เนลล์อยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี และเธอก็เก่งในเรื่องของการประเมินการแสดงทุก ๆ ประเภทดังนั้นเธอจึงจับจุดได้แม้ว่าการแสดงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดมันก็เป็นการแสดงที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายปีไม่ใช่แค่นักแสดงที่มีทักษะสูงเท่านั้น แต่การตกแต่งเวทีและอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมดก็ทำได้ดีมากทีเดียวบางสิ่งที่ดูคล้ายหินก้อนใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้า และนักแสดงที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตกใจเมื่อพวกเขาได้เห็นมันครั้งแรก แต่แล้วพวกเขาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น ประกอบกับเสียงดนตรีที่ยังคงดังขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ พวกเขาล้อมรอบหินราวกับมนุษย์ถ้ำในสมัยโบราณไม่นานหลังจากนั้น บรรยากาศกลับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฟ้าแลบก่อนที่ลมพายุฝนจะโหมกระหน่ำลงมาผู้คนตื่นตระหนกและมองหากำบังหลบฝนในขณะที่ม่านบนเวทีฉายให้เห็นพายุทอร์นาโดที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นนักแสดงบางคนถูกพายุทอร์นาโดพัดปลิวไป ทรายสีเหลืองลอยขึ้นปกคลุมท้องฟ้า จนมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน เมื่อทุกคนกำลังฝ่าฟันกับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้นจากหินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ราวกับยักษ์ที่ค่อย ๆ แตก ออก เมื่อหินแตกออก บรร
เคธี่และฌอนโดยสารรถคันหน้า ในขณะที่เนลล์ กิดเดียนและลูก ๆ ทั้งสองคนอยู่ในรถคันหลังก่อนหน้านี้รถที่อยู่ด้านหน้าที่เนลล์เห็นเป็นรถของ เคธี่และกิดเดียนแต่ในตอนนี้รถที่จอดอยู่ด้านหน้าไม่น่าจะเป็นรถของพวกเขาแล้วนั่นใคร?เนลล์รู้สึกสงสัย เพราะรถทั้งสองคันนั้นมีความคล้ายคลึงกันมากยกเว้นหมายเลขทะเบียนรถเธอไม่แน่ใจว่าพวกเขาคลาดเคลื่อนกันตอนไหน และเธอคิดว่ารถที่หยุดอยู่ตรงหน้าเป็นรถของเคธี่และฌอนจนกระทั่งรถของพวกเขาแล่นผ่านรถคนนั้นจากด้านข้าง จู่ ๆ ลิซซี่ก็ตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ“นั่นคือคุณลุง มันเป็นคุณลุงที่ดูดีคนนั้น”เนลล์อึ้งไปครู่หนึ่ง ในขณะที่เธอหันกลับมามองและได้เห็นชายที่พวกเขาพบในโรงละครก่อนหน้านี้ เธอแปลกใจเล็กน้อยเมื่อชายคนนั้นดูเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนของลิซซี่ เขาจึงหันไปหาพวกเขาทว่าขณะที่เนลล์และคนอื่น ๆ นั่งอยู่ในรถ กระจกรถมีสีทึบเมื่อมองจากด้านนอก ดังนั้นจึงมองเห็นได้จากในรถเท่านั้น ในขณะที่ด้านนอกไม่สามารถมองเข้าไปในรถได้ และนั่นคือสาเหตุที่ชายคนนั้นไม่เห็นชัดเจนว่าใครที่เป็นคนตะโกนขึ้นมาจากในรถลิซซี่รีบตะโกนว่า “หยุดรถก่อนค่ะ! หยุดรถก่อน!"คนขับรถหันมอง
อย่างไรก็ตาม นอกจากเกรกอรีและวิกกี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครเคยเห็นเขามาก่อนหากพวกเขามีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ พวกเขาอาจจะไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป คำถามที่หายไปปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อเนลล์ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันเธอถามด้วยความสงสัย “คุณ…ฟลินเดอร์ คุณมาเที่ยวคนเดียวเช่นนี้ คุณไม่ต้องทำงานเหรอคะ?”เจฟเฟอร์สัน ฟลินเดอร์ยิ้ม “ผมเดินทางท่องเที่ยวและทำงานในเวลาเดียวกัน อ้อ ผมลืมแนะนำตัวเองว่าผมเป็นช่างภาพ ผมได้ยินมาว่าทะเลทรายที่นี่มหัศจรรย์ ผมจึงอยากมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปสถานที่แห่งนั้น แต่ผมมักจะยุ่งอยู่เสมอและต้องรอจนถึงวันหยุดจึงมีเวลามาที่นี่ได้ในที่สุด ผมจะให้คุณทุกคนได้ดูภาพที่ผมถ่ายเอาไว้”เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วยื่นให้พวกเขาดู ในขณะที่เขาพูดเนลล์หยิบมันขึ้นมาดูแท้จริงแล้วมีภาพถ่ายที่สวยงามนับไม่ถ้วนและเป็นทิวทัศน์และวัฒนธรรมของสถานที่แห่งนี้มีภาพทะเลทรายสองสามภาพในตอนกลางคืน เธอสามารถเห็นได้ว่า องค์ประกอบและสีของภาพนั้นกลมกลืนกันได้ดีเนลล์ยิ้มและพูดว่า “สวยจัง”ลิซซี่พยักหน้า “มันช่างเป็นภาพที่สวยงามอะไรเช่นนี้ ฉันชอบมัน"“ถ้าเธอชอบ ฉันจะพิมพ์เป็นโปสการ์ดและมอบให้กับเธ
“เนลล์ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่แล้ว”กิดเดียนเอื้อมมือไปโอบกอดเธอ เขาลูบหลังเธอเบา ๆ ในขณะที่เขาปลอบโยนเธอ“บอกผมมาว่ามีอะไรเกิดขึ้น?”เนลล์ไม่ได้พูดอะไร เธอยังคงกอดเอวเขาแน่น ในขณะที่เธอซบหน้าลงบนหน้าอกของเขาในเวลานี้เคธี่และฌอนยังคงหลับสนิทเนื่องจากยังเช้าเกินไปเมื่อกิดเดียนสัมผัสได้ว่ามือที่สั่นเทาค่อย ๆ คลายลง เขาจึงจับไหล่ของเธอแล้วผลักเธอออกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่ใบหน้าของเนลล์อย่างจริงจังกิดเดียนมองเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ขอบตาของเธอแดงเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็ซีดขาวผิดปกติเขาขมวดคิ้วในทันใดกิดเดียนก้มหน้าลงและสังเกตุเห็นว่าเนลล์ไม่ได้สวมรองเท้าอยู่บ้านลงมา เท้าเล็ก ๆ ของเธอนั้นซีดกว่าพื้นสีขาวด้วยซ้ำใบหน้าของเขามืดมนลง “ทำไมไม่ใส่รองเท้าลงมา? ไม่หนาวเหรอ?”ในขณะที่เขาพูด เขาก็อุ้มเธอขึ้นก่อนที่เธอจะได้ตอบคำถามของเขา เนลล์ไม่ได้ขยับเขยื้อน เธอนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาและปล่อยให้เขาอุ้มเธอเมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องแล้ว กิดเดียนก็วางเนลล์ลงบนเตียงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เขาเช็ดเท้าให้เธออย่างระมัดระวัง ในขณะที่เขานั่งลงตรงหน้าเธอ เขาเงยหน
เนลล์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอเห็นด้วยกับความคิดของวิกกี้เธอจึงตอบตกลง“ตกลง ถ้าหากรูปภาพเสร็จเรียบร้อยแล้วส่งมาที่เบอร์ของฉันได้เลย”"ได้เลย"หลังจากที่เนลล์บอกวิกกี้ถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็หยุดคิดถึงเรื่องนี้อีกในระหว่างวันพวกเขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมืองเพื่อช็อปปิ้ง เคธี่ติดตามพวกเขาไปด้วยทุกที่ ในขณะที่ฌอนยุ่งอยู่กับงานภายในห้องวิจัย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกจากห้องแล็บและไปกับพวกเขาได้พวกเขาออกไปข้างนอกจนถึงเวลากลางคืนและกลับบ้านมาด้วยรอยแห่งความสุขในเวลาสองทุ่มเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านแล้ว เนลล์ก็ได้รับสายจากวิกกี้“เนลลี่ ฉันส่งรูปวาดไปให้คุณแล้ว ลองดูสิ”"ตกลง"เนลล์วางสายไป เมื่อเปิดข้อความขึ้นมา เธอก็ได้เห็นภาพที่วิกกี้ส่งมาภาพวาดนี้ถูกวาดโดยจิตรกรมืออาชีพตามคำอธิบายด้วยวาจาของวิกกี้จิตรกรสามารถวาดภาพของบุคคลได้อย่างมีชีวิตชีวาและสมจริงมาก เมื่อเนลล์ได้เห็นภาพนั้น ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อในทันใด เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องบังเอิญเช่นนี้จะมีอยู่จริง ถึงแม้ว่าบุคคลในภาพจะดูไม่เหมือนชายที่แนะนำตัวเองว่าเจฟเฟอร์สัน ฟลินเดอร์ ที่พวกเขาพบเมื่อคืนก่อน แต่อย่างน้
เมื่อเธอคิดเช่นนั้นวิกกี้ก็รู้สึกโล่งใจ“เอาล่ะ ในเมื่อคุณพูดอย่างนั้นฉันก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง พวกคุณจะลองอยู่นิ่ง ๆ เหมือนที่พวกคุณบอกก่อนก็ได้ และถ้าหากว่าเขาเริ่มเคลื่อนไหว พวกคุณรีบบอกพวกเราได้ทันที เกรกอรีกับฉันจะรีบไปหา”"ตกลง"หลังจากที่พวกเขาคุยเรื่องนั้นจบแล้ว เนลล์ก็ถามขึ้นว่า “พวกคุณอยู่ที่ยูนนานทางตอนใต้เป็นยังไงบ้าง?”ใบหน้าของวิกกี้ดูสดใสและมีความสุข“พวกเรามีข่าวดี ข้อมูลที่ได้รับนั้นเป็นความจริง หยกอาถรรพ์มีอยู่จริง แต่กระบวนการอาจติดปัญหาเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันแค่ต้องใช้เวลาก็เท่านั้นเอง”เนลล์พยักหน้า "เป็นเรื่องที่ดี"พวกเขาสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะวางสายหลังจากที่วางสายไป เนลล์ก็มองไปยังรูปวาดในโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อสายตา“ไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนแรกฉันเพียงแค่ต้องการให้วิกกี้ตรวจสอบเรื่องนี้ดูเฉย ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาจริง ๆ!”กิดเดียนเองก็ประหลาดใจเช่นกันก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกว่าคนคนนั้นจะต้องมีบางอย่างแอบแฝง เขาดูไม่ธรรมดา แต่กิดเดียนเองก็ไม่คิดว่าเขาคือเจฟฟ์ฟลินเดอร์จริง ๆเมื่อเขานึกถึงช่วงเวลาที่เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ จงใจเข้าห
เจฟเฟอร์สันไม่ยอมให้จักรพรรดินีได้ในสิ่งที่เธอต้องการอย่างแน่นอน ดังนั้นทั้งคู่จึงได้ต่อสู้กันอย่างเปิดเผยในที่ลับต่อมาจักรพรรดินีซึ่งกำลังจะสิ้นพระชนม์ได้ส่งคนออกตามหาน้องสาวที่หายตัวไปตั้งแต่ยังเด็กเมื่อจักรพรรดินีองค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ น้องสาวของเธอผู้นั้นถูกทิ้งไว้ท่ามกลางสามัญชนในที่สุดเจฟเฟอร์สันก็เข้าใจว่าจักรพรรดินีวางแผนที่จะมอบอำนาจและสิทธิ์ทั้งหมดให้กับน้องสาวผู้นั้น เธอจะใช้ช่วงเวลาก่อนตายมองหาน้องสาวของเธอและเป็นโอกาสที่จะได้ฆ่าเขาและแย่งชิงอำนาจกลับมาได้สำเร็จเมื่อเขาถูกเชิญเข้าไปในวังในคืนนั้น จักรพรรดินีก็สิ้นพระชนม์ทำให้ทุกคนคิดว่าเจฟเฟอร์สันเป็นคนวางยาพิษจักรพรรดินี แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าจักรพรรดินีดื่มยาพิษและฆ่าตัวตายเอง เขาจะไม่มีวันลืมดวงตาของหญิงสาวที่จับจ้องมาที่เขาใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมาหัวเราะและพูดว่า “เจฟเฟอร์สัน ฟลินเดอร์ แกมีอำนาจมากอย่างนั้นเหรอ? ทันทีที่แกเดินออกจากห้องนี้ไป แกจะถูกพิพากษาว่าเป็นผู้ที่ก่อกบฏ ฉันจะคอยดูว่าแกจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว! เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนจะประณามและสาปแช่งแก น้องสาวของฉันจะเข้ามาในวังเพ
ดังนั้นแม็คเคนซี่จึงรู้สึกเห็นใจเธอแม็คเคนซี่ยังรู้ด้วยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและความตายของเจฟเฟอร์สัน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปล่อยหล่อนไปในขณะเดียวกัน เธอไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวของจักรพรรดินีปฏิเสธที่จะทานอะไรได้ นั่นคือเหตุผลที่เธอคิดว่าความคิดนี้เป็นการประนีประนอมดังนั้นการเปลี่ยนใบหน้าของแม็คเคนซี่สามารถทำให้น้องสาวของจักรพรรดินีหัวเราะได้เล็กน้อยและรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อเธอมีความสุขได้อารมณ์ของเธอก็จะดีขึ้น และเมื่อเธออารมณ์ดีขึ้น เธออาจจะอยากทานขึ้นมาได้ เนื่องจากว่าแม็คเคนซี่ไม่เคยมีอารมณ์ความรู้สึกในแบบที่มนุษย์มี ดังนั้นเธอจึงใช้ชีวิตได้ง่ายกว่ามนุษย์ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แต่เธอก็เข้าใจความสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ค่อนข้างช้าเธอยังไม่เข้าใจมันทั้งหมดเมื่อแม็คเคนซี่พยายามเปลี่ยนใบหน้าครั้งแรก น้องสาวของจักรพรรดินีรู้สึกประหลาดใจเหมือนเจฟเฟอร์สันราวกับว่าเธอได้เห็นสัตว์ประหลาดต่อมาเมื่อเธอเปลี่ยนกลับไปเป็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่ร่าเริงและไร้เดียงสา น้องสาวของจักรพรรดินีจึงชอบและรู้สึกโล่งใจหลังจากที่ถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน น้องสาวของจัก