หลังจากได้ฟังสิ่งที่คนรักษาความปลอดภัยพูดจบ พ่อบ้านออสบอร์นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย เขายื่นมือออกมารับจดหมายจากคนรักษาความปลอดภัย ขณะที่ยูเลียนากำลังนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับพ่อบ้านออสบอร์น เธอยืดคอออกมาเล็กน้อยก็สามารถห็นชื่อที่อยู่บนซองจดหมาย “ถึง เกรกอรี เกรแฮม” คำสามคำนี้ถูกเขียนจ่าไว้บนหน้าซองจดหมายอย่างชัดเจน เกรกอรี เกรแฮม? นี่คือชื่อของเขาอย่างนั้นเหรอ? “เกรกอรี เกรแฮม” เป็นชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับยูเลียนาเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเคยเห็นชื่อนี้มาก่อน เมื่อตอนที่เธออยู่ในประเทศจีน แต่ว่าเธอกลับจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย หลังจากที่พ่อบ้านออสบอร์นได้รับจดหมายแล้ว เขาก็โบกมือลาคนรักษาความปลอดภัย และบอกให้เขากลับไปอยู่ประจำตำแหน่งของเขา จากนั้นพ่อบ้านออสบอร์นก็หันกลับมาบอกกับยูเลียนาว่า “ผมมีธุระที่ต้องไปทำ ถ้าหากว่ามีอะไรขาดเหลือกรุณาช่วยตัวเองไปก่อนนะครับ คุณลินช์” เธอพยักหน้ารับ พร้อมกับพ่อบ้านออสบอร์นที่เดินออกจากห้องไป หลังจากที่พ่อบ้านออสบอร์นจากไป ยูเลียนาก็หยิบโทรศัพท์ที่พ่อบ้านออสบอร์นเตรียมไว้ให้ในห้องของเธอออกมาเงียบ ๆ เธอเข้าใช้อินเทอร์เน็
พ่อบ้านออสบอร์นตัวแข็งทื่อ เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นยูเลียนาอยู่ที่นี่ ครั้งสุดท้ายที่เห็นยูเลียนาคือตอนที่เธอกำลังทานอาหารอยู่อีกชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ เธอจะมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร? เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเกรกอรียังอยู่ในห้องอ่านหนังสืออยู่ สีหน้าของพ่อบ้านออสบอร์นก็เปลี่ยนไป เขารีบเดินไปหายูเลียนาในทันที ในอีกด้านหนึ่ง ยูเลียนากำลังหลงทาง คนใช้เพิ่งจะบอกกับเธอว่าเกรกอรีอยู่ในห้องอ่านหนังสือชั้นบน แต่เธอก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่ามันอยู่ตรงไหน หลังจากที่ยูเลียนาขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว เธอก็ได้รู้ว่าชั้นนี้มีห้องมากเกินไป ประตูห้องถูกปิดเอาไว้ทุกบาน เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องหาห้องของเกรกอรีทีละห้อง แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการทำให้มันเกิดความวุ่นวาย เพราะเธอก็ไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นคนไร้มารยาท นั่นคือเหตุผลที่เธอเหลือบมองเข้าไปในห้องหลังจากเปิดประตูแต่ละห้องอย่างเงียบ ๆ การที่เธอเดินไปตามทางเดินแบบนั้น เป็นผลให้เธอถูกมองว่าน่าสงสัยในสายตาของคนอื่น เมื่อพ่อบ้านออสบอร์นเดินเข้ามาใกล้ยูเลียนา เธอวางถาดลงบนพื้นและหันหน้าไปทางประตู เธอหมุนลูกบิดประ
สิ่งที่ยูเลียนาเข้าใจก็คือพ่อของเธอไม่เคยเข้มงวดกับเธอ เมื่อเทียบกับน้องชายของเธอที่บ้านแล้ว พ่อของเธอจะสอนน้องชายของเธออย่างเข้มงวดทุกวัน แต่ทัศนคติที่พ่อของเธอมีต่อเธอนั้นค่อนข้างโอนอ่อนเกินไป มันโอนอ่อนเสียจนถึงจุดที่พ่อของเธอไม่เคยเห็นในสิ่งที่เธอทำ ไม่ว่าเธอจะเย่อหยิ่งสักแค่ไหน และแม้ว่าเธอจะเป็นเด็กเหลือขอที่โง่เขลา ที่รู้จักแค่เพียงการซื้อของฟุ่มเฟือยมาใช้ จนกลายเป็นแฟนคลับการแต่งหน้า พ่อของเธอก็ยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอเลย ยูเลียนาคนก่อนคิดว่านั้นคงเป็นเพราะพ่อของเธอรักเธออย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อเธอได้ออกมาจากชีวิตที่สุดแสนจะสบายของเธอ และต้องมาประสบพบเจอกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เธอจึงตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้มีอำนาจพอที่จะต่อต้านหรือจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ เธอเพิ่งจะรู้ว่าบางทีพ่อของเธออาจจะทำทั้งหมดนี้ เพราะเขาไม่เคยรักเธอเลยตั้งแต่แรก ในสายตาของเขา ยูเลียนาไม่เคยเป็นคนที่เขาต้องการดูแล ยูเลียนาเป็นลูกสาวของเขา แต่เธอก็เป็นเครื่องมือของตระกูลลินช์ด้วย เธอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเบี้ยหมากรุกที่ไร้อำนาจ ที่มีเพียงแค่ความงามตามชื่อของเธอเท่านั้น เหตุการณ์ที่เพ
ยูเลียนาพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มหวานบนใบหน้าของเธอ เสียงของเธอเต็มไปด้วยน้ำเสียงประจบประแจง เธอมีท่าทีประจบสอพลอ และอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้าของเกรกอรี ยิ่งไปกว่านั้นยูเลียนาเองก็ดูงดงามไม่แพ้กัน ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้ พ่อของเธอจะไม่ละเลยพฤติกรรมแย่ ๆ ของเธอ เพื่อที่เขาจะได้ส่งเธอไปเอาใจพวกผู้ชายในแวดวงธุรกิจ ซึ่งนั้นมันแสดงให้เห็นว่ายูเลียนาต้องเป็นคนที่หน้าตาดีอย่างแน่นอน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น หากว่าพวกเขาได้มาอยู่ในสถานการณ์ และช่วงเวลาแบบนี้ พวกเขาคงจะพากันหลงเสน่ห์ความงามของเธอไปแล้ว แต่เกรกอรีกลับมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาเท่านั้น แววตาของเขาดูไร้อารมณ์และเหมือนว่าเยาะเย้ยเธออยู่ มันจึงกลายเป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายสำหรับยูเลียนา เขาพูดกับเธออย่างไร้อารมณ์ว่า “พ่อครัวในคฤหาสน์ของผมตายกันไปหมดแล้วเหรอ? คุณถึงอยากจะทำอาหารให้ผมทาน?” ยูเลียนาเงียบไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคนพูดกับเธอด้วยความไร้ความปรานีแบบนี้ จนเธอเกือบจะสูญเสียการควบคุมความรู้สึกของเธอไปแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเอาใจคนอื่นก็คงจะต้องรู้สึกเขินอายแบบนี้เช่นกัน หากว่า
เธอสูญเสียศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเธอไปโดยสิ้นเชิงสิ่งที่เกรกอรีพูดออกมานั้นมีแต่คำพูดแย่ ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งคำพูดของเขาเย็นชามากสักเท่าไร เขาก็ยิ่งแสยะยิ้มออกมามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความรัก และความเกลียดชังในเวลาเดียวกันความอดทนของยูเลียนาได้หมดลง น้ำตาของเธอไหลลงมาอาบเต็มแก้มเมื่อได้ยินคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้นใบหน้าขาวเรียบเนียนของเธอแดงระเรื่อเพราะความอึดอัดใจเธอก้มศีรษะลงและกัดริมฝีปากล่างของเธอ ร่างผอมบางของเธอยืนสั่นราวกับใบไม้ในสายลมยูเลียนาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “คุณเกรแฮม ฉันไม่ได้…”“จุ๊ จุ๊ คุณไม่ต้องอธิบายหรอก คำอธิบายมักจะใช้เพื่อปิดบังความจริง”เขาขัดจังหวะเธออย่างไร้ความปราณี ราวกับว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะได้ยินสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปยูเลียนาทำได้เพียงแค่ปิดปากให้เงียบอย่างไม่เต็มใจเกรกอรีพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่เคยตั้งใจจะทำให้ผู้หญิงคนไหนต้องรู้สึกลำบากใจ แต่คุณไม่สามารถตำหนิผมได้เพราะคุณเป็นคนขอมันเอง สิ่งไหนที่คุณเคยผ่านมันมาก่อน ผมก็สามารถแกล้งทำเป็นไม่สนใจมันได้ แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะโกหกต่อหน้าของผมแบบนี้ ผมว่า
เธอพูดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเกรกอรีในท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงแค่กระทืบเท้าด้วยความเกลียดชัง และกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ “คุณมันคนไร้ความปราณี! ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณที่สุด!”หลังจากที่เธอตะโกนใส่หน้าเขาเสร็จ เธอก็เอามือกุมหน้าผากแล้ววิ่งออกไปหญิงสาววิ่งออกไปที่ทางเข้าของประตูทางเดิน ขณะที่เขามองดูร่างของเธอที่กำลังห่างออกไป ในที่สุดเธอก็หายลับไปจากสายตาของเขาการแสดงออกที่เป็นภัยอันตรายบนใบหน้าของเกรกอรีค่อย ๆ หายไป และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของความโล่งใจหลังจากที่เธอกลับไปแล้วพ่อบ้านออสบอร์นที่ยืนรออยู่ข้างนอกมาได้สักพักก็เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ายูเลียนาได้ออกไปแล้วเมื่อเห็นว่าเกรกอรียังคงนั่งอยู่ตรงนั่น เขาจึงก้าวไปข้างหน้าด้วยความเคารพพลางเอ่ยถามว่า “นายน้อยครับ คุณลินช์ เธอ…”เกรกอรีหลับตาลง ในขณะที่มือของเขายังคงเล่นกับแหวนบนนิ้วอยู่ เขาพูดว่า “เธอบอกว่าเธอต้องการอุทิศชีวิตของเธอให้กับฉัน”คุณออสบอร์นถึงกับพูดไม่ออกเขาคงจะรู้สึกยินดี ถ้าหากว่าเขาได้ยินเรื่องนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในปีนี้นายน้อยอายุเข้าสามสิบปีแล้ว!ผู้ชายอายุสามสิบปีที่ไม่เ
แต่ทว่าในสายตาของยูเลียนานั้นพ่อบ้านออสบอร์นก็เป็นเพียงพ่อบ้านคนหนึ่งเท่านั้น พูดง่าย ๆ เลยก็คือ เขาก็เป็นแค่คนรับใช้ระดับสูง มันไม่สำคัญอะไรกับเธอเลยถ้าเขาจะรู้สึกโกรธเคืองเธอเธอรู้มาบ้างว่าสถานะของพ่อบ้านออสบอร์นในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดเขาไม่เพียงแต่จะเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเกรกอรีเท่านั้น แต่เขายังเป็น… ผู้ช่วยชีวิตเกรเกอรีอีกด้วยสิ่งนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมสถานะของเขาในคฤหาสน์แห่งนี้ถึงได้สูงกว่าคนอื่น เขามีความสำคัญมาก และแม้แต่ในหัวใจของเกรกอรีเองก็ด้วยเธอไม่เคยคิดเลยว่าถ้าหากว่าเธอทำให้เขาต้องขุ่นเคือง ชีวิตของเธอจะยุ่งยากแค่ไหนในอนาคตถึงอย่างนั้นพ่อบ้านออสบอร์นเองก็เป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจแม้ว่าเขาจะดูถูกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แต่ว่าเขาก็ยังคงรักษาระยะห่างในการแสดงสีหน้าสุภาพและถามเธอว่า “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ คุณลินช์?”ยูเลียนารู้สึกกระดากใจเธอรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะเธอเพิ่งจะทำให้เขาต้องลำบากใจ และตอนนี้เธอก็ยังจะขอความช่วยเหลือจากเขาอีกยูเลียนาไม่มีทางเลือกอื่นมันเป็นการกระทำของคนที่สิ้นหวัง เธอคิดว่าเธอจะประสบความสำเร็จในการ
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจของเขาขึ้นมาอย่างกระทันหันดูเหมือนว่าความทรงจำที่ถูกลืมเลือนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในขณะนี้ สายลมยามค่ำคืนได้พัดเข้ามาเปิดประตูแห่งความทรงจำและอดีตอันขมขื่นของเขาขึ้นมาวันที่ 23 เดือนตุลาคม ปี 2562ในค่ำคืนหนึ่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว มีคน ๆ หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกหนัก คน ๆ นั้นบอกกับเขาเอาไว้ว่าอีกสี่ปีข้างหน้าเธอจะปรากฏตัวออกมาและเธอจะมาหาเขาแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านมาสี่ปีแล้ว แต่เขาก็ยังคงนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอยู่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเขานึกถึงดวงตาที่สุดแสนจะเย็นชาของหญิงสาว และใบหน้าที่แน่วแน่ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมาร่างเล็กของเธอบางราวกับกระดาษที่สามารถละลายออกไปท่ามกลางสายฝนได้ทุกเมื่อ แต่ดวงตาคู่นั้นของเธอกลับสงบและแน่วแน่ราวกับเหล็กกล้าผู้ไม่ย่อท้อต่อสิ่งใด ราวกับเสือดาวที่กำลังคืบคลานรอโอกาสเข้าไปขย้ำเหยือให้ถึงตาย!เกรกอรีหลับตาลงและนึกถึงภาพเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นอย่างละเอียดสักครู่เขาก็หัวเราะออกมาเขาไม่รู้ว่าเขากำลังหัวเราะหญิงสาวคนนั้นหรือกำลังหัวเราะตัวเองกันแน่หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมา