จะเป็นเด็กดีของนาย
อัณชญาเดินออกจากห้องสอบพร้อมกับแตงกวาด้วยความโล่งใจ เพราะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายในชีวิตเด็กมัธยมของทั้งสอง จากนั้นก็นอนรอผลสอบ และผลแอดมิดชั่นที่เธอเลือกไว้ถึงห้าอันดับ ทั้งในมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดและในกรุงเทพฯ ส่วนในกรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะติด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย หรือถ้าสอบติดก็ไม่รู้จะได้ไปเรียนไหม ทุกอย่างขึ้นกับชินภพ เพราะเธอเป็นคนของเขาไปแล้ว ถึงจะอยู่ในตำแหน่งนางบำเรอที่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ก็เถอะ
“ฉลองสอบเสร็จ กินหมูทะกันไหม” แตงกวาชวน
“เอาสิ แต่ขอโทร. บอกน้าพลก่อนนะ”
เธอขออนุญาตน้าชายเรียบร้อย ซึ่งอีกฝ่ายกำชับ ห้ามกลับเกินสองทุ่ม และอัณชญาก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ แต่ขณะเดินพ้นบริเวณโรงเรียนมาเล็กน้อย
“อัณ!”
เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูนั้นทำให้เธอหันขวับไปมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“อัณ สบายดีนะ พ่อคิดถึงลูกมากๆ เลย” อาทิตย์โผกอดลูกสาว โดยไม่สนใจท่าทีหวาดๆ ของคนเป็นลูก เพราะเมื่อใดที่พ่อพูดจาไพเราะกับเธอแบบนี้ มันผิดปกติ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเธอ ไม่ต่างจากตอนที่เกลี้ยกล่อมพาเธอมาขายให้ชินภพ แต่ตอนนั้นเธอยอม เพราะพ่อขู่ว่าจะขายให้ไอ้เสี่ยโต หากไม่ไปด้วย ซึ่งอัณชญาเลือกชินภพมากกว่าไอ้เสี่ยโตอยู่แล้ว เพราะอย่างไรน้าพลก็เป็นลูกน้องคนสนิทของเขา การันตีว่าชินภพเป็นคนดี มีธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่เหมือนไอ้เสี่ยโต มีแต่ธุรกิจสีเทาไปถึงดำก็ว่าได้
“พ่อ มาได้ไง” อัณชญาผลักพ่อออกห่าง เพราะทั้งหวาดระแวง และเหม็นเหล้าด้วย
“ก็พ่อคิดถึงลูกไง”
“กวาไปรอเราที่ร้านก่อนนะ” อัณชญาหันไปบอกเพื่อนที่ยืนมองเธอกับพ่ออยู่
“อือ” แตงกวาขานรับ แล้วเดินไปยังร้านหมูกระทะที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงเรียน
อัณชญาหันมาทางพ่ออีกครั้ง
“พ่อเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ไม่ค่อยดีนัก”
“ทำไมไม่ดีล่ะ พ่อได้เงินไปตั้งหลายแสนนะ”
“ตอนนี้มันก็หมดแล้ว”
“พ่อ!” เธอร้องอย่างตกใจที่เงินหกแสนหมดไปภายในเวลาสามสี่เดือนเท่านั้น มีเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับคนที่ถูกผีการพนันเข้าสิง คิดแล้วก็กลุ้ม เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรพ่อจะคิดได้ว่าการพนันไม่เคยทำให้ใครร่ำรวย มีแต่เจ้าของบ่อนเท่านั้น
“หนูมีอยู่ไม่มากนะ เพราะต้องเก็บไว้เรียนต่อมหา’ ลัย” เธอพูดแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ยื่นให้พ่อ ซึ่งเป็นแบงค์เทาสองใบ
อาทิตย์หยิบไปยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเอ่ยกับลูกสาว
“เสี่ยโตบอกว่าจะให้เงินสองล้าน ถ้าลูกไปอยู่กับเขา และเขาจะซื้อบ้าน ซื้อรถให้ลูกด้วย”
“หนูไม่เอา หนูจะอยู่กับคุณภพเท่านั้น!” อัณชญาบอกเสียงแข็ง เพราะรู้จุดประสงค์ที่พ่อมาหาและพูดจไพเราะแบบนี้แล้ว
“แต่อยู่ที่นั่น เป็นแค่นางบำเรอกระจอกๆ เขาเบื่อก็เฉดหัวทิ้ง”
“อยู่ที่ไหน เขาเบื่อเมื่อไหร่ก็เฉดหัวทิ้งทั้งนั้น และพ่อเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า หากเสี่ยโตเบื่อ เขาจะส่งหนูเข้าซ่อง”
“แต่ตอนนี้เขารับปากพ่อแล้วว่าจะไม่ส่งอัณเข้าซ่องหรอก เขาจะรับอัณเป็นภรรยา ถ้าอัณทำตัวดี”
“พ่อทำไมทำแบบนี้ ขายหนูให้คุณภพไปแล้วนะ จะขายให้คนอื่นอีกได้ยังไง!”
“ก็เสี่ยโตให้เงินเยอะกว่า เราก็แค่เอาเงินไปคืนคุณภพ เรื่องมันก็จบแล้ว”
“พ่อคิดอะไรง่ายๆ แต่ไม่ว่าเสี่ยโตจะให้เงินมากแค่ไหน หนูก็ไม่ไป หนูรักคุณภพ จะอยู่กับคุณภพ!” พูดจบอัณชญาก็วิ่งหนีไปจากตรงนั้นทันที เพราะกลัวพ่อจะตามมาพูดเรื่องนี้อีก
อัณชญาแอบซ่อนพ่ออยู่ตามร้านต่างๆ อยู่ครู่ใหญ่ กระทั่งเห็นว่าพ่อไม่ได้ตามมาแล้ว จึงเข้าไปหาแตงกวาในร้านหมูกระทะ แต่ก็กินหมูกระทะไปด้วยความไม่สบายใจ
“ร้านนี้ไม่อร่อยเหรอมึง”
“เปล่า อร่อยดี แต่พ่อกูน่ะสิ มาพูดอะไรไม่เข้าท่าว่ะ”
“เขาพูดอะไรล่ะ”
อัณชญาเล่าเรื่องที่พ่อมาคุยกับเธอให้เพื่อนสนิทฟัง
“พ่อมึงกู่ไม่กลับแล้วนะอัณ กูว่าเขาต้องหาทางเอามึงไปประเคนให้เสี่ยโต เพราะอยากได้เงินจากเสี่ยโตแน่ๆ ไอ้เวรนั่นก็ดันเสนอเงินให้ซะเยอะเลยนะ”
“ทำไมพ่อเปลี่ยนไปแบบนี้ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะขายกูให้เสี่ยโต เพราะเขากลัวว่าถ้ามันเบื่อ กูจะถูกส่งซ่อง แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรแล้ว นอกจากเงิน”
“ผีการพนันแท้ๆ ทำเอาความเป็นพ่อไม่เหลือ”
“กูจะทำยังไงดี พ่อคงไม่ละความพยายามนี้หรอก เพราะมีเงินล้านจากไอ้เสี่ยโตล่อใจแบบนี้”
“กูว่าพ่อมึงอาจโดนหลอก ไอ้เสี่ยโตมันจะยอมจ่ายถึงสองล้านเหรอวะ”
“นั่นสิ แต่ถึงจะจ่ายไม่จ่าย กูก็ไม่ไปอยู่กับมัน ตายเสียจะดีกว่าถ้าจะไปเป็นอีหนูของมัน” นอกจากหน้าตารูปร่างอัปลักษณ์แล้ว นิสัยมันก็เลว ทำมาหากินก็ผิดกฎหมายอีก
“มึงไปบอกน้าพลเถอะ เผื่อเขาจะหาทางจัดการพ่อมึงได้”
“กูกลัวคุณภพจะเล่นงานพ่อน่ะ” เพราะพ่อขายเธอไปแล้ว ยังคิดจะขายต่อให้ไอ้เสี่ยโตอีก นายคงไม่ชอบใจแน่ๆ หรือบางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากได้เงินคืน เพราะเขาก็ไม่ได้ชอบเธออยู่แล้ว แถมเกลียดขี้หน้าด้วย ตั้งแต่วันมีเรื่องที่ซุ้มดอกไม้วันนั้น จนถึงตอนนี้ก็สามเดือนแล้ว ที่เธอกับเขาไม่ได้เจอหน้ากัน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่เขาคงมีวิธีจัดการน่ะ เพราะยังไงมึงก็ถือว่าเป็นอีหนูของเขาแล้วนะ”
“อีหนูอะไร แค่หน้าเขาก็ยังไม่อยากเห็น”
“พูดเหมือนน้อยใจนะ ทำไมอยากเป็นอีหนูของเขาจริงๆ เหรอ”
“เปล่านะ แค่อยากอยู่บ้านของเขาเฉยๆ อยู่ที่นั่นรู้สึกปลอดภัย” จากพ่อตัวเอง และไอ้เสี่ยโตที่จ้องจะเอาเงินไปล่อพ่อให้ขายเธอให้
“รู้สึกปลอดภัยแล้ว รู้สึกอบอุ่นหัวใจด้วยไหมมึง”
“ก็อบอุ่นดี เพราะบ้านที่พักอยู่ มีทั้งป้าหมาย และพี่นุ่ม เวลาว่างๆ เราสามคนก็สวดมนต์ก่อนนอนด้วยนะ จิตใจสงบดี นอนไม่ฝันร้ายด้วย”
“สาธุ”
แล้วสองสาวก็หัวเราะครื้นเครง ความกังวลใจของอัณชญาก็น้อยลง เพราะหากชินภพอยากได้เงินคืน มากกว่าจะให้เธออยู่บ้านของเขา เธอจะหนีไป วันหนึ่งเมื่อหาเงินได้เอง เธอจะเอาเงินหกแสนที่พ่อใช้จนหมดแล้วนั้น มาคืนให้เขาเอง
เมื่อกลับมาถึงเรือนหลัง อัณชญาก็รีบโทร. บอกให้พลมาหาที่บ้านพัก บอกเรื่องที่เจอพ่อ รวมทั้งเรื่องที่พ่อจะพาเธอเป็นไปอีหนูของเสี่ยโต
“พ่อมึงนี่ มันสุดกู่แล้วล่ะ มึงก็ทำใจด้วยนะ ถ้าชีวิตพ่อมึงจะมีจุดจบไม่สวย ไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ไปยุ่งกับคนพาลและการพนัน”
“ทำยังไงดีน้าพล หนูกลัวพ่อมาเอาตัวหนูไปให้ไอ้เสี่ยโต”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้ามึงไม่อยากไป ใครจะเอาตัวมึงไปได้ ที่สำคัญมึงก็ขึ้นชื่อเป็นนางบำเรอนาย ถึงจะไม่ได้ใช้งานก็เถอะ”
“นายเขายิ่งไม่ชอบหนูอยู่ด้วย ถ้าพ่อเอาเงินจากไอ้เสี่ยโตมาคืนเขา เขาจะคืนหนูไปหรือเปล่า” น้ำเสียงร้อนรนและหวาดระแวงจนพลรู้สึกเวทนา
“ที่นายซื้อมึงไว้ เขาก็เวทนากลัวพ่อมึงขายให้ไอ้เสี่ยโต เพราะงั้นเรื่องที่นายจะขายมึงคืนให้พ่อมึงน่ะ เลิกคิด นายไม่ใช่คนใจดำแบบนั้นเสียหน่อย”
“แต่หนูก็ทำอะไรให้เขาไม่พอใจเยอะมากเลย” เธอยังไม่คลายวิตก
“เออ รู้ตัวก็ดีแล้ว จะได้ทำตัวเป็นเด็กดี นายให้ทำอะไรก็ทำไป”
“ถ้านายไม่ส่งหนูคืนให้พ่อ หนูยินดีทำทุกอย่างที่นายบอก”
“ดีมาก ตอนนี้สอบเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ รอแค่ผลสอบ กับลุ้นผลสอบเข้ามหา’ ลัยค่ะ”
“คิดว่าจะติดสักที่ไหม”
“ติดแน่นอนค่ะ อย่างน้อยก็มหา’ ลัยในตัวจังหวัด”
“อย่าโม้นะ”
“ไม่โม้หรอก น้าพลก็รู้ว่าหนูตั้งใจเรียนมาตลอด” เพราะเกิดมาในครอบครัวยากจน แม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่เธอเรียนชั้นมัธยมต้น ชีวิตครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้วก็ยิ่งลำบาก เพราะที่ผ่านมาแม่เป็นเสาหลักครอบครัว เพราะพ่อก็ทำงานที่ไหนได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกตลอด ก็มีน้าพลที่ช่วยเหลือบ้าง
อัณชญาคิดว่าการตั้งใจเรียนคือหนทางจะทำให้ชีวิตดีขึ้น เธออยากเรียนจบมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้หางานดีๆ ที่เงินเดือนพอเลี้ยงตัวเองกับพ่อได้ ก่อนหน้านั้นเธอมืดแปดด้านที่จะหาเงินเรียน หรือเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว คิดว่าจบมัธยมปลายแล้วจะทำงานพาร์ทไทม์สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนค่าเทอมนั้นจะกู้กยศ. ทว่าตอนนี้เธอได้เงินเดือนจากชินภพ มากพอจะจ่ายค่าเรียนและค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้ แต่อย่างไรเธอก็ต้องประหยัด เพราะไม่รู้ว่าจะได้อยู่ในความดูแลของชินภพนานแค่ไหน
ตำแหน่งนางบำเรอ เธอถามนุ่มมาแล้ว อยู่นานสุดแค่สามปี เพราะนายเบื่อ ก็หาคนใหม่มาแทนที่ได้
แต่เธอนั้นนอกจากเป็นได้แค่นางบำเรอที่ยังไม่ได้ใช้งาน นายจะเบื่อหรือไม่เบื่อก็ไม่รู้ว่าจะขึ้นอยู่กับอะไร ก็คงความพอใจของเขาล้วนๆ
แต่น้าพลบอก ถ้าเธอเป็นเด็กดี เชื่อฟังเขา ชินภพก็ไม่ขายเธอคืนพ่อกับไอ้เสี่ยโต
อัณชญาจะเชื่อฟัง และเป็นเด็กดีของนาย
แต่เศร้าจัง คำสั่งนายคือ...เธอห้ามเอาหน้าไปให้เขาเห็นนี่สิ
:::::::::::::::::::::::::
พอลูกสาวหลับไปแล้ว ภูวิณก็เก็บหนังสือนิทานไว้บนโต๊ะ ห่มผ้านวมให้ หอมแก้มเบาๆ ไม่ลืมที่จะปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็กลับห้องนอนของเขากับภรรยาที่อยู่ห้องถัดไป คั่นกลางด้วยห้องแต่งตัวที่ประตูทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันได้ภูวิณยิ้มกริ่มเมื่อเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาก็เห็นภรรยากำลังสวมชุดนอนสีดำสายเดี่ยว ยิ่งขับผิวขาวนวลลออตา ชุดสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบ โชว์เรียวขาสวยที่เขามองไม่เคยเบื่อ ผมยาวดำขลับทิ้งสยายเต็มกลางหลังใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มกลับเห็นผิวขาวใสไร้รอยด่างดำ แม้จะออกไปช่วยงานในไร่บ่อยครั้ง สลับกลับไปทำงานในรีสอร์ต แต่อรองค์ก็ดูแลตัวเองอย่างดีอรองค์ในวัยสามสิบต้นๆ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งเป็นสาวเต็มตัว มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเด็กสาวในวันวานทั้งรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ก็เฟิร์มไปทั้งเนื้อตัว ช่วงอกอวบอิ่มขึ้น ดวงตากว้างเป็นประกายรู้ทันเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของเขา“เซ็กซี่จัง” ภูวิณเดินมาโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง ซุกจมูกที่ลำคอระหง ก่อนย้ายไปยังซอกหู มือใหญ่นั้นเริ่มไล้เบาๆ ตั้งแต่โค้งสะโพก ผ่านชุดนอนเนื้อบางเบา ทำให้อรองค์วูบไหวจนร่างสะท้าน พร้อมครางเสียงแผ่วริมฝีปากอุ่น
ตอนพิเศษ “คุณแม่ขาหนูอยากปั่นจักรยานเล่นที่ไร่ค่ะ” เด็กหญิงอิงจันทร์ วัยสี่ขวบเอ่ยขึ้นในเวลาบ่ายวันหยุด กำลังกินของว่างกับแม่ในสวนข้างบ้านเด็กหญิงอิงจันทร์มีหน้าตาคล้ายแม่ค่อนข้างมาก ทั้งใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาโตกว้างเป็นประกายสดใส ริมฝีปากจิ้มลิ้มได้รูป ผมสั้นเคลียหูและมีหน้าม้า ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนตุ๊กตาเดินได้“งั้นกินนมให้หมดก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงก็ยกแก้วนมที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดื่มจนหมด“หมดแล้วค่ะ”“งั้นเราไปเปลี่ยนรองเท้าและใส่หมวกกันค่ะ” อรองค์ที่ตอนนี้อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลูกสาวตัวน้อยก็รีบลงจากเก้าอี้ แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้านทันทีไม่กี่นาทีต่อมาสองแม่ลูกก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับการปั่นจักรยาน รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน็อค“น้องเอิงคะ ป้าศรีถาม ค่ำนี้กินอะไรดี”“อ๋อ เอิงลืมบอก ตอนค่ำเอิงจะพาน้องอิงไปกินข้าวที่ รีสอร์ตกับพ่อเขาน่ะ”อรองค์หันมาบอกคำแพง ที่ตอนนี้รับหน้าที่หลักเป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงอิงจันทร์ ช่วยงานบ้านอื่นๆ ยามว่างเว้นจากการดูแลเด็กหญิง เช่นวันหยุดที่อรองค์ไม่ได้ทำงาน เธอก็จะดูแลลูกสาวเอง
บทส่งท้าย หกปีต่อมาที่ไร่ภูวิณในเวลาเช้าตรู่ อรอรงค์กำลังแต่งหน้าทำผมเสร็จ สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีม ส่งผลให้รูปร่างสูงเพรียวนั้นยิ่งหน้ามองเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่ใบหน้าสวยที่แต่งแบบเรียบๆ กลับยิ่งโดดเด่นนัยน์ตาเรียวกว้างและคมหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากยิ้มแย้มอิ่มเต็มและเย้ายวนอยู่ในที“แกสวยมาก” มะเหมี่ยวเอ่ยปากชม“เหมือนนางฟ้าเลยแก” มัทนาชมบ้าง“ฉันเห็นเอิงใส่ชุดแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งแรกแต่งแทนคนอื่น ตอนนั้นเอิงยังเด็กอยู่ก็สวยน่ารัก ตอนนี้ดูเป็นสาวเต็มตัว เฉิดฉายมากเลย ออร่าแบบพุ่งสุดๆ” อารียาเอ่ยชมด้วยสีหน้าสุดปลื้มปริ่มกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เพิ่มสถานะอาสะใภ้เข้าไปด้วย“ครั้งนี้ต้องพิเศษสิ เพราะงานแต่งของฉันจริงๆ ไม่ได้แต่งแทนคนอื่น” อรองค์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง ปลื้มกับคำชมของเพื่อนๆ จนจะลอยได้อยู่แล้ว“สรุป แกเป็นเจ้าสาวสองครั้งในชีวิตของอาวิณ”“ฉันถือครั้งนี้ คืองานแต่งของฉันจริงๆ”“เด็กๆ ไปข้างล่างกันเถอะ ได้กฤกษ์ทำพิธีแล้ว” อินทุอรโผล่หน้ามาบอกทุกคนในห้องแต่งตัวเมื่อลงมาถึงชั้นล่างที่สวนข้างบ้าน ก็เห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่กับมัชกร และกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อรอเ
“เราชอบอิ้งตั้งแต่ตอนมอต้น แต่เราไม่กล้าแม้จะคุยกับอิ้ง กลัวยัยน้อยหน่าแกล้งอิ้ง”“เราก็คิดว่าไม้ชอบเอิงเสียอีก”“ใครจะกล้าชอบ อิ้งบอกย้ำเราตลอดว่าเอิงจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณของอิ้ง”“แฮะๆ ขอโทษนะ ตอนนั้นเรากลัวไม้ชอบเอิงน่ะ เลยบอกย้ำ” เธอสารภาพน้ำเสียงเขินๆ“ก็ตอนนั้นเราชอบอิ้งแล้ว จะชอบใครได้อีก”“แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้นเราคงคบกันได้หลายปีแล้ว แล้วตอนนั้นไม้เหมือนสนใจเอิงด้วยนะ”“ก็สนใจ เพราะเอิงดูสู้คนไง”“เลยให้เอิงไปสู้กับยัยน้อยหน่าว่างั้นเถอะ”“อือ คิดว่าเอิงจัดการได้”“แต่เสียดาย น่าจะบอกกันบ้าง”“ถึงเราจะชอบอิ้ง แต่ก็ยังเด็ก และไม่แน่ใจว่าจะชอบต่อไปได้นานแค่ไหน”“งั้นตอนนี้ก็ยังชอบนะ”“ก็ชอบอยู่”“งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” เพราะอย่างไรก็คบในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันอะไรกันเพิ่มเติม“ได้ แต่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นๆ ได้ไหม”“ทำไม อายเหรอที่จะเป็นแฟนกับเรา” น้ำเสียงมีแววน้อยเนื้อต่ำใจ“ถ้าอิ้งไม่กลัวพวกเขาแซวก็ตามใจอิ้งนะ”“งั้นปิดไว้ก่อนเหอะ แอบๆ คบกันก็น่าสนุกดีนะ” น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาทันที“แต่อิ้งควรบอกผู้ใหญ่ของอิ้งก่อนนะ”“หมายถึงคุณแม่กับอาวิ
“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว” อรองค์ถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงชั้นล่างพร้อมกินของว่างไปด้วย ก็เห็น อารียาใส่เดรสสีครีมดูอ่อนหวานนุ่มนวล แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหวานละมุนเข้ากับชุดที่สวมใส่“ไปดูหนังกับไม้”“แกไปล่อลวงไม้ให้ไปดูหนังได้ด้วยเหรอ”“บ้า ล่อลวงอะไร ปกติไม้ก็ไปดูหนังกับฉันกับยัยเหมี่ยวบ่อยๆ” ส่วนอรองค์กับมัทนาไม่ชอบเข้าโรงหนัง รวมทั้งมัชกรด้วย แต่ทุกครั้งที่ชวนเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ“ก็ไม้ไปเป็นเพื่อนแกกับยัยเหมี่ยวไง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปด้วยหรือเปล่า”“ก็ชวนแล้ว แต่มันไม่ว่าง และฉันก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก” เจ้าตัวก็บอกชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู“มีแผนไรหรือเปล่าเนี่ย ชวนไม้ไปดูหนังผี แล้วตัวเองแต่งตัวเป็นนางฟ้า”“อุ๊ย ฉันสวยมากใช่ไหมแก” น้ำเสียงของอารียาร่าเริงขึ้นมาทันที“ไปถามป้าอินที่ร้านดูก่อนไหม”“บ้าสิ ขืนไปถาม แม่ก็ซักไซ้ว่าฉันแอบกิ๊กผู้ชายไม่บอกเขาน่ะสิ”“คิดว่าป้าอินจะไม่รู้เหรอ แกมองไม้ที โหหวานซึ้งตรึงใจไปถึงสามโลก”“เว่อร์น่า”“ไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ไม้ดู”“แกว่าฉันควรถามตรงๆ เหรอ”“เออ จะอมพะนำไปทำไม ค้างๆ คาๆ”“งั้นฉันจะลองทำใจกล้าถามเขาดู”“แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยน
ชอบมาตั้งนาน อรองค์กับแก๊งเพื่อนสนิทนั่งอ่านข่าวเด่นข่าวดังด้วยความชื่นมื่นในร้านชาบู ซึ่งจองห้องวีไอพีเฉพาะพวกเขาเท่านั้นข่าวลูกชายนักการเมืองจัดปาร์ตี้ยาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก ในคืนนั้นใครตรวจเจอฉี่ม่วงก็โดนกันไป เรียกว่าไม่มีใครรอดสักคน แต่คนที่หนักสุดคือดรีม เพราะเป็นถึงลูกชายนักการเมืองที่เป็นถึงระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี แถมตำรวจเจอคลิปลับในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายอีกหลายสิบคลิปในโซเซียลฯ ก็ถูกประจานสันดานเลวๆ ของดรีม ส่วนใหญ่ผู้หญิงออกมาพูดว่าดรีมชอบเอาคลิปลับมาขู่ให้ยอมมีเซ็กซ์ในครั้งต่อๆ ไป บางคนก็ถูกล่อลวง แอบถ่ายต่างๆ นานา เรียกว่างานนี้เรียกโจทย์ทั้งเก่าและใหม่มาทัวร์ลงเท่านั้นยังไม่พอทำพ่อเสียชื่อไปด้วย ได้ยินข่าวมาว่า ประกันตัวออกมาแล้ว ดรีมถูกพ่อส่งไปเมืองนอก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามประสาคนรวย พอมีเรื่องก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะกระแสจากสังคมตอนนี้แรงมากทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนทุกคนในงานที่ตรวจเจอฉี่ม่วง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ที่คืนนั้นแม้จะออกมาก่อนตำรวจจะมาถึง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของงานวันเกิด ถึงแม้คนที่เป็นเจ้าของปาร์ตี้ตัวจริงจะคือดร