อยู่ ๆ เขาก็เงียบไป และวิกกี้ก็เช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดจาเย้ยหยันออกมา ด้วยความเย็นชาว่า “แสดงว่าเรื่องราวของชาวนากับงูเห่าก็เป็นความจริงสินะ”เกรกอรีถอนหายใจออกมาเบา ๆ "ก็อาจจะเป็นไปได้สินะ"วิกกี้ยังคงถามต่อไปว่า “แล้วคนเหล่านั้นเป็นใคร?”เกรกอรีขมวดคิ้ว “ฉันสอบปากคำเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้”วิกกี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเกรกอรีจึงอธิบายว่า “คนเหล่านั้นติดต่อกับเขาทางอีเมล ฉันได้ให้คนตรวจสอบที่อยู่ของอุปกรณ์นั้นแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เรื่อง เพราะคนเหล่านั้นคงจะทำลายมันไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร เขาได้รับมาแค่เพียงเงิน และคำมั่นสัญญาว่าจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่านั้น”“ฉันเดาว่าคน ๆ นั้นคงต้องอยากได้ตำแหน่งจนตัวสั่นสิท่า ไม่แปลกที่เขาจะยอมทำเรื่องเลว ๆ พันธุ์นั้น บอดี้การ์ดที่ทำตัวเลวทรามต่ำช้า จะเทียบกับเจ้าของอาณาจักรคฤหสน์แห่งนี้ได้ยังไง?”วิกกี้เผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าของอาณาจักรคฤหาสน์? เขา? สำหรับคนทรยศแบบเขา มันคงเป็นเรื่องแปลกที่จะได้รับความสำเร็จ หลังจากที่หักหลังผู้มีพระคุณของเขา เพราะแค่อีเมล”เกรกอรีไม่มีความคิดเห็นใด ๆ อยู่ ๆ บรรยากาศระหว่างพวกเขาก
วิกกี้ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าเกรกอรีกำลังกวักมือเรียกฮาโรลด์ ที่ยืนอยู่ออกไปไม่ไกลมากนักฮาโรลด์มอบสิ่งของนั้นให้กับเกรกอรีในทันทีเมื่อเกรกอรีได้รับของสิ่งนั้นมา เขาก็ยื่นมันให้กับวิกกี้ "เธอดูนี่สิ"วิกกี้ได้ของสิ่งนั้นมาภายในชั่วพริบตา มันคือแผนที่เกรกอรีกล่าวว่า “แผนที่นี้ถูกสักไว้บนหลังของเขา เราไม่สามารถบอกได้ในตอนแรกว่ามันคืออะไร แต่ฮาโรลด์เป็นคนเชื่อมโยงโครงร่างของรอยสักนี้เข้าด้วยกัน เราได้รับแผนที่นี้มาหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และก็พบว่ามีคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันกับเขา”วิกกี้ขมวดคิ้ว พลางตรวจดูลายเส้นพวกนี้ก่อนจะถามว่า “สถานที่บนแผนที่นี้คืออะไร?”เกรกอรีส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”“ไม่รู้? นั่นก็แปลว่ามันไม่ใช่ข่าวดี” เธอรู้สึกไม่พอใจเกรกอรีหัวเราะออกมาเบา ๆ “นี่มันคงจะไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ถ้าเรารู้เบาะแสแค่นั้น แต่บังเอิญว่าฉันรู้สึกว่ามันดูคุ้น ๆ เมื่อตอนที่ฮาโรลด์ได้เอาแผนที่นี้มาให้ ฉันจึงเอามันมาเปรียบเทียบกับหยกที่เราได้รับมาจากการประมูล เธอลองเดาดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”วิกกี้มองหน้าเขาด้วยความงุนงงเขาหยิบหยกจากด้านข้างอ
แต่ทว่าเธอไม่มีอะไรต้องปิดบัง ดังนั้นแอนเดรียจึงพยักหน้า และบ่นว่า “เขาไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของฉันจริง ๆ หรอกค่ะ เพราะฉันเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา”เธอหยุดพูด พลางมองไปที่วิกกี้ด้วยสายตาคาดหวัง จากนั้นเธอก็กระซิบว่า “คุณวิกกี้คะ ผู้หญิงจะเอาชนะใจผู้ชายที่เธอชอบได้ยังไงเหรอคะ?”เธอไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ๆ เพราะเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้กับใครมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตกหลุมรักผู้ชาย ในสายตากับความคิดของเธอมันมีแต่เขาเท่านั้นเธออยากจะเจอหน้าเขาทุก ๆ วัน แต่ก็กลัวว่าเขาอาจจะรำคาญ ดังนั้นเธอจึงใช้สมองเพื่อคิดหาข้ออ้างที่จะมีโอกาสได้เจอกับเขาแต่เธอก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงกับสถานะในตอนนี้ แอนเดรียมีความรู้สึกว่าความรักนี้ครั้งนี้ มันเป็นแค่เพียงรักข้างเดียวเท่านั้นเพราะว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าแม้กระทั่งว่าเธอชอบเขา มันจึงไม่มีความเป็นไปได้เลย ที่พวกเขาจะได้คบกันในทางกลับกัน เธอควรจะรวบรวมความกล้าที่จะสารภาพความรู้สึกของเธอออกไป แต่เธอกลับไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อยไม่ต้องสงสัยเลยว่า แอนเดรียกำลังรู้สึกสองจิตสองใจ เธออาจจะอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้วก็จริง แต่ก็มีไม่กี่
วิกกี้หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้เธอส่ายหัวหลังจากที่ครุ่นคิดอย่างหนัก “เธอไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก ชีวิตเป็นของเธอ และเธอมาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น เธอจะทิ้งทั้งชีวิตของเธอเพื่องานที่เธอทำได้ยังไง?”แอนเดรียเก็บเงียบคำพูดของเธอเอาไว้ใบหน้าของหญิงสาวดูสงบลง ท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืน สีหน้าที่ว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ ทำให้เกิดภาพลวงตาของความไม่แยแสกับทางโลก ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวตนที่ร่าเริงและอ่อนเยาว์ตามปกติของเธอเนื่องจากว่าวิกกี้กำลังนอนหลับตาอยู่ เธอจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติในการแสดงออกของแอนเดรียเธอพูดต่อว่า “ในตอนสุดท้ายฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข ได้เจอกับคนที่ชอบเธอ และเธอก็ชอบเขาด้วย ได้แต่งงาน มีความมั่นคง มีลูก และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเหมือนกับคนทั่วไป นี่เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคน ๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้”แอนเดรียมองไปที่วิกกี้ พลางถามขึ้นมาทันทีว่า “การมีชีวิตที่แสนจะธรรมดา เป็นหนทางแห่งความสุขที่แท้จริงหรือเปล่าคะ?”วิกกี้เลิกคิ้ว และเปิดตาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “แน่นอนสิจ้ะ”แอนเดรียขดริมฝีปากของเธอขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำวิกกี้หลับตาล
ไม่นานหลังจากที่เกรกอรีได้รับข้อความ เขาก็ส่งคนมาหาเธอทันทีวิกกี้รอได้ไม่นาน ฮาโรลด์ก็มาถึงเขาเคาะประตูด้านนอกอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าเป็นเขาวิกกี้จึงลุกไปเปิดประตูให้ทันที จากนั้นเธอก็ส่งขวดน้ำมันหอมระเหยให้กับเขาไปบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่ในชุดนอน และพวกเขาก็อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวซึ่งเป็นห้องนอนของเธอ ฮาโรลด์จึงก้มหน้าลง และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเธอมากนักหลังจากได้รับขวดน้ำมันมาแล้ว เขาก็รับฟังคำสั่งของวิกกี้มาว่า “คุณช่วยตรวจสอบส่วนผสมของน้ำมันขวดนี้ให้ฉันหน่อย และแจ้งฉันทันทีหลังจากที่ผลออกมาแล้ว”ฮาโรลด์พยักหน้าตกลงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปจากนั้นวิกกี้ก็ปิดประตูลงหลังจากส่งขวดน้ำมันออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนอนมาก ในขณะที่เธอนอนลงบนเตียง เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ววันรุ่งขึ้น ตอนทานอาหารเช้า ในห้องอาหารมีเพียงแค่เกรกอรีกับวิกกี้เท่านั้น ทั้งสองคนถูกปลูกฝังมาว่าไม่ให้พูดคุยกันในขณะที่รับประทานอาหาร ดังนั้นบนโต๊ะอาหารจึงเงียบกริบจนกระทั่งหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ วิกกี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันมีอะไรจะคุยกับนาย”เกรกอรี
ดวงตาของเขาดูเบิกบานเมื่อเขามองไปที่วิกกี้ “จะนวดตรงไหนงั้นเหรอ? นวดตัวของฉัน? เธอจะเป็นคนนวดให้ฉัน?”รอยยิ้มที่ดูสดใสของเธอในตอนนี้ดับลงในทันที และเธอก็เยาะเย้ยเขาว่า “ฝันไปเถอะ ไปนวดตัวเองเถอะ!”จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยอารมณ์โกรธเกรกอรี่ไม่คิดว่าเธอจะโกรธเขาจริง ๆ เขาไม่เข้าใจแม้กระทั่งว่าคำพูดของเขามีความหมายอะไรแอบแฝงเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาได้พูดอะไรผิดไป เมื่อเขากลับมามีสติอีกครั้ง และตอนนี้เธอก็เดินไปใกล้จะถึงประตูแล้ว เขารีบแก้ไขตัวอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยว ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น อย่าเข้าใจผิดสิ ฉัน…"“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่านายจะหมายถึงอะไร?" วิกกี้หันกลับมาและพูดอย่างโมโห “ฉันบอกนายแล้ว นายควรที่จะกำจัดความคิดสกปรกที่นายมีเกี่ยวกับฉันออกไปให้หมด ไม่อย่างนั้น…ฮึ่ม!”เธอยกกำปั้นขึ้นมาและทำท่าขู่ก่อนที่จะเดินออกไปเกรกอรี่รู้สึกผิดมาก ผิดอย่างมหันต์เขานั่งอยู่ที่นั่นและรู้สึกว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกอย่างถูกหยิบยกขึ้นมาโดยตัวเธอเอง แล้วทำไมในที่สุดเขาถึงได้กลายเป็นวายร้าย?เขาถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง หัวใจของผู้หญิงช่างแปรปรวนเหมือนกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่
เพราะฉะนั้นวิกกี้จึงพูดเล่นติดตลกไปว่า “ถ้าเธอหาน้องเขยมาให้ฉันได้ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะซื้อของเพิ่มให้เธออีกสองสามอย่าง”ใบหน้าของแอนเดรียแดงกล่ำขึ้นอีกครั้ง เธอชำเลืองไปมองโจนาธานที่กำลังติดตามอยู่ไกล ๆ และจ้องไปที่วิกกี้อย่างขุ่นเคือง “พี่วิกกี้!”วิกกี้เธอหัวเราะออกมา ที่จริงแล้วในครั้งนี้ที่เธอออกมาไม่เพียงแค่มาเพื่อซื้อของให้แอนเดรียเท่านั้น แต่เธอยังมีของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่เธอจำเป็นต้องซื้ออีกเช่นกันภายในปราสาทนั้นดีมากและพ่อบ้านออสบอร์นเขาเป็นผู้ชายที่ช่างคิด แต่วิกกี้เป็นผู้หญิง และเธอก็มีของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่ผู้หญิงต้องการ แม้ว่าห้องของเธอจะเตรียมพร้อมไว้แล้วก็ตาม แต่เธอก็มักจะอายที่จะต้องขอให้พ่อบ้านออสบอร์นต้องเตรียมเพิ่มเติมให้เธอจึงถือโอกาสในครั้งนี้ออกมาซื้อของใช้ส่วนตัวให้กับตัวเองมากขึ้นในวันนี้วิกกี้มีการ์ดที่เป็นของเกรกอรีอยู่กับเธอ พวกเขาโตมาด้วยกัน และตอนนี้ก็เปรียบเสหมือนว่าติดอยู่ในเรือลำเดียวกัน เธอไม่เคยรู้สึกว่าการใช้จ่ายเงินของเขาเป็นเรื่องที่ผิดอะไร เธอจึงใช้มันอย่างไร้ความเมตตาแน่นอนว่าเกรกอรี่มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ ที่จริงแล้วเขาอาจจะมีควา
วิกกี้ไม่สนใจและพยักหน้าตอบรับ “ไปเถอะ”แอนเดรียเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ของเธอในขณะที่วิกกี้มองดูร่างผอมเล็กเดินจากไป ร่องรอยของความอ่อนโยนและความเสน่หาก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอทำไมเธอถึงรู้สึกดีกับแอนเดรียแบบนี้?ตลอดระยะเวลานี้แอนเดรียได้ดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้เธอพอใจมากที่จริงแล้ว มันก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าวิกกี้จะมองผ่านแอนเดรีย และรู้จักเจนนี่ในตัวของเธอทั้งสองคนเป็นเด็กสาวที่เปรียบเสมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง พวกเธออยู่ในวัยสาวที่แสนสดใสและสวยงามที่สุด พวกเธอทั้งคู่ยังมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง พวกเธอเกิดมาจากโคลนแต่ยังไม่เปื้อน และเต็มไปด้วยความหวังเพื่ออนาคต แตกต่างไปจากเธออย่างสิ้นเชิงอย่างไรก็ตาม เจนนี่เธอได้ตายไปแล้ว เธอได้เสียชีวิตเพื่อวิกกี้ก่อนที่วิกกี้จะมีโอกาสที่จะได้ทำดีกับเธอวิกกี้ไม่รู้ว่าจิตวิทยาแปลกประหลาดเหล่านั้นเป็นอย่างไรในที่ทำงาน แต่ในบางครั้งเธอมองดูร่างเรียวเล็กของแอนเดรีย และดูเหมือนจะเห็นเจนนี่อยู่ในตัวของเธอจริง ๆ มีบางอย่างที่เธอไม่สามารถชดเชยให้กับหล่อนได้อีกต่อไปแต่ในกรณีนี้ เธอจะปล่อยให้หญิงสาวที่ทำให้เธอนึกถึงเจนนี่