ในห้องนั่งเล่นที่อาคารรับรองหลักเกรกอรีที่กำลังนั้งรออยู่ตรงนั้นแต่งตัวจัดเต็มเลยทีเดียวปกติจะไม่ค่อยเห็นเขาใส่ชุดสีขาวสบายตาแบบนี้สักเท่าไหร่ เหมือนว่าความขาวนั้นได้ชะล้างความหมองคล้ำของเขาออกไป จึงทำให้เขาดูสดใสและหล่อเหลาขึ้นมาในทันตา มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้กลับมาเป็นเด็กนักเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับเขาเป็นชายท่าทางมูมมามคนหนึ่งที่กำลังทิ้งตัวพิงโซฟาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ในขณะที่ในมือของเขากำลังถือองุ่นพวงหนึ่งพลางยัดใส่ปากทีละชิ้น“นี่นายจะบ้าไปแล้วเหรอเกรกอรี? ไม่ใช่ว่านายเคยบอกไว้เหรอว่านายไม่เคยรอผู้หญิงคนไหน? ใครคือสาวงามที่ทำให้นายต้องมานั้งรออยู่แบบนี้กัน?”ความจริงแล้วเขาตื่นนอนตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ดังนั้นเขาคิดว่าเขาควรจะรอต่อไปอีกสักหน่อยเกรกอรีกำลังอ่านข่าวบนไอแพดของเขา พลางเหลือบตามองขึ้นไปที่มัสซิโม โนแลนผิวของเขาซีดเผือด ราวกับก้อนน้ำแข็งที่มีอายุมานับร้อยล้านปี“นายจะกลับเลยก็ได้นะถ้าลำคานมากละก็”สีหน้าของมัสซิโมเปลี่ยนไปด้วยความน่ากลัว เขารีบพูดแย้งขึ้นมาว่า “เฮ้ อย่าใส่ใจเลย ฉันก็แค่พูดล้อเล่นเอง”เมื่อพูดจบ เขาก็เอนร่างกาย
เกรกอรีและยูเลียนา เดินเข้าไปขึ้นรถโรลส์รอยซ์ซึ่งจอดรออยู่ด้านหน้าแล้ววิกกี้ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มัสซิโมจะตามหลังเธอมาติด ๆเขาเป็นคนร่าเริงและมีไหวพริบที่ดี เขาเห็นมาแต่ไกลว่าเกรกอรีและยูเลียนาได้ขึ้นรถคันแรกไปแล้ว มันจึงทำให้เขารู้สึกแย่แทนวิกกี้ เขารีบพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโธมัสครับ คุณรังเกียจไหมถ้าเราจะนั้งรถคันเดียวกัน”วิกกี้เปิดประตูรถเลกซัสแล้วกระโดดขึ้นไปนั้งบนเบาะทันทีในเวลาเดียวกัน เธอก็ตอบคำถามของเขาว่า “แล้วแต่คุณเลยละกันค่ะ”มัสซิโมกำลังเดิมพันอยู่เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเขาเองเป็นคนกลางที่กำลังติดอยู่ระหว่างคนสองคนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นักเมื่อคิดว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณกันมากมายขนาดนี้ แต่ก็ยังมีความซาบซึ้งต่อกันจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความบาดหมางกันทั้งตระกูลเลยก็ว่าได้ เขาส่ายหัวและตัดสินใจที่จะทำเป็นไม่สนใจกับเรื่องนี้ เขาเดินไปที่ประตูอีกฝั่งแล้วกระโดดขึ้นรถสนามกอล์ฟที่พวกเขากำลังจะไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์มากนัก เพราะว่าเป็นสนามกอล์ฟของเกรกอรีนั้นเองการเดินทางไปที่นั่นใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นคนขับรถส่วนตัวปล่อยให้พวกเขาล
ชายคนนั้นถอยหลังกลับไปสองสามก้าวเนื่องจากโดนแรงปะทะ และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงลูกกอล์ฟได้ วิกกี้จึงรีบฉวยโอกาสจากสิ่งนี้เธอพยายามตั้งท่าให้ดีที่สุด ขณะที่เธอกำลังจะทำคะแนนได้นั้น ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังของเธอก็รีบหยุดเธอเอาไว้ด้วยไม้กอล์ฟของเขา เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีมือที่แข็งแรงกำลังดึงแขนของเธอออก ซึ่งนั้นทำให้เธอเสียโอกาสในการทำคะแนนอีกครั้งวิกกี้เริ่มรู้สึกรำคาญเต็มทนมาถึงตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่รู้แล้วว่าพวกเขาแต่ละคนมีเล่ห์เหลี่ยมสกปรกอยู่มากมาย การแข่งขันในรอบนี้ไม่ใช่แค่การเล่นของเล่นเด็กอีกต่อไปวิกกี้ก้มโค้งหลังของเธอลง ดวงตาของเธอคมกริบ ในขณะที่เกรกอรีก็ทำการป้องกันเช่นเดียวกันเธอกัดฟันกรอด “วันนี้คุณจะต้องแพ้แน่นอน”เกรกอรียิ้มออกมาอย่างเย็นชา “นี่คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”"แน่นอนที่สุด!"เมื่อเธอพูดจบ เธอก็พุ่งตัวผ่านช่องว่างระหว่างวงแขนของเขาอย่างรวดเร็วในทันทีเกรกอรีขมวดคิ้ว เขาไม่มีเวลามาตอบกลับเมื่อเธอคว้าไม้กอล์ฟได้และกระโจนตัวไปทางขวาของเกรกอรีอย่างกระฉับกระเฉงและว่องไว มือขวาของเธอแกว่งไปมาเบา ๆ และทำให้ลูกกอล์ฟลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยการตีเบา ๆ จากการ
ท้ายที่สุดเขาก็ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าพูดในฐานะเพื่อน ผมก็ไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บปวด เมื่อสี่ปีที่แล้วที่ผมเลือกที่จะอยู่ข้างเขาเพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันบีบบังคับ ไม่ใช่เพราะว่าผมจะมีเจตนาร้ายต่อคุณนะ วิก ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ”วิกกี้ไม่ได้พูดอะไรตอบ คิ้วของเธอยังคงสงบเหมือนในก่อนหน้านี้ แต่ส่วนที่ลึกลงไปในดวงตาของเธอกลับมีแสงระยิบระยับเธอตอบเขาอย่างเฉยเมยว่า “ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันเป็นอดีตไปแล้ว”ใช่ มันเป็นอดีตไปแล้ว!บาดแผลทั้งหมดที่เธอได้รับมา เธอสามารถทำเป็นไม่สนใจมันได้ ทุกความเจ็บปวดที่เธอต้องทนทุกข์อยู่กับมันเธอสามารถลืมได้ และทุกคนที่ทรยศหักหลังเธอ เธอก็สามารถให้อภัยพวกเขาได้เช่นกันแม้ว่าจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่สามารถเมินเฉยได้นั้นก็คือ การลืมและการให้อภัยนั่นคือพวกพี่น้องของเธอที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะเธอแม้ว่าพวกเขาจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเกรกอรีเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะเชื่อใจเธอ และเชื่อในคำมั่นสัญญาของเธอที่ว่าเธอจะไม่มีวันทรยศต่อองค์กรทุกคนปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจและต้อนรับเธอด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเชื่อว่าสีดำก็คือส
มีรอยยิ้มของความเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา “คุณห่วงใยคนอื่นมากแค่ไหนกัน”ยูเลียนามองเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ถนัดนัก เธอจึงลดสายตาลงและพูดกับเขาอย่างนุ่มนวลว่า “ฉันชอบคุณค่ะ และแน่นอนว่าฉันห่วงใยคุณ”จู่ ๆ เกรกอรีก็รู้สึกคลื่นไส้และหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร เขามองดูเธออีกครั้งก่อนจะก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าเมื่อรับรู้ว่าเขาไปแล้ว ยูเลียนาก็ตกใจ จากนั้นความรู้สึกประหลาดใจก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างสุดจะพรรณนาได้ เธอจึงรีบเดินตามหลังเขาไปเป็นอีกครั้งที่กลุ่มของพวกเขากลับเขาสู่สนามวิกกี้ยืดข้อมือและข้อเท้าของเธอด้วยความกระฉับกระเฉง เธอพูดกับมัสซิโมที่เดินตามหลังเธอมาไม่ไกลมากนักว่า “นายน้อยโนแลนคะ ได้โปรดยืนให้ห่างออกไปอีกนิดนะคะ พอดีฉันเกรงว่าท่าตีกอลฟ์ของฉันอาจจะมากเกินไป และอาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บอย่างไม่ได้ตั้งใจได้”มัสซิโมจ้องไปที่คนสองคนที่กำลังจะต่อสู้กัน เพียงเพราะพูดจาไม่เข้าหูกัน เขาดูกังวลเป็นอย่างมากแต่ก็กลับทำอะไรไม่ถูกในที่สุดเขาก็ได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ พลางถอนหายใจออกมาเกรกอรีเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมเขาเตือ
วิกกี้ไม่ได้สนใจว่าเธอจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงในสายตาของยูเลียนาหรือไม่เพราะตอนนี้เธอคิดว่าเกรกอรีไม่มีความเป็นผู้ชายหลงเหลืออยู่เลยหลังจากต่อสู้กันมาหลายรอบแล้ว เขาก็ยังดื้อรั้นที่จะไม่ยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเขาเอง แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่? หรือพวกเขาต้องต่อสู้กันจนกว่าจะมีใครตายไปข้างหนึ่งเลยใช่ไหม?เมื่อคิดแบบนี้ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของวิกกี้แต่เมื่อมีมัสซิโมอยู่ตรงนี้ เขาจะไม่ยอมให้พวกเขาต่อสู้กันจนมีใครตายไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอนมัสซิโมรีบคว้าตัวของวิกกี้กลับมาอย่างรวดเร็ว พลางเกลี้ยกล่อมเธอว่า “พอเถอะ พอได้แล้ว เกรกอรีเขาก็แค่ดื้อรั้น อย่าไปใส่ใจกับเขาเลย สำหรับความแค้นระหว่างคุณทั้งสองคน ผมว่าคุณสามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวคุณเอง หากการต่อสู้ครั้งนี้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงขึ้นมาละก็ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? วิก ช่วยเห็นแก่มิตรภาพอันยาวนานของเราเถอะ อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจไปมากกว่านี้เลย ผมขอร้อง”เกรกอรีคายเลือดออกมาเต็มปากพลางพูดต่อว่ามัสซิโม “นายจะไปขอร้องเธอทำไม? นายไม่รู้เหรอว่านายควรจะยืนอยู่ตรงไหน?”ในเวลานี้ แม้แต่ความอดทนของโมซิมัสก็ได้หมดลงเขาหันกล
หลังจากการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างมัสซิโมและยูเลียนา ก่อนที่พวกเขาออกไปจากคฤหาสน์ยูเลียนารู้สึกท้อแท้จากความรู้สึกผิดและพาลให้เธออารมณ์เสีย เมื่อเธอกลับออกมาจากอาคารใหญ่และไปยังอาคารเล็ก เธอได้ขังตัวเองอยู่ในห้องของเธอและไม่ออกไปไหนอีกเลยในทางกลับกัน เกรกอรีกำลังอาบน้ำและทำงานด้านธุรกิจของเขาต่อไปเมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็นเขาบีบบริเวณหว่างคิ้วของเขาพลางมองดูเวลา ที่ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วดังนั้นเขาจึงกดกริ่งเพื่อเรียกพ่อบ้านออสบอร์น“คุณลุงออสบอร์น เธอกลับมารึยัง?”แน่นอนว่าพ่อบ้านออสบอร์นรู้ดีว่า 'เธอ' คนที่เกรกอรีหมายถึงนั้นคือใครเขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยพลางตอบออกไปเบา ๆ ว่า “ยังไม่กลับมาเลยครับ”ยังไม่กลับเหรอ?หน้าผากของเกรกอรีย่นขึ้นจนรัดแน่น คลื่นของความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัวเขาโบกมือไล่พ่อบ้านออสบอร์นให้ออกไป ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างและจ้องมองไปยังแสงที่ส่องประกายระยิบระยับภายใต้ท้องฟ้าในเวลาพลบค่ำ คิ้วของเขาตึงขึ้นผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่?ทั้งสองคนมีข้อตกลงกันไว้ว่าจะไม่รบกวนเธอ และอนุญาตให้เธอพักที่คฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อแลกกับการที่เธอจะ
ทั้งสองคนสวมชุดวอร์มสีดำเหมือนกัน ชายคนนั้นดูเงียบขรึมและพูดจานุ่มนวล ทรงผมที่ฉวัดเฉวียนและดวงตาที่สงบถ้าหากว่ามีคนอื่นที่ไม่รู้จักเขาได้มาเห็น พวกเขาอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่แสนซื่อสัตย์ผู้หญิงคนนั้นดูมีชีวิตชีวามาก ผมยาวสีดำของเธอถูกรวบตึงขึ้นเป็นหางม้าสูง ใบหน้าของเธองดงาม ดวงตาของเธอสดใสและมีไหวพริบ ยิ่งไปกว่านั้น ริมฝีปากของดูบูดบึ้งเล็กน้อย ซึ่งนั้นทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนยิ้มอย่างคลุมเครืออยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตามภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะร่างกายที่เพรียวบางเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองคนตกใจขึ้นมาทันทีก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินเสียงที่นุ่มลึกและสุขุมผ่านสายโทรศัพท์ พวกเขาก็คิดว่าเธอคนนั้นน่าจะเป็นหญิงชรา พวกเขาไม่คิดเลยว่าเธอจะมีอายุน้อยขนาดนี้ลิตเติ้ลเอท เป็นคนแรกที่ก้าวเท้าขึ้นมา เธอหรี่ตาลงและยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ คุณคือ คุณโทมัสใช่ไหมคะ?”วิกกี้ยื่นมือไปจับมือของเธอ "ใช่ ฉันเองค่ะ"คนข้างหลังก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือเธอเช่นกันวิกกี้ไม่ต้องการพูดคุยอะไรแม้แต่น้อย เธอเหลือบมองรถเอสยูวีที