ตึกเก่าแสนทรุดโทรมตรงหน้าของชายร่างสูงที่เนื้อตัวผอมแห้งแต่ในอ้อมอกของชายคนนั้นก็ยังมีร่างน้อย ๆ ของเด็กชายที่เอาใบหน้าเกยไหล่ของผู้เป็นพ่อเพราะความเหนื่อยและเพลียแดดจากการเดินเท้ามาหลายกิโลฯ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หญิงสาวที่กำลังนั่งหันหลังเช็ดพื้นภายในห้องอยู่เนื่องจากเธอนั้นดันเผลอทำน้ำหกจึงต้องก้มเช็ดเกรงว่าจะลื่นล้ม แต่ก็ต้องชะงักมือเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาหน้าประตูห้องเธอ
“ใคร....” เพลงขวัญพึมพำออกมาด้วยความสงสัย คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันก่อนที่ร่างเพรียวจะค่อย ๆ วางผ้าในมือลงบนพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขาเรียวยาวก้าวตรงไปที่ประตูห้องพักของตนเองเพราะเสียงเคาะก็ยังดังต่อเนื่อง
“เพลงขวัญ อยู่หรือเปล่า” ระหว่างกำลังจะเดินไปถึงประตูเสียงของคนที่เธอจำได้อย่างดีและไม่มีทางที่จะลืมเสียงนี้ไปได้ ยิ่งทำให้ขาเรียวเร่งก้าวเข้าไปให้ถึงประตูอย่างเร็วที่สุด
แอ๊ด.....
มือบางครั้นมาถึงประตูก็ไม่คิดจะลังเลเอื้อมไปบิดลูกบิดพร้อมผลักออกไปอย่างช้า ๆ ใบหน้าของชายวัยสามสิบเกือบสี่สิบค่อย ๆ ปรากฏขึ้นให้เห็นตามความเร็วของบานประตูที่ถูกเปิดออก
“พะ พี่กร” น้ำตาแห่งความคิดถึงรินไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ของเพลงขวัญ ไม่ได้เจอพี่ชายมานานแสนนานตั้งแต่ที่ย้ายออกไปอยู่กับภรรยาที่ต่างจังหวัด ไม่คิดว่าพี่ชายของตนเองจะขึ้นมาเยี่ยมเยียน
ร่างเพรียวพุ่งเข้าไปกอดพี่ชายก่อนจะก้มมองเด็กชายตัวน้อยที่หลับอยู่บนอกของพี่เธอ นี่ใช่หลานของเธอใช่ไหม เพลงขวัญไม่อาจจะปิดบังความตื่นเต้นได้เพราะเธอเพิ่งเคยเจอหลานเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ปกรณ์ใช้สายตาจ้องมองน้องสาวที่กำลังมองลูกชายของเขาด้วยความเอ็นดู ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาของเพลงขวัญคงเพราะดีใจที่ได้เจอกันของสองพี่น้อง แต่อีกไม่นานเพลงขวัญก็คงได้ร้องไห้หนักกว่านี้แน่ ๆ เพราะที่เขามาก็เพื่อ.....
“เพลงขวัญ.....” ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายที่เอ่ยเรียก เธอมองด้วยความสงสัยก่อนจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้า สีหน้าของชายร่างสูงผอมทำให้คนเป็นน้องสาวได้แต่เกิดความสงสัยว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า
“พี่กรมีอะไรหรือเปล่า.... ตั้งแต่มาสีหน้าพี่ไม่ค่อยดีเลยนะ” เพลงขวัญถามออกไปตามที่ตาเห็นเมื่อตั้งแต่พบหน้ากับพี่ชาย แววตาเหนื่อยล้าปนเศร้าของตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นก็ดุไม่เหมือนเดินจากที่เธอเคยพบเห็นมาตั้งแต่เกิด
“เมย์ทิ้งพี่กับลุกไปแล้ว อึก” ประโยคที่ดังเข้ามาในหูของเธอทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ชายตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าพี่เจ็บเจียนตายมากแค่ไหน น้ำเสียงสะอื้นปนสั่นเครือและแรงกระชับตัวเด็กน้อยที่เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
ใบหน้าที่ก้มมองพื้นไม่สบสายตากับเธอของปกรณ์ทำให้เพลงขวัญเองก็ไม่รู้จะปลอบพี่ชายยังไงดี มือบางเอื้อมไปลูบไหล่กว้างอย่างเบามือ เมื่อมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ สายตาของเธอพลันหันกลับไปมองเด็กน้อยที่กำลังก้มมองพ่อของตนเองที่เนื้อตัวสะอื้นจนตัวโยน
ดวงตาสีมะละกอใสแป๋วตามประสาของเด็กวัยไม่น่าจะถึงสองขวบ คงไม่รู้สินะว่าตอนนี้พ่อของตัวเองกำลังเป็นอะไร แล้วรู้หรือเปล่าว่าแม่ไม่อยู่ด้วยแล้ว คำถามที่เพลงขวัญตั้งขึ้น
มาเองในใจแต่ทุกคำตอบที่คิดว่าตอบได้กลับสร้างความสงสารมากกว่าเดิมเพราะหลานของเธอคงไม่รู้สักเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เลย“เพลงขวัญ อึก ที่พี่มาวันนี้ก็เพราะ อึก อยากจะมาขออยู่ด้วยได้ไหม อึก เมย์เอาเงินเก็บพี่ไปหมดเลย อึก พี่ไม่มีที่ไปจริง ๆ เพลงขวัญ ฮือ” สุดท้ายคนที่พยายามอดกลั้นและยิ้มหยอกล้อเล่นกับลูกมาตลอดทางก็ได้ปลดปล่อยความเจ็บปวดที่อัดอั้นสักที ส่วนหญิงสาวร่างเพรียวพอได้ยินแบบนั้นก็แอบตกใจบวกชะงักอยู่สักพักเพราะเธอเองก็ใช่ว่าจะมีการงานที่มั่นคงถึงขั้นสามารถเลี้ยงดูใครได้
.....แค่ชีวิตตัวเองยังยากเลย
แต่ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยหรือดูแลใครได้ เธอก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธพี่ชายกับหลานได้ลงคอหรอกนะ ดูสิเนื้อตัวก็เปื้อน
ไปหมดทั้งพ่อทั้งลูก ไม่รู้ว่าทานอะไรกันมาหรือยัง เพลงขวัญถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลงให้พี่ชายและหลานมาอาศัยอยู่ด้วยห้องพักที่หญิงสาวเช่าอยู่ก็ไม่น่าอยู่หรือดูดีมาก เนื่องจากมันราคาถูกและยังไม่ไกลจากที่ทำงานของเธอนัก ลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเดินทางได้และก็สามารถเอามาใช้ในค่าอื่น ๆ ได้
ทันทีที่ปกรณ์ได้รับอนุญาตจากน้องสาวเขาก็อุ้มลูกชายเข้ามาภายในห้องของเพลงขวัญ ห้องพักขนาดเล็ก ที่ต้องบอกว่าเล็กเพราะมันเล็กจริง ๆ แต่สำหรับสามคนก็พออยู่ได้ไม่อึดอัดจนเกินไป ผนังห้องก็ปรากฏรอยแตกร้าวของซีเมนต์และคาบสีเทาอ่อน ๆ คล้ายมีคนเอาฝุ่นไปปาดเคลือบทับเอาไว้บนผนัง
พื้นก็เป็นพื้นปูนเปลือยไม่ได้มีการปูกระเบื้องให้ดูสวยงาม ข้าวของภายในห้องก็มีเพียงน้อยนิดมีแค่ไม่กี่ชิ้น ฟูกที่นอนขนาดสามจุดห้าฟุตวางชิดติดผนังห้องหนึ่งผืน ทีวีขนาดสามสิบสองนิ้วหนึ่งเครื่อง ตู้เย็นขนาดกลางหนึ่งประตูอีกหนึ่งตู้ เตาแก๊สปิ๊กนิก และชั้นใส่กับข้าวสามชั้นที่เก็บพวกจานชามและกระทะต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำอาหาร
ถึงมันจะไม่ได้มีของเยอะแต่เพลงขวัญถือว่าจัดห้องได้เป็นระเบียบไม่ได้มีตรงไหนดูรกและไม่สะอาดเลย ปกรณ์กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อยู่พักใหญ่ ๆ พร้อมกับวางลูกน้อยลงบนฟูกที่นอนของน้องสาว เขาหันไปมองน้องสาวเป็นการขออนุญาต เพลงขวัญเองก็ไม่ได้ว่าทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มตอบมา
“พี่กินอะไรมาหรือยัง ฉันจะทำให้กิน” ขณะที่พี่ชายกำลังมองสำรวจห้องของเธออยู่ เพลงขวัญก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเกรงว่าพี่ชายที่เพิ่งได้รับสถานะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวกับหลานรักของเธอยังไม่ได้ทานอะไรกันมา เพราะเห็นว่าพี่สะใภ้หอบเอาเงินไปหมด
“กินมาแล้ว ขอนอนหน่อยได้ไหม” คำขอของพี่ชายทำให้เธอพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดเพราะสองพ่อลูกคงเดินทางกันมาเหนื่อยมาก ๆ ดูจากที่พี่ชายของเธอจับข้อเท้าตัวเองที่ตอนนี้แทบไม่เหลือแรงที่จะพยุงตัวให้ยืนไหวแล้ว ทั้งคู่คงเดินมาไกลอยู่พอสมควร
เพลงขวัญที่ยังค้างการเช็ดน้ำที่ทำเลอะเอาไว้ก็มาสานต่องานเดิมเพื่อไม่ให้สมาชิกผู้มาใหม่มาเดินลื่นล้มเกรงจะเกิดการบาดเจ็บเอาได้ พอหญิงสาวนำผ้าที่เช็ดพื้นเสร็จไปซักพร้อมตากก็หันกลับมาพบภาพของพี่ชายและหลานนอนเอาใบหน้าอิงหมอนหลับสนิททั้งคู่
“เฮ้อ......สงสัยแกต้องหางานใหม่แล้วเพลงขวัญ”
“เลี้ยงสามคนเงินเดือนที่ทำอยู่ไม่พอยาไส้แน่ ๆ”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางคิดหาวิธีดูแลช่วยเหลือผู้มาใหม่อย่างพี่ชายและหลานตัวน้อย
สามชั่วโมงผ่านไป......
เพลงขวัญที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนล้างจาน พอเพ่งมองดูดี ๆ ก็เห็นแผ่นหลังของพี่ชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างจานที่เธอได้แช่เอาไว้ เพราะคิดว่ารอทานมื้อเย็นแล้วล้างที่เดียวเลยดีกว่า แต่เห็นพี่ชายล้างให้ก็สบายใจแล้ว
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการยังไม่ตื่นเต็มที่นัก เธอเผลอหลับตามพี่ชายกับหลานไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์หันมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังจ้องมองมาทางเธออยู่พอดี มือบางเอื้อมไปจับแก้มอวบเหมือนซาลาเปาก่อนจะยิ้มหวานส่งให้
“ทำไมแก้มมันน่ากินแบบนี้เนี่ย...” เธอเม้มปากแน่นเพราะความมันเขี้ยว อยากจะลองเอาปากไปงับแก้มอวบ ๆ สองข้างนั้นจังแต่ก็กลัวหลานจะตกใจคิดว่าเธอจะกิน
“ตื่นแล้วเหรอเพลงขวัญ” เธอหันไปมองตามเสียงเอ่ยเรียกของพี่ชายก่อนจะพยักหน้าส่งให้เป็นคำตอบแทนการพูด ซึ่งพี่ชายเธอก็พยักหน้าส่งให้เธอจึงหันกลับมาเล่นกับหลานแทน
ผ่านไปไม่นานพี่ชายก็ล้างจานเสร็จจึงเดินมานั่งกับเธอและเด็กน้อย เพลงขวัญที่คิดว่าช่วงเวลานี้แหละที่เธออยากจะถามอะไรพี่ชายสักหน่อย พี่ชายเธอเองก็พักผ่อนเต็มที่และน่าจะพอตอบความสงสัยที่เธอเก็บไว้ได้
“พี่กร ตอนนี้ว่างงานใช่ไหม” ปกรณ์จ้องมองน้องสาวที่เอ่ยถามและพยักหน้า หญิงสาวได้รับคำตอบแบบนั้นเธอจึงทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยพูดกับปกรณ์
“ถ้าพี่ว่างงานก็อยู่บ้านดูแลเจ้าตัวเล็กนี้ก็แล้วกันนะ... ทำความสะอาดบ้านให้ฉันด้วย”
“ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวฉันเป็นคนไปหามาเอง ต่อให้พี่ไปทำงานมันก็ยากเพราะใครจะดูแลเจ้าตัวเล็กถูกไหม” หญิงสาวที่ยื่นข้อเสนอให้พี่ชายเพราะเธอคิด ๆ ดูแล้วก็ยากที่ปกรณ์จะออกไปงานหาทำได้ ถ้าจะให้จ้างพี่เลี้ยงก็ไม่ต้องหยุดงานกันเลยเพราะค่าจ้างแพงกว่าหาเงินเลี้ยงสามปากอีก
“ถ้าเพลงคิดว่าดีพี่ก็ไม่ขัดอยู่แล้ว.... ดีเหมือนกันพี่จะได้อยู่กับลูกนาน ๆ ด้วย” สายตาเศร้าจ้องมองเด็กชายตัวน้อยข้าง ๆ ก่อนจะใช้ลำแขนที่ปรากฏเส้นเลือดฟูชัดบ่งบอกถึงความแข็งแรงได้ชัดเจนรวบเข้ามานั่งตักและเอาใบหน้าเกยหัวทุย ๆ ด้วยความรัก
หญิงสาวมองภาพนั้นก็นิ่งไปสักพักเพราะเธอเองก็รู้ว่าพี่ชายมีโรคประจำตัวคือเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพราะดันได้เมียรักสบายอยากได้นู่นได้นี่ พอมีลูกก็ต้องดูแลลูกให้ดีที่สุดซึ่งก็ต้องใช้เงินมาก พี่เธอยิ่งต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
“งั้นเอาตามนี้นะ” สองพี่น้องส่งยิ้มให้กันและจัดการดำเนินทุกอย่างเรื่อย ๆ ตามการตกลงของเพลงขวัญและปกรณ์ ทุกอย่างเหมือนจะดีจนกระทั่ง...
“ย้ายออกได้ไหมเพลงขวัญ คนร้องเรียนว่าห้องเธอเด็กร้องเสียงดังมาก”
ใบหน้าเคร่งเครียดของร่างสมส่วนที่กำลังนอนไม่หลับทามกลางความมืดของห้อง เตชินทร์เขากำลังเป็นกังวลว่าถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเป็นอะไรขึ้นมาเพลงขวัญและลูกจะลำบากไหม เพราะวันนี้มันมีอุบัติเหตุเล็กน้อยจากการที่มีรถมาชนรถที่เขานั่งขณะเดินทางกลับบ้าน ทำให้เตชินทร์เริ่มต้องคิดแล้วว่าเขานั้นควรที่จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเรื่องทรัพย์สินมรดกทั้งหลาย ถ้าเป็นอะไรไปก็จะได้ไม่ลำบากต่อเพลงขวัญและลูกสองคน.... มือหนาคว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาไลน์หาทนายเพื่อให้เตรียมเอกสารเข้ามาคุยกับเขาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดออกแล้วก็อยากจะจัดการให้เร็วที่สุดเกรงว่าเมื่อไปทำงานอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ หลังจากไลน์หาและจัดการทุกอย่างเสร็จ ร่างสมส่วนตะแคงไปอีกฝั่ง ใบหน้าของหญิงสาวที่เขารักมาก ๆ กับลูกชายตัวน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ส่วนแผ่นหลังที่แนบอกเขาอยู่ก็คือลูกที่เขารักมาก ๆ คนหนึ่ง ต่อให้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถขาดได้จริง ๆ ครอบครัวของเราจะขาดใครไปไม่ได้ “ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอและลูกลำบา
แผ่นหลังบางของร่างเพรียวกำลังยืนผัดอาหารอยู่ในห้องครัว แขนแกร่งของคนเป็นสามีเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังจนเพลงขวัญต้องหันกลับไปมองด้วยความมึนงงว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไร ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ลุกมาแต่เช้าแบบนี้ “นอนเต็มอิ่มแล้วเหรอคะ” เพลงขวัญอมยิ้มพร้อมกับหันไปเอ่ยถามคนเป็นสามีด้านหลัง ใบหน้าคมดุที่ซุกอยู่บริเวณลำคอขาวของเธอ เพลงขวัญก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าคุณตื่นแล้วก็ไปปลุกปกป้องให้หน่อยนะคะ พาลูกอาบน้ำแต่งตัวได้ยิ่งดี” เตชินทร์เงยหน้าก่อนเอาคางเกยไหล่ของภรรยาพร้อมก้มจมูกเข้าสูดดมความหอมจากภรรยาตัวเอง “รับทราบครับ” ว่าจบร่างสมส่วนก็เดินขึ้นไปบนห้อง เพลงขวัญได้แต่ผัดข้าวต่อและส่ายหน้าเมื่อปวดหัวกับคนเป็นสามี ทางด้านของเตชินทร์ก็อยู่ในโอวาทของเพลงขวัญทุกอย่าง ไม่ว่าภรรยาจะสั่งงานอะไรสามีคนนี้ไม่เคยเอ่ยปากปฏิเสธ อะไรทำให้เขากลายเป็นคนกลัวเมียขนาดนี้เนี่ย มือหนาเปิดประตูห้องนอน สายตาคมมองลูกชายทั้งสองด้วยความเอ็นดูกับใบหน้าที่พอหลับแล้วน่ารักขึ้นมาเป็นร้อยเท่า แต่ตอนนี้ตื่นนี่ก็อีกเรื่องโดยเฉพาะไอ้เจ้
สามเดือนผ่านไป... นับตั้งแต่วันที่คลอดลูกชายคนเล็กออกมาเพลงขวัญก็ได้ค้นพบว่าเตชินทร์นั้น เป็นคนเห่อลูกมาก ๆ เลย ดวงตาสีน้ำตาลมองดูเหล่าข้าวของเครื่องใช้เด็กอ่อนที่เต็มไปหมดจนไม่มีทางจะเดิน “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของคุณแม่มือใหม่ที่จะมาเอาของเล่นไปให้ลูกชายคนโตก็ต้องเท้าเอว เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงกล่องของเล่นก็ต้องผ่านเหล่าของใช้ที่คุณพ่อมือใหม่หอบมาจากห้างฯ ของตัวเอง เธอคิดว่าแค่นี้ยังไม่สะใจคุณชายเขาเลยนะนั่น เพราะถ้าจะให้ชอบใจเขาจริง ๆ คงแบกมาทั้งชั้นขายของเด็กอ่อนอะดูท่าทางแล้ว “แม่ครับ หยิบได้ไหม” เด็กชายปกป้องยืนมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเป็นกังวลเพราะตนอยากได้ของเล่นในห้องนี้ พ่อไม่อยู่ก็เลยต้องขอให้แม่เอาให้ “เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะปกป้องแม่ขอเวลาคิดก่อนว่าจะเดินไปยังไง” เพลงขวัญใช้ท่าการเดินแบบบัลเล่ห์ ไม่ใช่เคยเรียกหรอกนะแต่ใช้เท้าเขย่งเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงกล่องของเล่นลูกชาย “อึบ อะแม่เอามาให้แล้วครับ จุ๊บ” ทุกครั้งเวลาพูดคุยอะไรกับปกป้องเธอจะจบท้ายด้วยการจุ๊บหน้าผากลูกเสมอเพื่อให้เขารับรู้ว่าเธ
ภายในคฤหาสน์เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับประเทศ ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายไปหมดเพราะลูกสะใภ้คนเดียวของบ้านกำลังจะคลอดหลานคนแรกของบ้าน ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มือบางกำชายเสื้อของคนเป็นสามีแน่น เธอเจ็บท้องมาก ๆ เลยตอนนี้ ท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนสีจากแสงสว่างที่ได้รับมาจากดวงอาทิตย์กลับหลายเป็นฟ้าน้ำเงินเข้มเมื่อหมดแสงอาทิตย์ ดีที่เพลงขวัญรู้สึกปวดท้องคลอดช่วงเย็นของวันไม่ได้ปวดกลางดึก “คุณโอเคไหมที่รัก” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาด้วยความกังวลแบบสุด ๆ เพราะเตชินทร์เป็นห่วงทั้งเพลงขวัญและลูกน้อยในท้อง สีหน้าไม่ดีของคนรักทำให้เขารู้สึกเหมือนเจ็บเจียนตาย การหายใจเข้าออกแรงและถี่ของเธอทำเอาเตชินทร์อยู่ไม่เป็นสุข ได้แต่ภาวนาขอให้การคลอดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีเถอะ “อดทนหน่อยนะคะ รักคุณนะ” ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่พยาบาลจะเข็นเพลงขวัญเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับกลุ่มคุณหมออีกสามสี่คน เตชินทร์หันกลับมาอุ้มปกป้องจากแม่ของเขา ใบหน้าคมดุเปื้อนคราบน้ำตาเล็กน้อยเพราะมันอดไม่ได้ที่จะร้อง เขากำลังหวาดกลัวเมื่อไม่
สามเดือนผ่านไป ภายในห้องน้ำที่ตอนนี้มีร่างสมส่วนของเตชินทร์กำลังโก่งคออ้วกแบบเอาเป็นเอาตาย ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้มีอาการแบบนี้ และมันก็เป็นต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว “คุณโอเคไหมคะ” มือบางที่ลูบแผ่นหลังสามีอย่างเป็นห่วง เพลงขวัญก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอาการที่เตชินทร์เป็นมันคืออะไร ชายหนุ่มมักจะตื่นมาอ้วกแบบนี้ทุกเช้าเลย แถมเวลาจะทานอะไรก็จะรู้สึกอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ทานได้แค่ของเปรี้ยวและพวกผลไม้ดอง ข้าวปลาอาหารแทบจะแตะไม่ได้จนอดที่จะเป็นห่วงคนรักไม่ได้จริง ๆ “คะ คุณ อึก แหวะ ไปนอนต่อเถอะ” พูดไปก็จะอ้วกไป มือหนาพยายามดันให้ภรรยาที่แบกท้องโตมาลูบหลังให้กลับเข้าไปนอนต่อเพราะตอนนี้ยังเช้ามืดอยู่เลย คนท้องควรที่จะนอนพักผ่อนให้เพียงพอและเขาก็อยากจะให้เพลงขวัญเป็นแบบนั้น อาการแค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับเขา ดวงตาสีน้ำตาอัลมอนด์มองคนที่พยายามผลักเธอให้เข้านอน ทำตัวเหมือนจะไม่เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่ตอนนี้จะนอนกอดชักโครกอยู่แล้ว เธอควรจะพาสามีไปหาหมอนะ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ใบหน้าหงิกงอของเพลงขวัญเพราะเธอนั้นกำลังอ่อนเพลียและเวียนหัวจากอาการแพ้ท้อง หญิงสาวที่ยังดันทุรังทำงานเพราะแค่เธอเห็นคนในห้างฯ วุ่นวายกันไปหมด โดยไม่รู้เลยว่าที่คนอื่นเขาวุ่นจนหัวหมุนกันนั้นเป็นเพราะเธอคนเดียวเลย“ว่าไงครับที่รัก” เสียงที่ดังเข้ามาในหูของเธอทำให้ใบหน้าสวยหวานแต่คิ้วขมวดเข้ากันเงยขึ้นมองชายหนุ่มที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานห้างฯ“บอกให้กลับบ้านไปพักก็ไม่เชื่อ… ทำไมดื้อแบบนี้ครับ” เตชินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะมานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับเอาใบหน้ามาสัมผัสบริเวณหน้าท้องของเพลงขวัญ“อย่าแกล้งแม่นักสิครับ เห็นไหมแม่เหนื่อยมากแล้วนะ” เพลงขวัญทำสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะหันซ้ายขวามองดูว่ามีใครมาเห็นไหม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเตชินทร์ชอบทำแบบนี้ให้คนอื่นเห็นกันนะ“คุณลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อายคนอื่นเขา” ใบหน้าคมดุเงยขึ้นมองหญิงสาวที่พยายามจะจับไหล่กว้างของเขาให้ลุกขึ้นยืนดี ๆ“คุณจะอายทำไมครับ เราสองคนมีลูกด้วยกันแล้วนะ” เพลงขวัญเองก็รู้เรื่องนั้น แต่ที่ต้องอายเพราะคนในบริษัทยังไม่รู้น่ะสิว่าเธอตั้งท้องทุกคนรู้แค่ว่าเธอกับเตชินทร์คบหากัน แต่เรื่องนี้เธอเองก็ยังไม่กล้าบอกใค