“ก็ถูกใช้งานหนักนี่ร่างกายเลยอ่อนแรง” อีกคนก็บ่นไปกินไปด้วย ได้ยินแล้วแทนที่จะโกรธแต่ชายหนุ่มกลับระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า ดูๆ ไปภรรยาของเขาก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย นึกว่าเขาจะต้องเจอกับผู้หญิงที่เอาแต่ปั้นหน้าเป็นผู้ใหญ่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่ผิดคาดเหมือนกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในสมัยหนุ่มๆ อีกครั้ง ได้ต่อปากต่อคำหยอกเย้ากันบ้างบางเวลา
“คุณวิเนตย์! เอ่อ เสื้อผ้าฉันไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วฉันเก็บเอง คุณก็มากินข้าวได้แล้ววางไว้นั่นแหละค่ะ” คนถูกห้ามเสียงดังรีบก้มลงมองผ้าชิ้นน้อยในมือ ดวงตาคู่คมเบิกโตอย่างตกใจรีบปล่อยบิกินีสีแดงเพลิงลงพื้นในทันที
“ผมเผลอไปนึกว่าของตัวเอง” แล้วเดินไปนั่งข้างๆ กับภรรยา ซึ่งตอนนี้จิกตามองเขา เหมือนกำลังต่อว่าเรื่องทิ้งบิกินีของตัวเองอย่างไม่แยแส
“ทำไมมองแบบนั้นล่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ไม่เก็บให้ด้วยไปเก็บเองเลย”
“ก็แค่บิกินีทำอย่างกับว่ามันน่ารังเกียจนักหนา ทำของเขาหล่นแล้วยังไม่เก็บอีก...เก็บเองก็ได้” วธุกาหน้างอหงิกลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกสามีฉุดข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“นั่งลง” เขาบอกเสียงแข็ง ก่อนจะฉุดหญิงสาวให้นั่งลงตรงที่เดิม แล้วเป็นฝ่ายเดินไปหยิบบิกินีทั้งสองชิ้นขึ้นแขวนไว้บนราวด้วยตัวเอง วิเนตย์เดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองตวัดตาดุใส่ภรรยาเล็กน้อย
“พอใจหรือยัง”
‘แฮ่ ก็แค่แหย่เล่นๆ’ วธุกาไม่คิดว่าเขาจะจริงจังแบบนี้ ถึงกับทำหน้าไม่ถูกขยับปากเม้มเข้าออกอยู่สองสามที ก่อนจะกล้าเอ่ยคำว่า
“ขอบคุณค่ะ”
“กินข้าวได้แล้วคุณวาท วันนี้คุณอยากไปไหนก็บอกได้นะ เผลอแป๊บๆ ก็ผ่านมาสามวันแล้วเร็วจริงๆ” เขาพูดจบก็ตักข้าวใส่ปากไปด้วย
“ก็ไหนคุณบอกว่าอยากเอ่อ...” หญิงสาวหยุดเหมือนคิดว่าสมควรจะพูดดีไหม
“อยากอะไร” เขายิ้มล้อเหมือนรู้ความคิดของภรรยา
“อยากอยู่แค่ในห้องพักเฉยๆ ไง” วธุกาสะบัดเสียงใส่นิดๆ ยังจำคำพูดและการกระทำของเขาได้เป็นอย่างดี ยิ่งรอยจูบแดงๆ ตรงคอของเธอด้วยยิ่งตอกย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัด จนต้องหาผ้าพันคอผืนน้อยมาพันปิดเอาไว้ และเพิ่งแกะออกตอนเดินเข้าห้องมา
“คุณก็ชอบใช่ไหมกับการที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันภายในห้องแค่สองคน” วิเนตย์ก้มมองคนที่ก้มหน้าเอาช้อนเขี่ยข้าวในจานเล่น
“ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนคุย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขา วิเนตย์เพิ่งสังเกตเห็นว่าภรรยาของตนมีลักยิ้มตรงมุมปากขวาเล็กๆ ริมฝีปากอิ่มเอิบน่าจูบเม้มเข้าออกเหมือนคนกำลังอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยมันออกมาเสียที
“มีอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ คุณก็กินข้าวเถอะ ฉันว่าจะว่ายน้ำเล่นสักหน่อย”
“เที่ยงแบบนี้นี่นะคุณไม่กลัวดำเหรอคุณวาท ผมไม่ชอบผู้หญิงผิวคล้ำนะบอกไว้ก่อน ผมชอบขาวๆ อวบๆ” เขาพูดมาถึงตรงนี้ก็เป็นอันต้องหยุด เมื่อถูกสายตาของอีกคนจ้องมองมาเขม็งแล้วแบะปากใส่
“ทำอย่างกับตัวเองขาวตายเลย” นึกแล้วไม่มีผิดเขาเผลอพูดออกไปให้วธุกาได้ตอกหน้าจนหงายหลัง
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมดูถูกคนผิวดำล่ะ ผมแค่อยากจะบอกว่าผมชอบผิวสีแบบคุณนี่ขาวอมเลือดฝาดเหมือนผิววัยรุ่นสาวๆ เลย ขืนลงไปในสระกลางแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ก็คล้ำหมดน่ะสิ” ชายผู้มีผิวสีแทนรีบแก้ต่างให้ตัวเอง แต่สิ่งที่วิเนตย์ได้รับกลับคืนมาคือความเงียบของภรรยาตลอดการรับประทานมื้อเที่ยง พออิ่มแล้ววธุกาก็เปลี่ยนเป็นชุดบิกินีกระโดดลงน้ำไปต่อหน้าต่อตาของเขาในทันที ไม่แม้แต่จะฟังเสียงห้ามปรามก่อนหน้าแม้แต่น้อย
‘นี่ใช่ไหมที่เขาว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คุณวาทนะคุณวาท’
แม้ในใจจะนึกตำหนิคนที่เพิ่งกระโดดลงสระว่ายน้ำไปเมื่อครู่นี้ แต่หัวใจของคนเป็นสามีก็เต้นแรงผิดปกติอยู่เหมือนกัน เนื่องจากสัดส่วนของภรรยานั้นช่างเย้ายวนสายตาเหลือเกิน ยิ่งเรียวขาสวยๆ ขาวๆ นั่นยิ่งน่าลูบ...หันซ้ายมองขวาว่าจะมีพนักงานผ่านมาทางนี้หรือไม่ โชคดีที่ไม่มีแต่ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจได้ รีบกดโทรศัพท์มือถือหาเอกวัสเป็นการด่วน
“คุณวิเนตย์มีอะไรหรือเปล่าครับ ตอนนี้รีสอร์ตปกติดีทุกวันนะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงฮันนีมูนต่อให้มีความสุขได้เลยครับ” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยบอกอะไรปลายสายก็ทักทายเสียงดังฟังชัดอย่างรู้งาน
“ใครว่าผมจะถามคุณเรื่องงาน”
“เอ่อ ถ้างั้นเรื่องอะไรครับ” เอกวัสเสียงอ่อนลงเมื่อรู้ว่ากำลังถูกเจ้านายตำหนิกลายๆ
“ผมจะให้คุณไปสั่งคนงานทุกคนว่าสองวันนี้ห้ามเดินมาโซนห้องพักพูลแอคเซสเป็นอันขาด ยังไงก็ไม่มีลูกค้าอยู่แล้วใช่ไหมผมดูในข้อมูลแล้วไม่มีการจองสองวันนี้เลย”
“ครับไม่มีเลยครับ ห้องพักบนแพก็ไม่เต็มเหมือนกัน ว่าแต่ถึงกับห้ามเดินไปเลยเหรอครับมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ แล้วแม่บ้านที่จะไปเก็บชุดมาซักหรือพนักงานที่จะเอาอาหารไปให้ล่ะครับ” เอกวัสสงสัยขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ นึกได้ว่าทั้งคู่กำลังฮันนีมูนกันอยู่ คงไม่อยากให้ใครเข้าไปรบกวนเวลาส่วนตัว
“อันนั้นข้อยกเว้น แต่คนอื่นห้ามเด็ดขาดเข้าใจไหม” ยิ่งเสียงเครียดๆ เป็นการย้ำว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งทำให้ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ร้องอ๋อในใจทันที
“เข้าใจครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับแหย่เท้าไปสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอครับคุณวิเนตย์”
“ไม่ได้! ผมสั่งคุณก็ทำๆ ไปเถอะ” เอ่ยเสร็จก็รีบเลื่อนหน้าจอตัดสายทิ้งเมื่อรู้ว่าปลายทางคงระแคะระคายบ้าง ถึงได้มีน้ำเสียงเย้าแหย่ตัวเองเล่น แล้วใครจะกล้าบอกล่ะว่ากลัวคนเห็นภรรยาตัวเองใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำ คนอื่นห้ามมองนอกจากเขาคนเดียว
‘ไม่ได้หวง แต่มันไม่เหมาะสมที่จะให้คนอื่นดู’ พยายามคิดให้ตัวเองแลดูปกติมากที่สุดหันหลังมาอีกทีภรรยาคนดีคนเก่งคนชอบขัดคำสั่งก็กลายเป็นมัจฉาแหวกว่ายไปมาอย่างสำราญใจ ผิวเนื้อขาวผ่องก็สะท้อนกลางแสงแดดตัดกับสีแดงของบิกินีสีแดงเพลิง ทำเอาคนยืนมองแสบหูแสบตาและแสบไปถึงหัวใจ รีบจัดการกับอาหารบนโต๊ะแล้วสวมกางเกงว่ายน้ำตามภรรยาลงไปในสระว่ายน้ำ
ตอนที่ : 61 แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ (จบ)23แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ แวมสกาวสาวน้อยในวัยสี่ขวบกลายเป็นขวัญใจของทุกคน เด็กน้อยโตขึ้นมากับการเลี้ยงดูที่ดีจนเกินเหตุ หรือว่าเป็นที่ตัวเด็กเองที่ชอบการรับประทานอาหารเป็นที่สุดก็ไม่รู้ จึงทำให้กลายเป็นเด็กตัวอ้วนปุ๊กลุกเกินกว่าปกติ วธุกาเองก็ตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าวาทตามความต้องการของสามี ในขณะเดียวกันก็เรียกเขาสั้นๆ ว่าคุณเนตย์เหมือนกัน วันนี้วธุกาได้พาลูกสาวไปเยี่ยมเยียนนนท์นทีตั้งแต่ช่วงสายแล้ว เที่ยงนี้วิเนตย์จึงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จเขาก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก เพื่อที่จะเอนหลังตรงโซฟา แต่แล้วสายตาของชายหนุ่มก็มองไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องร
ตอนที่ : 60 ปล่อยวาง 3 วธุกาเปลี่ยนชุดเป็นบิกินีสีแดงเพลิง เป็นชุดเดียวกับที่เคยใส่ตอนฮันนีมูนครั้งแรก ส่วนสามีของเธอก็เดินไปปิดม่านตรงหน้าบ้านพักไม่ให้คนข้างนอกมองผ่านเข้ามาได้ ปิดไฟตรงหน้าบ้านให้เหลือเพียงโคมสลัวๆ แสงนวลตา ในบ้านหากลูกร้องก็สามารถได้ยินเสียงได้เช่นเดียวกัน เมื่อพร้อมเสร็จสรรพทุกสิ่งอย่าง ภรรยาคนงามก็เดินลงไปแช่ตัวอยู่ในสระว่ายน้ำขนาดเล็ก มีน้ำผลไม้วางไว้บนขอบสระพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มของสามี มองเห็นเขาเดินเข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วแล้วหัวใจของภรรยาอย่างเธอก็เต้นแรง “กินเบียร์ก่อนไหมคุณวิเนตย์ มีของว่างด้วยนะคะ” พยายามเบี่ยงความสนใจไปที่เครื่องดื่มและของว่าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย เพราะเขาเดินลงสระว่ายน้ำและตรงดิ่งมาหาเธอในทันที
ตอนที่ : 59 ปล่อยวาง 2 “อยากไหม จูบน่ะ” เจอคำถามจี้ใจดำกับสายตาประกายหยาดเยิ้ม วธุกาเลยต้องก้มหน้าลงต่ำจนปากนุ่มแตะกับริมฝีปากหนาของสามี เพียงเท่านั้นท้ายทอยของเธอก็ถูกเขารั้งเอาไว้แน่น แล้วแทรกชิวหาอุ่นซ่านเข้าหาอย่างรวดเร็ว จูบของเขาช่างหอมหวานละมุนละไม อ่อนนุ่มนาบเนิบตามความปรารถนา เนิ่นนานพอสมควรก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากกัน ริมฝีปากของวธุกามันวับจนเขาต้องยกมือขึ้นเช็ดป้ายให้“หวานมากคุณวาท”“ปากคนนะคะไม่ใช่น้ำตาล” “เอางี้ดีไหมคุณวาท ครั้งนี้ถือว่าเรามาฮันนีมูนกันรอบสองดีไหม บรรยากาศให้ด้วยดูสิท้องฟ้าสีสวย ทะเลก็แสนงาม มีหาดทรายสีขาวนวลพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้นึกถึงวันที่เราฮันนีมูนกันคุณว่าไหม” “จะดีเหรอคะ” 
ตอนที่ : 58 ปล่อยวาง22ปล่อยวาง สองเดือนหลังจากนั้นวธุกาก็ได้รับข่าวร้าย บิดาของเธอได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งอาการป่วยของท่านมาก่อนหน้านี้ แต่มีโทรศัพท์มาที่บ้านยายนวลน้อยในวันที่ท่านเสียไปแล้ว นางอารตีบ่นแล้วบ่นอีกเพราะบิดาของวธุกาไม่เคยติดต่อมาถามไถ่ข่าวคราวลูกสาวเลย แต่พอเสียชีวิตลงฝ่ายภรรยาใหม่ก็โทรศัพท์มาบอกเสียอย่างนั้น “ไม่ตายก็ไม่โทรมานะคะคุณแม่ นึกว่าลืมเบอร์โทรไปแล้วที่ไหนได้... แสดงว่าตั้งใจทอดทิ้งยัยวาทชัดๆ” “เขาเป็นพ่อลูกกัน แกก็จะอะไรนักหนายัยตี”&
ตอนที่ : 57 ผลผลิตจากการขโมย 2 “มิน่าล่ะ ผมก็สงสัยทำไมคืนนั้นเมียผมถึงได้เร่าร้อนนักนะ รุกผมทั้งคืนเลย ที่ไหนได้ก็มีแผนอันพิลึกพิลั่นแบบนี้นี่เอง” เขาโคลงตัวไปมาเบาๆ พร้อมกับขำในเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต “ก็ต้องโทษคุณนั่นแหละที่ไม่ยอมมีลูกกับฉันเอง ก็เลยต้องใช้เล่ห์กลอุบายกันบ้าง มีเท่าไหร่ก็งัดใส่ทั้งหมด ดูซิ เคยอ่อยใครที่ไหนล่ะ แล้วยังจะทำเรื่องแบบนั้นอีก ไม่ด้านพอทำไม่ได้นะนั่น” หญิงสาวประชดประชันตัวเองไปพร้อม ดันตัวออกห่างเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะได้มองสบสายตากับเขาได้ถนัด “ผมขอเดานะว่าความคิดนี้คุณนนท์นทีต้องมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหม ลำพังคุณคงไม่คิดได้ประหลาดขนาดนี้” “ก็พูดไปนั่น ความจริงฉันตั้งใจจะไปขออสุจิที่โรงพยาบาล แต่นนท์เขาแนะ
ตอนที่ : 56 ผลผลิตจากการขโมย21ผลผลิตจากการขโมย เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของคนที่อยู่หลังโต๊ะตรงจุดบริการ ทำให้วธุกาต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองด้วยความสงสัย พบประชาสัมพันธ์สาวสวยของวิเนตย์ธารารีสอร์ตกำกระดาษทิชชูเพื่อซับคราบน้ำตาอยู่ ท่าทางเหมือนคนกำลังเสียอกเสียใจอย่างรุนแรง “ดาเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” วธุการีบเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักศิรดามาหญิงสาวก็ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ “ฮะ...ฮึก ฮือ คุณวาท ฮือๆ” คนร้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วสะอื้นฮักๆ อย่างน่าสงสาร ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่อีกคน “แล้วกัน ยิ่งร้องใหญ่เ