มาเดลีนถูกบังคับให้ปิดปากของเธอให้เงียบสนิท เธอเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ท้องฟ้าเริ่มมีก้อนเมฆสีเทาจับกลุ่มก้อนราวกับว่าฝนกำลังจะตกเมื่อมองไปที่ส่วนต่างๆของถนนที่ดูเหมือนจะค่อยๆคุ้นเคย มาเดลีนก็เริ่มกังวลขึ้นเรื่อยๆรถคันดังกล่าวหยุดลง เจเรมี่ออกจากรถในขณะที่มาเดลีนถูกลากให้ลงจากรถมองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบ มาเดลีนเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อ“เจเรมี่ พาฉันมาที่นี่ทำไม!”เธอถามขึ้นจากด้านหลังของเขา แต่ชายคนนั้นไม่สนใจเธอมาเดลีนถูกลากไปยังหลุมศพที่เธอสร้างไว้ให้ปู่และลูกที่ตายไปแล้ว เธอไม่มีแรงที่จะยืนอีกต่อไป และบอดีการ์ดของเขาผลักเธอเข้าหาหลุมศพมาเดลีนล้มลงกับพื้น สองมือของเธอกุมไปที่เนื้อร้ายภายในท้อง เธอหายใจเข้าลึกๆ อดทนต่อความเจ็บปวด และจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นเจเรมี่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ สง่างามและเย็นชา รัศมีที่ส่งออกมาของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานในความเยือกเย็น“ทำไม มาที่นี่?” มาเดลีนถาม พลางกัดฟัน สายตาของเธอค่อยๆพร่ามัวไปด้วยหมอกเจเรมี่โน้มตัวไปบีบคางของมาเดลีนด้วยนิ้วที่ร้อนระอุของเขา รอยยิ้มที่น่ากลัวในดวงตาอันทรงเสน่ห์ของเขาปรากฎขึ้น“เพื่อให้เธอได้สัมผัสกับ
มาเดลีนตะคอกเสียงเเข็งทันทีราวกับหุ่นเชิดที่ไม่มีสายเชิด ไม่มีสติหลงเหลือใดๆทั้งสิ้นโลกของเธอดูเหมือนจะมืดลงในทันทีและความเจ็บปวดที่รุนแรงราวกับผิวหนังของเธอกำลังลอกได้กลืนกินสติของเธอไปทั้งหมด“ไม่!”เธอรีบพุ่งเข้าไปที่เถ้าถ่านค่อยๆถูกหิมะและฝนชะล้างไปแล้วมาเดลีนร้องไห้อย่างเสียใจ มือที่สั่นเของเธอถูกับพื้นดินที่ขรุขระอย่างหมดหวังขณะที่เธอพยายามเก็บขี้เถ้าที่เหลืออยู่ขี้เถ้าเหล่านั้นค่อยๆถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดที่ไหลออกมาจากฝ่ามือของเธอ และไม่นานนักมันก็ละลายหายไปกับสายฝนและหิมะความหวังอันริบหรี่เพียงอย่างเดียวของเธอก็ดับวูบลงอย่างสิ้นเชิงเธอร้องไห้และหัวเราะอย่างน่าสังเวช ดวงตาสีแดงที่เปียกชุ่มของเธอจ้องมองไปที่เจเรมี่เธอจำเขาไม่ได้อีกต่อไปไม่ใช่ เธอไม่เคยรู้จักเขาต่างหากมาเดลีนกัดฟันของเธอแน่นมองไปที่ชายผู้ที่ใจเด็ดคนนั้น ดวงตาของเธอคมชัดมาก“เจเรมี่ สักวันคุณจะเสียใจ!”เมื่อเห็นการจ้องมองที่แสดงความเกลียดชังของมาเดลีนในขณะนี้ เจเรมี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา“ไม่มีคำว่า” เสียใจ “ในพจนานุกรมของผม”เขามองไปที่บอดี้การ์ดและกวักมือให้มอบขี้เถ้าของปู่ของมาเดลีนให้เข
เมื่อได้ยินทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากของมาเดลีน เจเรมี่ขมวดคิ้ว หัวใจของเขาเต้นผิดปกติในทันที“เจเรมี่ ถ้าไม่ฆ่าฉันในวันนี้ จำไว้ฉันจะฆ่านายและล้างแค้นให้กับลูกของฉันแน่นอน”ดวงตาที่ชัดเจนของเธอนั้นแน่วแน่เช่นเดิมเจเรมี่ยิ้มอย่างเมินเฉย “งั้นหรอถ้างั้นผมจะรอวันนั้น”เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่พูดและจากไปโดยทิ้งเธอไว้แบบนั้นหลังจากเฝ้ามองร่างสีดำที่ค่อยๆเลือนหายไป มาเดลีนเองแทบจะหมดทั้งเรี่ยวแรงและเลือดของเธอในขณะที่เธอเอนกายลงบนโกศของปู่ของเธอน้ำตาอุ่นๆเอ่อล้นอีกครั้งแต่หัวใจของเธอด้านชาไปหมดเพียงเพราะด้วยความเจ็บปวดที่เข้ามาแทนที่ดูเหมือนว่า ทุกอย่างมันยังไม่จบสิ้นเมื่อเมเรดิธปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมเรดิธถือมีดปอกผลไม้จังหวะที่เธอเห็นมาเดลีนนอนอยู่บนพื้นขณะที่โอบอุ้มโกศเอาไว้แน่น เมเรดิธตรงดิ่งเข้าไปหามาเดลีนแทบจะทันทีและเธอย่อตัวลง เอื้อมมือไปดึงผมสั้นของมาเดลีนขึ้น“จิ๊ จิ๊ ฉันบอกแล้วว่าอย่าต่อต้านฉันเป็นไง ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาหรือยัง?”มาเดลีนหัวเราะเยาะหล่อน ไม่ต้องการเสียลมหายใจและพลังงานของเธออีกต่อไป “เมเรดิธ ยัยผู้หญิงอสรพิษ ฆ่าฉันสิถ้ากล้ามากพอ!”“ฮ่าฮ่า…เธออยากตา
เมื่อทุกคนได้ยินมาเดลีนพูดออกมาเช่นนนั้น การแสดงออกของเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น รวมถึงอลิซาเบธก็เปลี่ยนไปในทันที พวกเขากำลังมองไปที่มาเดลีนราวกับว่าพวกเขากำลังมองบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป“ผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่าตัวเองเลวร้ายเกินไป!” เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนกล่าวอย่างดูถูก“โชคร้ายขนาดไหนเมเรดิธต้องเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ เธอมักจะตั้งเป้าไปที่หล่อนทุกที่”“ใช่ๆ ไม่เพียงแค่เธอขโมยแฟนของคนอื่น แต่เธอยังไปทำให้เมเรดิธเดือดร้อน นี่ถึงขั้นบอกว่าต้องการฆ่าหล่อน เธอนี่มันป่วยจิตจริงๆ!”“พวกเราควรอยู่ห่างๆจากเธอ ไม่แน่เธออาจจะคลั่งและมุ่งเป้ามาที่พวกเรา”มาเดลีนนั่งเงียบๆ ฟังคำพูดที่จงใจพูดกับเธอเธอไม่พูดโต้กลับใดๆเพียงแค่ยืนขึ้นเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เพื่อนร่วมงานหญิงที่พูดเรื่องจริงและเรื่องโกหกเกี่ยวกับเธอทั้งหลาย รีบวิ่งหนีกระเจิงไปเพราะกลัวว่ามาเดลีนจะทำอะไรกับพวกเขามาเดลีนรู้สึกขบขันกับฉากนี้ จากนั้น เธอเดินมุ่งหน้าออกจากห้องไปเธอไปหาเฟลิเป้และเมื่อเห็นว่ามาเดลีนมาแล้ว เฟลิเป้ก็ทักทายเธอและขอให้เธอนั่งอย่างสุภาพเขาเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของมาเดลีน มี
มาเดลีนยืนตัวสั่นในสายลมและเลือดของเธอคล้ายว่ามันจะแข็งตัวเธอกลับไปที่บ้านอย่างเร่งรีบ เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวทั้งหมด ก่อนจะย้ายออกจากที่นั้นในชั่วข้ามคืนเธอไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่แสนน่ากลัวกว่าปีศาจคนนี้อีกต่อไป เธอไม่กลัวความตาย แต่จริงๆแล้วเธอกลัววิธีการที่โหดร้ายของเขาแสดงออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่อยากเห็นตัวตนของเขาปฏิบัติอย่างโหดร้ายอีกต่อไปเพราะการกระทำนั้นคือคนที่เธอรักอยากแสดงความโหดร้ายต่อหน้าเธอเมื่อมองดูตัวเองในกระจก มาเดลีนสัมผัสได้ถึงรอยแผลเป็นจางๆ และหลับตาลงเจเรมี่ การที่ตกหลุมรักคุณทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน.........ในขณะที่ใกล้จะถึงปีใหม่ หลายๆบริษัทจะมีการประชุมประจำปีในเวลานี้แม้ว่าเฟลิเป้จะยืนกรานว่ามาเดลีนจะเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมประจำปี แต่มาเดลีนเองยังคงปฏิเสธหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำ มาเดลีนไปที่บาร์คาราโอเกะกับทีมงานในแผนกมีห้องขนาดใหญ่ที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อดื่มและเล่นเกม แต่พวกเขาทิ้งมาเดลีนไว้ข้างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลยมีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่างดูเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวาและสนุกสน
มือของมาเดลีนสั่นอย่างรุนแรงกุญแจในมือของเธอได้หล่นลงบนเท้าของเธอพร้อมกับเสียงที่กระทบดังเคล้งบาดแผลทั้งภายในและนอกร่างกายของเธอดูเหมือนจะ “ตื่นขึ้น” อย่างกะทันหันในเวลานี้และความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ผิวหนังที่เพิ่งผ่านไม่นานได้กลับเข้ามารุกรานร่างกายของเธออีกครั้ง มันเจ็บมากจนทำเธอสูญเสียสติที่มีอยู่ก่อนหน้าไม่กี่วินาทีก่อนหน้ามีเพียงภาพของเขาที่ทุบโกศด้วยขี้เถ้าของลูกตัวเองด้วยน้ำมือของเขาภายในสมองที่ว่างเปล่าของเธอเมื่อวันก่อนไฟที่ควบคุมด้วยระบบเสียงถูกดับลงเช่นเดียวกับโลกของมาเดลีนที่ถูกความมืดกลืนกินให้มืดลงไปเช่นกัน“มาเดลีน ฉันกำลังพูดกับเธอ” เสียงที่ก้องกังวาลของเจเรมี่ดังขึ้นอย่างเย็นชามาเดลีนสั่นสะท้านอย่างสะเทือนใจ ทันทีที่เจเรมี่คว้าข้อมือของเธอ เธอให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับเม่นที่สลัดหนามของตัวมันเองออก หลังจากเธอกระโดดออกมาด้วยความสยดสยอง ทันใดนั้นเธอคุกเข่าลงข้างเท้าของเขา ทุบตีหัวของเธออย่างหมดแรง“นายท่านวิทแมน ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง! ฉันมันเป็นคนผิดเอง! ฉันไม่ควรตกหลุมรักคุณ ฉันไม่ควรยั่วยุเมเรดิธ!”“เจเรมี่ ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าทำร้ายคนรอบข้
เธอวิ่งไปบนถนนอย่างไร้จุดหมายโดยไม่หันหลังกลับ ธารน้ำแข็งชิ้นหนึ่งได้ละลายลงในใจของเธอและน้ำเย็นๆสีดำได้เอ่อท่วมโลกของเธอเธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจเรมี่อีกแล้ว วิธีการที่แสนโหดร้ายของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอไม่สามารถแบกรับสภาพร่างกายและจิตใจที่ถูกทำลายได้อีกต่อไปในตอนนี้ เธอแค่อยากจะหนีแม้กระทั่งต้องการอยากจะหนีหายไปตลอดกาลทันใดนั้น ฝนเม็ดเล็กล่วงโรยลงมาบนท้องฟ้ามาเดลีนวิ่งไปทางม้าลายด้วยความงุนงง เธอต้องการข้ามไปยังถนนฝั่งตรงข้าม รถคันหนึ่งขับมุ่งตรงมาทางของเธอ มันไม่ได้ชะลอตัวลงเมื่อมองไปที่ถนนที่พลุกพล่านและแสงไฟถนนที่เรียงรายกระทบเข้ามา ทำให้เธอน้ำตาไหลถ้าเธอทำได้ เธออยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ ...มาเดลีนหลับตาลงและมีเสียงแตรดังออกมาอย่างก้องกังวาลรอบๆ ทันใดนั้นมาเดลีนรู้สึกได้ถึงแขนที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่กอดเธอไว้แน่นในขณะที่รถเกือบจะชนเธอ เธอถูกชายคนหนึ่งอุ้มไปและกลิ้งลงไปข้างทาง“มาเดลีน ฟังผมนะ! ถึงเธอจะอยากตาย แต่ก็ตายได้ด้วยมือฉันเท่านั้น!”เสียงที่เกรี้ยวกราดของเจเรมี่ดังมาจากเหนือหัวของเธอ และมันดังมากพอที่จะทำให้เธอตื่นขึ้นราวกับว่าเธอเพิ่งฟื้นกลั
หัวมุมของหนังสือไดอารี่ถูกขูดกับบาดแผลที่ยังไม่เเห้งดีบนใบหน้าของเธอความเจ็บดังลั่นอย่างรุนแรงก่อนที่เลือดจะเริ่มไหลซึมอีกครั้งกระนั้นเจเรมี่ไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม เขาปัดผ่านไหล่ของเธอพร้อมกับดันไหล่ที่กว้างและทรงพลังของเขากระทบกับร่างบางของมาเดลีน ทันใดนั้นเองมาเดลีนเสียหลักล้มลงข้างเตียง มันช่างตลกร้ายเมื่อมองไปเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเธอ ไดอารี่ที่เจเรมี่ทิ้งถูกเปิดออกในหน้าหนึ่ง มาเดลีนมองไปที่เนื้อหาห็นคำที่เธอเขียน “เจซ ในที่สุดฉันก็ได้พบคุณอีกครั้ง …”มาเดลีนมองไปที่คำที่เขียนบนหน้าไดอารี่และหัวเราะเยาะตัวเองจนน้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาของเธอโดยไม่รู้ตัวน้ำตาอุ่นๆหยดผ่านบาดแผลที่มีเลือดออก ตามแนวโค้งของคาง และสุดท้ายหยดเลือดได้หยดลงบนประโยคในไดอารี่เจซ...เจซในอดีตของเธอได้ตายไปแล้วในหัวใจของเธอแสงแดดอ่อนๆนั่น เด็กผู้ชายที่เคยบอกว่าอยากอยู่กับเธอตลอดไป ตายไปแล้วในใจเธอ ...——เกิดหนองบางส่วนขึ้นที่แผลบนใบหน้าของมาเดลีน ดังนั้นเธอจึงต้องไปโรงพยาบาลหลังจากรักษาบาดแผลและในขณะที่เธอกำลังจะกลับ พยาบาลสาวสองคนเดินผ่านมาเดลีนไป อย่างเร่งรีบ“คุณหญิงมอนต์โกเ