบางคนที่มีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปีเช่นนี้ ชิม่อ
คนที่มีชีวิตอยู่มานานนับพันปีจะตายอย่างง่ายดายได้อย่างไร?นั่นคือเหตุผลที่ชิม่อนมั่นใจว่าเจฟฟ์จะต้องไม่ตายแต่คนที่เป็นอมตะจะต้องการหยกอาถรรพ์ไปเพื่ออะไร?ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเหตุผลที่หยกอาถรรพ์ในตำนานถูกผู้คนที่มีอิทธิพลไล่ตามนั่นก็เพราะว่ามันมีพลังแห่งความเป็นอมตะชายที่อยู่ตรงหน้าดูมีอายุราว 30 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่าเขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้วก็ตาม ถ้าเป็นเช่นนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอมตะอยู่แล้วหรอกเหรอ?ทำไมเขาถึงยังต้องการหยกอาถรรพ์อีก?ชิม่อนตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรเขาทำได้เพียงถือกล่องบนฝ่ามืออย่างระมัดระวังและยืนขึ้น จากนั้นเขาก็ออกจากห้องไปภายใต้การนำของผู้อาวุโสไมค์หลังจากที่เขาจากไป หลุยส์ก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ“นายท่านครับ มันจะไม่เสี่ยงเกินไปหรือที่ท่านจะปล่อยให้เขาจัดการงานสำคัญเช่นนี้?”หลุยส์มองว่าชิม่อนเป็นคนนอกของตระกูลเท่านั้น ก่อนหน้านี้ชิม่อนไม่มีอำนาจแม้แต่จะเข้าพบกับเขา แล้วนับประสาอะไรกับเจฟฟ์ ฟลินเดอร์แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นายท่านของเขากลับมอบบางสิ่งที่สำคัญอย่างลูกปัดเงิน ซึ่งเป็นเหมือนดั่งชะ
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่สมบัติภายในกล่องด้วยความเงียบจนเกือบลืมหายใจผ่านไปครู่หนึ่ง เกรกอรีดึงตัวเองออกจากความคิดเป็นคนแรก เขามองชิม่อนและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “มีแค่นี้เหรอ?”สีหน้าของชิม่อนงุนงงและโกรธ“แค่นี้ก็ควรจะเพียงพอแล้วสำหรับพวกนายไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันที่เป็นคนได้รับมอบหมายให้นำมันมามอบให้กับนาย นายอาจจะไม่ได้รับมันด้วยซ้ำ!”เกรกอรีรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริงเขาขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเอื้อมมือออกไปเขารับกล่องมาเนื่องจากชิม่อนมาที่นี่เพื่อส่งมอบมอบลูกปัดเงินให้กับเขา เกรอกอรีจึงไม่ได้ส่งชายคนนั้นออกไปในทันทีเกรกอรีหันหลังและพาทุกคนเข้าไปในบ้าน เขายื่นกล่องให้พ่อบ้านออสบอร์น ก่อนจะพูดกับชิม่อนอีกครั้ง “คู่มือการเพาะปลูกอยู่ที่ไหน? ส่งมาให้ฉัน"เขาไม่เชื่อว่าพืชที่ล้ำค่าเช่นนี้จะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้โดยการปลูกในดินเหมือนวัชพืชทั่วไปดูเหมือนว่าชิม่อนจะตกตะลึงกับความต้องการของเขา และเบิกตากว้างด้วยความตกใจ“คู่มือการเพาะปลูก? ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย”เกรกอรีขมวดคิ้ว สีหน้าของเขามืดมนลง“เจฟไม่ได้
“วิกกี้ ภรรยาของคุณจะต้องกินผลของมัน 4 ผลต่อหนึ่งเดือน เพียงแค่ต้นเดียวมันจะไม่เพียงพอสำหรับเธอ ดังนั้นคุณจะต้องช่วยตามหาหยกอาถรรพ์เพิ่มเติม และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหามันเจอ ผมจะมอบมันให้กับคุณอีกหนึ่งต้นพร้อมกับคู่มือการเพาะปลูก คุณคิดว่ายังไง?"เกรกอรีเงียบไปในขณะที่เขาครุ่นคิดก่อนหน้านี้ที่เขาเห็น ที่บนต้นของมันมีผลลูกปัดเงินเพียงแค่ 5 ถึง 6 ผล เท่านั้น เจฟ์ฟอาจจะไม่ได้โกหกเขาเกรอกอรีพยักหน้า"ตกลง ผมยอมรับข้อเสนอของคุณ”รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจฟฟ์“ต้นลูกปัดเงินต้นนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเติบโต คุณจะต้องเก็บไว้ในที่มืดและสถานที่ที่ดูดซับแก่นแท้ของแสงจันทร์ได้ดีที่สุด มันไม่สามารถสัมผัสดินได้ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะเหี่ยวเฉาในทันที คุณจะต้องนำมันใส่ในภาชนะที่ทำจากหยกเท่านั้น ยิ่งหยกมีคุณภาพดีมากเท่าใด ต้นไม้ก็จะยิ่งเติบโตแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น และขนาดของผลก็จะใหญ่ขึ้นเช่นกัน“เมื่อคุณพบตำแหน่งที่เหมาะสมและภาชนะดังกล่าวแล้ว คุณควรวางต้นไม้ไว้ลงบนภาชนะและเทน้ำเพียงเล็กน้อยลงที่ก้นภาชนะ และน้ำจะต้องไม่ท่วมรากของมัน คุณจะต้องเปลี่ยนน้ำวันละสามครั้ง เช้า บ่
ด้วยความไม่แน่ใจที่อยู่ภายในใจของวิกกี้ เธอจึงหันไปเผชิญหน้ากับเกรกอรีช้า ๆ แต่แล้วเธอก็ได้พบกับดวงตาที่มืดมิดและเต็มไปด้วยความครอบงำ ในขณะที่เธอหันหลังกลับมาดวงตาของเขามืดมนราวกับหลุมดำ ราวกับว่ามันกำลังจะดูดเธอลงไปข้างใน วิกกี้อ้าปากค้างในขณะที่เธอจ้องมองเกรกอรี“เกรกอรี คุณ…”เขาเดินเข้ามาและดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดด้วยอย่างรวดเร็วร่างกายที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวถูกกดทับลงกับร่างกายของเขาอย่างหนัก และลมหายใจของเขาก็ค่อย ๆ ผิดปกติ เขาเอื้อมมือออกไปยกคางเธอขึ้นเขา ๆ และบังคับให้เธอมองมาที่เขา“เธอเลือกชุดนั้นโดยตั้งใจที่จะลองยั่วยวนฉันใช่ไหม?”รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของวิกกี้นิ้วที่เรียวยาวของเธอลูบไล้ไปตามใบหน้าของเขา ลงผ่านคาง คอยหอย กระดูกไหปลาร้า และเลื่อนไปทางขวาระหว่างหน้าอกของเขา"ใช่ ฉันต้องการที่จะยั่วนาย ฉันแค่สงสัยว่าคุณเกรแฮมจะตกหลุมพรางหรือเปล่า”มุมปากของเธอขดเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ นี่เป็นครั้งแรกที่เกรกอรีเห็นเธอเป็นแบบนี้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังถูกไฟเผาจนทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มและสามารถจะระเบิดได้ในทุกวินาทีเขามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มขอ
เนลล์ตกใจกับคำถามของเธอเธอไม่เคยคิดที่จะตามหาความเป็นอมตะหรืออะไรแบบนั้นเลยหยกอาถรรพ์ที่สามารถสร้างความเป็นอมตะได้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระและเธอก็ไม่เคยเชื่อมันเลย อย่างไรก็ตาม ความไม่เชื่อของเธอไม่ได้หมายความว่าทุกคนมีความคิดเช่นเดียวกับเธอแม้แต่คนที่ฉลาดอย่างเจฟฟ์ เขาเองก็ต้องการความเป็นอมตะเหมือนคนเหล่านั้นไม่ใช่เหรอ?เนลล์รู้สึกปวดหัวเมื่อคืบคลานเข้าไปในความคิดนั้นเธอถอนหายใจแล้วพูดว่า “แจน เธอยังจำตอนที่เราไปงานแต่งงานของเกรกอรีและวิกกี้ได้ไหม? จำตอนที่เธอหน้ามืดได้หรือเปล่า?”เจเน็ตชะงัก “แน่นอน ฉันจำได้ แล้วหยกมันเกี่ยวอะไรกับด้วย?”“ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเขา หยกที่ฉันขอให้เธอตามหา พวกเขาเองที่เป็นคนขอให้ฉันช่วยตามหามัน”เจเน็ตตกตะลึงกับคำพูดของเธอเนลล์รู้สึกว่าเธอไม่สามารถปิดบังอะไรจากเจเน็ตได้อีกต่อไปเพราะหากข้อมูลที่เจเน็ตได้รับถูกต้อง เกรกอรีและวิกกี้ก็คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเอฟได้เธอต้องบอกความจริงกับเจเน็ตเนลล์จึงบอกเจเน็ตเกี่ยวกับเรื่องราวของชิม่อนที่เปิดเผยภูมิหลังของวิกกี้ต่อเกรกอรี และเรื่องที่พวกเขาทั้ง
กิดเดียนพยักหน้า และเดินตามเนลล์ออกไปที่ประตูเขาช่วยพยุงแขนเธอเอาไว้ ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วนั่งลงบนโซฟา“คุณมีอะไรรึเปล่า?” กิดเดียนถาม“คุณจำตอนที่ฉันขอให้เจเน็ตช่วยตามหาหยกอาภรรพ์ได้ไหมคะ? เธอบอกฉันว่าเธอได้ข่าวมาแล้วค่ะ เธอบอกว่ามีคนที่ชื่อว่าลุงอัลฟัท เหมือนจะมีหยกนั้นอยู่ ฉันจึงบอกกับวิกกี้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และพวกเขาคงจะไปที่นั่นเร็ว ๆ นี้”วิกกี้และเกรกอรี ไม่ค่อยคุ้นเคยกับครอบครัวกริฟฟินมากนัก พวกเขาเคยพบกับเจเน็ตและเลียม แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ท่านหญิงไม่ได้บอกว่าเธออยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่านผู้หญิงกริฟฟินหรอกเหรอ? ทำไมเราถึงไม่ไปกับเธอล่ะ? เราจะได้สามารถดูแลเธอ และช่วย วิกกี้ได้ในคราวเดียว”กิดเดียนจ้องมองเธอและขมวดคิ้วขึ้นมา“แต่ร่างกายของคุณ…”เนลล์ส่ายหัว"ฉันสบายดีจ๊ะ"เธอหัวเราะคิกคักออกมาเบา ๆ ก่อนจะจับมือของกิดเดียนมาวางไว้บนท้องของเธอ"ดูสิ? ลูก ๆ ของคุณทำตัวน่ารักมาก ๆ พวกเขาไม่ได้รบกวนอะไรฉันเลย”กิดเดียนยังคงกังวลกับข้อเสนอของเธออยู่ เนลล์จึงพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันกำลังคิดที่จะไปเยี่ยมแม่และลุงฌอนในร