ดวงตกอย่างแรก
เพราะเป็นวันหยุดยาว เจ้านายเข้ากรุงเทพฯ คนงานในบ้านหลายคนก็มีโอกาสได้ออกเที่ยว เธอก็เช่นกัน วันนี้นัดกับนุ่มจะเข้าไปเมืองไปหาซื้อของใช้ และเดินเล่นเตร็ดเตร่ ชอบที่สุดคือตลาดนัดกลางคืน สองสาวเพลิดเพลินกระทั่งท้องไส้ปั่นป่วนจึงหาร้านอาหารที่ไม่ไกลจากตลาด
“กินซาบูกันนะพี่ อัณเลี้ยงเอง”
“โห รวย”
“ก็ไม่รวย แต่หนูก็ได้เงินเดือนไง”
“อ๋อ ลืมไป ยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของนาย เงินเดือนเยอะกว่าพี่อีก”
พอนุ่มพูดถึงนาย อัณชญาก็ยิ้มเศร้า เพราะตั้งแต่วันเกิดเรื่องที่ประตูซุ้มดอกไม้ทางเข้าออกตึกส้ม เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าชินภพอีกเลย อยู่แบบเจียมตัวและใจ แทบจะขังตัวเองอยู่บนเรือนพัก อยากยืดแข้งยืดขาก็ออกมาเดินรอบๆ บ้าน ไม่กล้าเฉียดใกล้ตึกใหญ่ หรือตึกส้ม เพราะกลัวจะมีเหตุหรือเรื่องร้ายต่างๆ ให้เขาให้เขาหัวเสีย เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง นายอาจเฉดหัวเธอออกจากบ้านก็ได้
“ตอนแรกหนูก็เกรงใจนะ เขาให้เงินเดือน ทั้งที่หนูไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเลย แต่น้าพลบอกว่าเก็บไว้สำหรับการเรียนต่อม’ หาลัย” เพราะอีกเดือนเดียวก็จบแล้วมัธยมปลายแล้ว
ทั้งสองพากันไปกินซาบูอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยขนมหวานอีกจนอิ่มแปล้ กำลังจะเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน แต่อัณเหลือบไปเห็นสาวสวยร่างอ้อนแอ้นที่หน้าอกหน้าใจล้นเสื้อครอปสั้น แค่ปิดอกอวบไว้เท่านั้น กับกางเกงขาสั้นเสมอจิ๋ม
“นั่น พี่คนนั้นเป็นเมียนายนี่นา” เธอจำผู้หญิงที่จูบเร่าร้อนที่ริมสระกับนายได้ โดยเฉพาะอกอวบคู่นั้น
“เออจริง นั่นยัยพริ้มคนโปรดของนายนี่หว่า แล้วนั่นเดินโอบไหล่กับหนุ่มหล่อที่ไหนวะ”
“กำลังจะขึ้นรถไปด้วยกัน”
“ถ่ายรูปไว้” นุ่มสั่งอัณชญา ซึ่งอีกฝ่ายถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ก็กดถ่ายไว้ทันที จังหวะมีแท็กซี่มาส่งคนพอดี ทั้งสองก็รีบโบก แล้วบอกให้ตามรถเก๋งสีขาวไป
“พี่นุ่ม เราจะตามเขาไปจริงๆ เหรอ”
“เออสิ คบชู้แบบนี้ต้องฟ้องนาย”
“เขาอาจเป็นเพื่อน พี่น้องกันก็ได้นะ”
“เพื่อนอะไร โอบบ่าขึ้นรถขนาดนั้น”
แท็กซี่ขับตามมากระทั่งรถเก๋งสีขาววิ่งเข้าไปในบริเวณโรงแรม
“เข้าไปข้างในเลยไหมครับ” คนขับแท็กซี่ถาม
“จอดด้านหน้าก็พอ” แล้วนุ่มก็จ่ายค่ารถ แล้วตามเข้าไปในโรงแรม ทันพอจะเห็นนางบำเรอคนโปรดของนายควงแขนหนุ่มเข้าไปในลิฟต์
อยากจะตามไปดูให้เห็นชัดๆ แต่อัณชญาก็ดึงมือไว้
“พี่จะขึ้นไปไม่ได้นะ”
“อยากรู้ชัดๆ น่ะ”
“หนูถ่ายรูปตอนเขาเข้าลิฟต์ด้วยกันได้ แค่นี้ก็พอแล้ว กลับเถอะค่ะ” อัณชญาบอก สีหน้าเริ่มไม่ค่อยสู้ดี เพราะนี่ก็ค่ำมากแล้ว กลับดึกไปก็คงไม่ดี
“อือ กลับก็ได้”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน นุ่มก็โทร. บอกพลทันที รวมทั้งส่งภาพที่อัณชญาถ่ายไว้ให้อีกฝ่าย ซึ่งพลไม่ได้ไปกรุงเทพฯ กับนาย แต่ปักหลักอยู่ไร่เพื่อดูแลความเรียบร้อยระหว่างวันหยุดยาว
“เดี๋ยวจะบอกนายเอง พวกมึงสองคนไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้วนะ ถ้านายรู้ว่าพวกมึงตามมันไปถึงโรงแรม จะโดนด่าเอา โดยเฉพาะนังอัณ ความผิดมันหลายกระทงแล้วนะ”
“แต่เรื่องนี้เราช่วยนายนะ” นุ่มเถียง
“เออๆ กูรู้ว่าพวกมึงหวังดี แต่นายจะเข้าใจไหม ก็อีกเรื่อง ที่สำคัญมึงสองคนกลับบ้านเกือบสี่ทุ่มเลยนะ”
“ก็เพราะตามนังพริ้มไปไง เลยกลับดึก”
“เที่ยวเพลินมากกว่า อย่ามาแก้ตัว พรุ่งนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้วนะ” พลสั่งแล้วก็ตัดสายไปทันที
“โห พี่พล ดุพอๆ กับนายเลย” นุ่มบ่น
“ถ้านายรู้ คงไม่โมโหเราใช่ไหม” อัณชญากังวลใจ เพราะหากเขาไม่พอใจอีก เธออาจระเห็จออกจากบ้านนี้
“ไม่น่านะ เพราะเราช่วยนายไม่ให้นังพริ้มมันสวมเขานายไง”
ในวันรุ่งขึ้นพลก็มาหาทั้งสอง พร้อมกับคำฝากจากนาย ที่ตอนนี้ยังพักผ่อนอยู่ที่กรุงเทพฯ
“มึงสองคนไม่ต้องออกไปไหนช่วงวันหยุดนี้”
“อ้าว นายโกรธอีกแล้วเหรอ”
“นายไม่พอใจที่พวกมึงสองคนตามนังพริ้มไปถึงโรงแรม”
“ทำคุณบูชาโทษ อุตส่าห์อยากให้รู้ว่านังพริ้มมันสวมเขานาย” นุ่มทำหน้าบูด
“นายพอระแคะระคายมาบ้าง ให้คนตามเก็บหลักฐานอยู่ และที่นายไม่พอใจที่พวกมึงตามพวกมันไปถึงโรงแรม เพราะไอ้คนที่นังพริ้มเข้าโรงแรมด้วย มันก็ไม่ธรรมดา เกิดมันเห็นเข้า พวกมึงสองคนอาจโดนมันทำร้ายเอา”
“สรุป นายโกรธเพราะเป็นห่วงเหรอ” นุ่มพูดแล้วหันไปยิ้มกับอัณชญา ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มตอบ
“ห่วงกะผีน่ะสิ นายกลัวพวกมึงทำเสียเรื่อง เกิดนังพริ้มไหวตัวทัน แผนการนายก็เสียหมดน่ะสิ”
“อ้าว” นุ่มทำเสียงท้อใจ ขณะที่อัณชญาก็ทำหน้าหงอย นั่นแสดงว่านายรู้อยู่แล้วว่าพริ้มกำลังสวมเขาให้ แต่วันก่อนก็เห็นนายกอดจูบลูบคล้ำขย้ำนมอีกฝ่ายอยู่แท้ๆ ไม่คิดว่านายจะวางแผนจับผิดพริ้มอยู่
“กูไปล่ะ พวกมึงก็อย่าออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านนี่แหละ วุ่นวายดีนัก” พลทิ้งคำให้สองสาวยิ่งท้อใจ ก่อนจะลงจากเรือนไป
ส่วนนุ่มกับอัณชญานั้นก็ได้แต่บ่นไปตามเรื่อง
“สงสัยดวงพี่กับอัณคงไม่ต่างกัน ว่าแต่อัณเกิดราศีอะไรเหรอ”
“อัณเกิดราศีมีนค่ะ”
“มิน่า”
“พี่นุ่มก็เกิดราศีมีนเหมือนกันเหรอ”
“อือ...งั้นช่วงนี้พี่กับอัณก็ออกไปไหนไม่ได้ พี่ว่าเรามาสวดมนต์ ทำสมาธิกันเถอะ เผื่อดวงเราจะดีขึ้น”
“งั้นเราไปห้องพระกันดีไหม ที่นั่นมีหนังสือสวดมนต์เยอะดี”
“อือ” สองสาวเข้าไปห้องพระ ตั้งใจสวดมนต์ กระทั่งป้าหมายกลับจากตึกใหญ่มาเห็นเข้า
อย่าง
“ฟ้าดินเป็นพยาน อีนุ่มมันสวดมนต์ ขอบใจหนูอัณมากๆ ที่พามันเข้าห้องพระได้”
“พี่นุ่มเป็นคนชวนหนูเองค่ะ” อัณชญาบอก
“อ้าว เหรอ เฮ้ย ดีจริง มึงคิดเรื่องแบบนี้ได้เอง” ป้าหมายลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู
“ป้ามีน้ำมนต์อะไรมาลูบหัวหนูกับอัณไหม หมู่นี้รู้สึกดวงไม่ดีเลย” นุ่มเอ่ยขึ้น
“มี เก็บมาจากหลายวัดเลย เดี๋ยวลูบหัวให้”
นอกจากสวดมนต์ นั่งสมาธิแล้ว ยังโดนน้ำมนต์หลายวัดลูบหัวอีก นุ่มกับอัณชญา มั่นใจว่าต่อจากนี้ดวงจะดีขึ้นแน่ๆ
ส่วนเรื่องของพริ้มนั้นสัปดาห์ต่อมา นุ่มก็มาเล่าให้ฟังว่าอีกฝ่ายถูกเฉดหัวออกจากตึกส้มเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้นางบำเรอของนายก็ยังเหลือแค่หกคนเท่านั้น
รวมเธอด้วยก็เจ็ด...สินะ
"""""""""""""""
พอลูกสาวหลับไปแล้ว ภูวิณก็เก็บหนังสือนิทานไว้บนโต๊ะ ห่มผ้านวมให้ หอมแก้มเบาๆ ไม่ลืมที่จะปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็กลับห้องนอนของเขากับภรรยาที่อยู่ห้องถัดไป คั่นกลางด้วยห้องแต่งตัวที่ประตูทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันได้ภูวิณยิ้มกริ่มเมื่อเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาก็เห็นภรรยากำลังสวมชุดนอนสีดำสายเดี่ยว ยิ่งขับผิวขาวนวลลออตา ชุดสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบ โชว์เรียวขาสวยที่เขามองไม่เคยเบื่อ ผมยาวดำขลับทิ้งสยายเต็มกลางหลังใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มกลับเห็นผิวขาวใสไร้รอยด่างดำ แม้จะออกไปช่วยงานในไร่บ่อยครั้ง สลับกลับไปทำงานในรีสอร์ต แต่อรองค์ก็ดูแลตัวเองอย่างดีอรองค์ในวัยสามสิบต้นๆ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งเป็นสาวเต็มตัว มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเด็กสาวในวันวานทั้งรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ก็เฟิร์มไปทั้งเนื้อตัว ช่วงอกอวบอิ่มขึ้น ดวงตากว้างเป็นประกายรู้ทันเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของเขา“เซ็กซี่จัง” ภูวิณเดินมาโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง ซุกจมูกที่ลำคอระหง ก่อนย้ายไปยังซอกหู มือใหญ่นั้นเริ่มไล้เบาๆ ตั้งแต่โค้งสะโพก ผ่านชุดนอนเนื้อบางเบา ทำให้อรองค์วูบไหวจนร่างสะท้าน พร้อมครางเสียงแผ่วริมฝีปากอุ่น
ตอนพิเศษ “คุณแม่ขาหนูอยากปั่นจักรยานเล่นที่ไร่ค่ะ” เด็กหญิงอิงจันทร์ วัยสี่ขวบเอ่ยขึ้นในเวลาบ่ายวันหยุด กำลังกินของว่างกับแม่ในสวนข้างบ้านเด็กหญิงอิงจันทร์มีหน้าตาคล้ายแม่ค่อนข้างมาก ทั้งใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาโตกว้างเป็นประกายสดใส ริมฝีปากจิ้มลิ้มได้รูป ผมสั้นเคลียหูและมีหน้าม้า ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนตุ๊กตาเดินได้“งั้นกินนมให้หมดก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงก็ยกแก้วนมที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดื่มจนหมด“หมดแล้วค่ะ”“งั้นเราไปเปลี่ยนรองเท้าและใส่หมวกกันค่ะ” อรองค์ที่ตอนนี้อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลูกสาวตัวน้อยก็รีบลงจากเก้าอี้ แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้านทันทีไม่กี่นาทีต่อมาสองแม่ลูกก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับการปั่นจักรยาน รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน็อค“น้องเอิงคะ ป้าศรีถาม ค่ำนี้กินอะไรดี”“อ๋อ เอิงลืมบอก ตอนค่ำเอิงจะพาน้องอิงไปกินข้าวที่ รีสอร์ตกับพ่อเขาน่ะ”อรองค์หันมาบอกคำแพง ที่ตอนนี้รับหน้าที่หลักเป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงอิงจันทร์ ช่วยงานบ้านอื่นๆ ยามว่างเว้นจากการดูแลเด็กหญิง เช่นวันหยุดที่อรองค์ไม่ได้ทำงาน เธอก็จะดูแลลูกสาวเอง
บทส่งท้าย หกปีต่อมาที่ไร่ภูวิณในเวลาเช้าตรู่ อรอรงค์กำลังแต่งหน้าทำผมเสร็จ สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีม ส่งผลให้รูปร่างสูงเพรียวนั้นยิ่งหน้ามองเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่ใบหน้าสวยที่แต่งแบบเรียบๆ กลับยิ่งโดดเด่นนัยน์ตาเรียวกว้างและคมหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากยิ้มแย้มอิ่มเต็มและเย้ายวนอยู่ในที“แกสวยมาก” มะเหมี่ยวเอ่ยปากชม“เหมือนนางฟ้าเลยแก” มัทนาชมบ้าง“ฉันเห็นเอิงใส่ชุดแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งแรกแต่งแทนคนอื่น ตอนนั้นเอิงยังเด็กอยู่ก็สวยน่ารัก ตอนนี้ดูเป็นสาวเต็มตัว เฉิดฉายมากเลย ออร่าแบบพุ่งสุดๆ” อารียาเอ่ยชมด้วยสีหน้าสุดปลื้มปริ่มกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เพิ่มสถานะอาสะใภ้เข้าไปด้วย“ครั้งนี้ต้องพิเศษสิ เพราะงานแต่งของฉันจริงๆ ไม่ได้แต่งแทนคนอื่น” อรองค์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง ปลื้มกับคำชมของเพื่อนๆ จนจะลอยได้อยู่แล้ว“สรุป แกเป็นเจ้าสาวสองครั้งในชีวิตของอาวิณ”“ฉันถือครั้งนี้ คืองานแต่งของฉันจริงๆ”“เด็กๆ ไปข้างล่างกันเถอะ ได้กฤกษ์ทำพิธีแล้ว” อินทุอรโผล่หน้ามาบอกทุกคนในห้องแต่งตัวเมื่อลงมาถึงชั้นล่างที่สวนข้างบ้าน ก็เห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่กับมัชกร และกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อรอเ
“เราชอบอิ้งตั้งแต่ตอนมอต้น แต่เราไม่กล้าแม้จะคุยกับอิ้ง กลัวยัยน้อยหน่าแกล้งอิ้ง”“เราก็คิดว่าไม้ชอบเอิงเสียอีก”“ใครจะกล้าชอบ อิ้งบอกย้ำเราตลอดว่าเอิงจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณของอิ้ง”“แฮะๆ ขอโทษนะ ตอนนั้นเรากลัวไม้ชอบเอิงน่ะ เลยบอกย้ำ” เธอสารภาพน้ำเสียงเขินๆ“ก็ตอนนั้นเราชอบอิ้งแล้ว จะชอบใครได้อีก”“แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้นเราคงคบกันได้หลายปีแล้ว แล้วตอนนั้นไม้เหมือนสนใจเอิงด้วยนะ”“ก็สนใจ เพราะเอิงดูสู้คนไง”“เลยให้เอิงไปสู้กับยัยน้อยหน่าว่างั้นเถอะ”“อือ คิดว่าเอิงจัดการได้”“แต่เสียดาย น่าจะบอกกันบ้าง”“ถึงเราจะชอบอิ้ง แต่ก็ยังเด็ก และไม่แน่ใจว่าจะชอบต่อไปได้นานแค่ไหน”“งั้นตอนนี้ก็ยังชอบนะ”“ก็ชอบอยู่”“งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” เพราะอย่างไรก็คบในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันอะไรกันเพิ่มเติม“ได้ แต่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นๆ ได้ไหม”“ทำไม อายเหรอที่จะเป็นแฟนกับเรา” น้ำเสียงมีแววน้อยเนื้อต่ำใจ“ถ้าอิ้งไม่กลัวพวกเขาแซวก็ตามใจอิ้งนะ”“งั้นปิดไว้ก่อนเหอะ แอบๆ คบกันก็น่าสนุกดีนะ” น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาทันที“แต่อิ้งควรบอกผู้ใหญ่ของอิ้งก่อนนะ”“หมายถึงคุณแม่กับอาวิ
“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว” อรองค์ถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงชั้นล่างพร้อมกินของว่างไปด้วย ก็เห็น อารียาใส่เดรสสีครีมดูอ่อนหวานนุ่มนวล แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหวานละมุนเข้ากับชุดที่สวมใส่“ไปดูหนังกับไม้”“แกไปล่อลวงไม้ให้ไปดูหนังได้ด้วยเหรอ”“บ้า ล่อลวงอะไร ปกติไม้ก็ไปดูหนังกับฉันกับยัยเหมี่ยวบ่อยๆ” ส่วนอรองค์กับมัทนาไม่ชอบเข้าโรงหนัง รวมทั้งมัชกรด้วย แต่ทุกครั้งที่ชวนเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ“ก็ไม้ไปเป็นเพื่อนแกกับยัยเหมี่ยวไง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปด้วยหรือเปล่า”“ก็ชวนแล้ว แต่มันไม่ว่าง และฉันก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก” เจ้าตัวก็บอกชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู“มีแผนไรหรือเปล่าเนี่ย ชวนไม้ไปดูหนังผี แล้วตัวเองแต่งตัวเป็นนางฟ้า”“อุ๊ย ฉันสวยมากใช่ไหมแก” น้ำเสียงของอารียาร่าเริงขึ้นมาทันที“ไปถามป้าอินที่ร้านดูก่อนไหม”“บ้าสิ ขืนไปถาม แม่ก็ซักไซ้ว่าฉันแอบกิ๊กผู้ชายไม่บอกเขาน่ะสิ”“คิดว่าป้าอินจะไม่รู้เหรอ แกมองไม้ที โหหวานซึ้งตรึงใจไปถึงสามโลก”“เว่อร์น่า”“ไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ไม้ดู”“แกว่าฉันควรถามตรงๆ เหรอ”“เออ จะอมพะนำไปทำไม ค้างๆ คาๆ”“งั้นฉันจะลองทำใจกล้าถามเขาดู”“แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยน
ชอบมาตั้งนาน อรองค์กับแก๊งเพื่อนสนิทนั่งอ่านข่าวเด่นข่าวดังด้วยความชื่นมื่นในร้านชาบู ซึ่งจองห้องวีไอพีเฉพาะพวกเขาเท่านั้นข่าวลูกชายนักการเมืองจัดปาร์ตี้ยาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก ในคืนนั้นใครตรวจเจอฉี่ม่วงก็โดนกันไป เรียกว่าไม่มีใครรอดสักคน แต่คนที่หนักสุดคือดรีม เพราะเป็นถึงลูกชายนักการเมืองที่เป็นถึงระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี แถมตำรวจเจอคลิปลับในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายอีกหลายสิบคลิปในโซเซียลฯ ก็ถูกประจานสันดานเลวๆ ของดรีม ส่วนใหญ่ผู้หญิงออกมาพูดว่าดรีมชอบเอาคลิปลับมาขู่ให้ยอมมีเซ็กซ์ในครั้งต่อๆ ไป บางคนก็ถูกล่อลวง แอบถ่ายต่างๆ นานา เรียกว่างานนี้เรียกโจทย์ทั้งเก่าและใหม่มาทัวร์ลงเท่านั้นยังไม่พอทำพ่อเสียชื่อไปด้วย ได้ยินข่าวมาว่า ประกันตัวออกมาแล้ว ดรีมถูกพ่อส่งไปเมืองนอก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามประสาคนรวย พอมีเรื่องก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะกระแสจากสังคมตอนนี้แรงมากทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนทุกคนในงานที่ตรวจเจอฉี่ม่วง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ที่คืนนั้นแม้จะออกมาก่อนตำรวจจะมาถึง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของงานวันเกิด ถึงแม้คนที่เป็นเจ้าของปาร์ตี้ตัวจริงจะคือดร