“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด หลังออกจากโรงพยาบาล เธอถือผลตรวจด้วยมือที่กำลังสั่น ดูเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาของเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันบ่งบอกว่าเธอมีความสุขหรือกำลังเสียใจกันแน่“คุณครอว์ฟอร์ด คุณกำลังตั้งครรภ์” เสียงของคุณหมอดังก้องอยู่ในหูของเธออีกครั้งเมื่อสามเดือนที่แล้ว เธอได้แต่งงานกับเจเรมี่ วิทแมน เขาคือนายน้อยลำดับที่ 1 ของตระกูลอันทรงเกียรติ ซึ่งเป็นที่อิจฉาของคนทั้งเมืองเกลนเดล ในวันแต่งงาน ผู้หญิงในเมืองต่างพากันอิจฉาเธอ เธอเคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุข และโชคดีมากที่สุดในโลกใบนี้ตั้งแต่ที่เธอพบกับเจเรมี่เมื่อตอน 10 ขวบ ความรู้สึกดี ๆ ก็ได้ก่อตัวขึ้นภายในใจของเธอ เพื่อที่จะได้ยกระดับตัวเองขึ้นไปให้เท่ากับเจเรมี่ และแอบมองเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย เธอได้พยายามเป็นอย่างมากที่จะพัฒนาตัวเองในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเหมือนต่างคนต่างมาจากคนละโลก เธอเป็นเหมือนเด็กในป่าที่เติบโตมาในที่รกร้าง เธอจะสามารถเข้าไปมีความสัมพันธ์อันใดกับคนอย่างเขาได้? อย่างไรก็ตาม ไม่อาจแน่ใจได้ว่า เธอได้รับพรจากพระเจ้า หรือกำลังถูกพระเจ้ากลั่นแกล้งกันแน่ เมื่อสามเดือนก
วันต่อมา เมเดลีนตื่นขึ้นจากการนอนหลับของเธอ ก่อนที่เธอจะทันรู้ตัวดี กล่องยาคุมกำเนิดถูกโยนมาที่เธอ “กินซะ” เมเดลีนยกหัวขึ้น และเห็นเจเรมี่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาดูสุขุมและสง่างาม ต่างจากปีศาจที่แสนโหดร้ายที่เธอเจอเมื่อคืนนี้ เธอมองไปที่กล่องยาคุมกำเนิด หัวใจของเมเดลีนเริ่มสั่นคลอนเธอท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเธอไม่ควรกินยาคุมกำเนิด มันอาจทำให้เด็กในท้องพิการได้ “ทำไมเธอยังไม่กินอีกล่ะ? หรืออยากให้ฉันป้อนให้งั้นเหรอ?” ในขณะที่เจเรมี่มองไปที่เมเดลีน เขาก็ดูกระวนกระวายเล็กน้อย “เมเดลีน ฉันบอกเธอแล้ว ฉันไม่คิดที่จะมีลูก เธอมันก็แค่ผู้หญิงต่ำต้อยไร้ยางอายที่แว้งกัดคนที่เลี้ยงดูเธอมา เธอไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกฉัน!” คำพูดของชายหนุ่มฝังลึกลงในหัวใจของเมเดลีน นี่ก็เข้าฤดูร้อนแล้ว แต่เธอยังคงรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดเข้ามาสู่หัวใจของเธอ เธอคิดว่าเด็กคนนี้จะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเรมี่ได้ แต่ดูเหมือนเธอจะไร้เดียงสาเกินไป ในตอนนี้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกเขาว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่ ถึงกระนั้น ภายใต้การจ้องมองอันแสนเย็นชาของเจเรมี่ ทำให้เธอไม่มีทางเลือก
เมเดลีนล้มลงบนพื้นหลังจากถูกเตะ เธอเอามือปกป้องท้องของเธอโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เธอจะได้อธิบายอะไร จอห์นก็ตบหัวเธออีกครั้ง“นังตัวดี! ทำไมเมเรดิธ ต้องฆ่าตัวตายเพื่อคนอย่างเธอ! เธอคือคนที่สมควรตาย!”คำพูดของจอห์นกัดฟันพ่นคำพูดนั้นออกมาทีละคำ เขาเหยียดหยามดูถูกเมเดลีนเข้ากระดูก“พ่อ ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ถูกลิขิตมาให้คู่กับเจเรมี่ ดังนั้นฉันจะไม่โทษแมดดี้เลย” เสียงเมเรดิธเริ่มสะอื้นดังขึ้นช้า ๆ อีกครั้งจากอีกด้านหนึ่งของห้องเมเดลีนมีเลือดไหลที่มุมตรงริมฝีปาก ในหัวของเธอได้แต่พึมพำด้วยความเจ็บปวด เธออดกลั้นต่อความปวดร้าวที่มีก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น ภาพที่เห็นคือเมเรดิธ พิงซบหน้าอกของเจเรมี่ ด้วยเหตุนี้น้ำตาเธอจึงไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองเจเรมี่ประคองเมเรดิธที่สะอื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ขณะที่เขาปกป้องเธอฉากตรงหน้าดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันทิ่มแทงอยู่ในหัวใจของเมเดลีนหากไม่มีสิ่งผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นภรรยาของเจเรมี่คงต้องเป็นเมเรดิธไม่ใช่เด็กที่เลี้ยงไม่เชื่องภายใต้ชายคาบ้านของคนอื่นถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ แต่ในขณะนี้เธอรู้สึกผิดอย่างมาก“เมอร์ นี
เมเดลีน รู้สึกว่าเธอไม่สามารถเข้าถึงผู้หญิงคนนี้ได้เลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เมเรดิธที่เธอเคยรู้จักนับตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในตระกูลครอว์ฟอร์ด นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอได้พบกับเมเรดิธ เมื่อเวลาผ่านไป เธอรู้สึกว่าหญิงสาวเป็นคนมีน้ำใจและอ่อนโยน แต่ทว่า ณ ตอนนี้...“น่าหงุดหงิดที่สุด! ทั้งเวลาและความตั้งใจของหนูเสียมันไปอย่างศูนย์เปล่า อุตส่าห์ลงทุนสร้างสถานการณ์ และคิดแผนวางยาเจเรมี่ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ หนูยังจ้างนักข่าวมาถ่ายภาพ และบันทึกหลักฐานว่าหนูอยู่กับเขาทั้งคืน และสิ่งแรกที่หนูควรจะได้รับคือ ในตอนเช้าจะต้องมีข้อความจากผู้อาวุโสวิทแมนที่ยินยอมให้เขาแต่งงานกับหนู ใครจะไปรู้ว่าหนูดันอ่านเลขห้องผิด และดันไปนอนกับคนข้างถนนที่น่าสมเพชที่สุด หนูปล่อยให้เมเดลีนได้รับสิ่งนั้นไป!”และนี่คือความจริง นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของพี่สาวที่เคยแสนดีคนนั้น คนที่พยายามร้องขอความเมตตาครั้งนี้ให้เธอ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาหัวใจของเมเดลีนกำลังเต้นแรงมาก เธอรู้สึกถึงความเสียใจอย่างที่สุดนี่คือผู้หญิงที่ใจดีอ่อนโยนเพียบพร้อมไปในทุกด้าน เธอเป็นเช่นนั้นเสมอในสายตาของเจเรมี่! ในสายตาของท