เห็นสีหน้าท่าทางเขาแล้วจะฆ่าเสียให้ตาย!“หลิ่วชิงเหอ ลูกสาวเธอก็เรียกฉันว่าพ่อแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไรดีล่ะ?” ฉู่เฉินจงใจถากถางหลิ่วชิงเหอหยอกแม่บุญธรรมอย่างหลิ่วชิงเหอสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกันหลิ่วชิงเหอแค่นเสียง ขี้คร้านจะสนใจไอ้สารเลวอย่างฉู่เฉิน จึงหันตัวเดินออกไปครั้นออกมาก็เห็นหลิ่วหรูเยียนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่! หนูจะฆ่าฉู่เฉิน! ยังไงก็จะฆ่ามันให้ได้!” หลิ่วหรูเยียนกระฟัดกระเฟียด สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังน่าอัปยศที่สุด!เธอหลิ่วหรูเยียนเคยต้องเจอกับความอัปยศอดสูขนาดนี้เสียที่ไหนกัน?ฉู่เฉิน ชื่อนี้ได้เข้าสู่บัญชีดำของเธอเรียบร้อยแล้ว“วางใจได้ วันนี้ก็คือวันตายของไอ้เดรัจฉานนั่น!” หลิ่วชิงเหอเอ่ยเสียงเย็นขณะเดียวกันทางด้านฉู่เฉิน เขาถูกเว่ยฉิงเชิญไปที่ห้องรับรองเพียงลำพัง“คุณหนูเว่ย ยังมีธุระอะไรอีกเหรอครับ?” ฉู่เฉินถามเว่ยฉิงต้องยอมรับว่าคุณหนูของตระกูลเว่ย หลานสาวของเว่ยหนานเฟิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งจริงๆ กิริยาท่าทางและเรือนร่างไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่วชิงเหอกับหลิ่วหรูเยียนเลยยิ่งพออยู่กับเว่ยหนานเฟิงมานานหลายปี อาจเป็นเพราะ
กึก!เว่ยฉิงนิ่งอึ้ง ดวงหน้าแดงแปร๊ด แดงจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเลือดไหลออกมาได้คงไหลออกมาแล้ว เธอถามอย่างกระอักกระอ่วน “ถอดหมดเลยเหรอ?”เธอไม่คิดว่าการนวดรักษาที่ฉู่เฉินพูดถึง จะเป็นวิธีการแบบนี้ ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วยรึ…แม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยบรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มและน่าอึดอัดใจขึ้นมาทันทีเว่ยฉิงอาจจะเป็นหลานสาวของอดีตผู้บัญชาการเว่ย เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งในวงการธุรกิจ มีชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย และมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านแต่เธอเป็นสาวโสดตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลายปีมานี้ เธอไม่เคยแม้แต่จับมือผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้เปลื้องผ้าต่อหน้าชายแปลกหน้า…หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเว่ยฉิงก็กัดฟันหันหลังให้ฉู่เฉิน ก่อนจะเริ่มถอดชุดราตรีของเธอออกแผ่นหลังอันเนียนขาว ไร้จุดด่างพร้อยโดยเฉพาะหัวไหลกลมมนและลำคอยาวระหงนั่น เรียกได้ว่าเป็นศิลปะชิ้นงาม ที่แทบจะหาจุดด้อยไม่เจอเลยชุดราตรีค่อยๆ ไถลลู่ลงจากหัวไหล่ของเธอ แผ่นหลังอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยสู่สายตา ตามมาด้วยเอวบางคอด ที่ทำให้ฉู่เฉินเห็นแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ถึงขั้นสติหลุด
“ฟู่…” ฉู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาเริ่มเสียสมาธิแล้วเว่ยฉิงหน้าแดง เหลือบมองฉู่เฉิน ก่อนถามเสียงเบาๆ ว่า “หมอเทวดาฉู่ เป็นอะไรไป?”“เปล่าครับ เราเริ่มกันเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มตอบ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นในพริบตาเริ่มจากท้องน้อยก่อน จากนั้นก็หน้าอก และหัวไหล่ทั้งคู่ทุกครั้งที่สัมผัส เว่ยฉิงรู้สึกราวกับหน้าของตัวเองจะมีเลือดไหลออกมาให้ได้ หนำซ้ำ ร่างกายก็ยังมีการตอบสนองแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าฉู่เฉินเองก็ทรมานยิ่งกว่าต้องมานวดให้ศิลปะชิ้นเอกอย่างนี้ แรงกดดันมากเกินไปแล้วหลังจากนวดติดต่อมาประมาณสิบนาทีกว่า ฉู่เฉินลุกขึ้น เช็ดเหงื่อที่ขมับ บอกว่า “คุณหนูเว่ย เสร็จแล้วครับ”นึกไม่ถึงว่านวดให้เว่ยฉิงต้องใช้พลังวิญญาณมากขนาดนี้ดูท่าคงต้องพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องเสียแล้วเว่ยฉิงได้ยินว่าเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าส่วนฉู่เฉินนั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาด้านหนึ่ง เขาหอบหายใจไม่หยุด ขณะที่ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่างกายอยู่ฝั่งเว่ยฉิงพอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ดวงหน้ายังคงแดงแปร๊ด เธอถามเขาว่า “หมอเทวดาฉู่ โรคของฉันหายแล้วเหรอคะ?”“ครับ คุณลองหาใครมาทดลองดูก็ได้” ฉู่เฉินตอบเว่ยฉิงได้ยิน
“หลิ่วชิงเหอ ใช้ได้นี่ แต่งตัวยั่วสวาทดี”ฉู่เฉินเดินอาดๆ เข้าไปในห้องนอนจากระเบียง จากนั้นนั่งลงบนโซฟา จ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอที่อยู่บนเตียงโดยไม่ปิดบังสายตาสายตารุกรานมากเมื่อมองก็ไม่สามารถละสายตาออกได้หลิ่วชิงเหอคือระดับสุดยอดของโลกนี้ ด้วยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและกลิ่นเซ็กซี่ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วร่างกายของเธอโดยเฉพาะในขณะนี้เธอยังอยู่ในสภาพที่ซีทรู ผิวหนังขาวสะอาด ซ่อนเร้นอยู่ใต้ชุดนอนลูกไม้สีม่วง ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ทั่วทั้งร่างกายร้อนรุ่มไปหมดหลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินจ้องมองตรงมาที่เธอ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความดูถูก เธอแสยะยิ้มขึ้นมา “ฉู่เฉิน แกยังกล้ามีหน้ามาอีกเหรอ ไม่กลัวฉันจะเตรียมคนมาฆ่าแกหรือไง?”“ฆ่าฉัน?” ฉู่เฉินหัวเราะออกมา พร้อมพูดว่า “ป้าอู๋เหรอ? เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน แต่ว่าป้าอู๋ก็มีฝีมือนะ หุ่นก็ดี ด้านหลังนูนด้านหน้าแอ่น เวลากระแทกจากข้างหลัง โคตรได้อารมณเลย!”เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป คิ้วของเธอขมวดเข้ม พูดอย่างเยือกเย็นว่า “แกหมายความว่ายังไง? ฉู่เฉิน! แกไอ้เลว แกทำอะไรกับป้าอู๋? ”ฉู่เฉินพูด
เป็นผู้หญิง!ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เป็นจอมยุทธ์หญิงอายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกปี เธอยังดูเป็นวัยรุ่น หน้าตาก็ไม่แย่ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับหลิ่วชิงเหอบนเตียงที่สวยสุดๆ ก็ตาม แต่ถ้าหากพูดถึงในเจียงจง ก็ยังถือว่าเป็นคนสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งสาเหตุที่เขาเรียกเธอว่าจอมยุทธ์ เป็นเพราะว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนกับของป้าอู๋นั่นคือลักษณะเฉพาะของการฝึกวรยุทธ์มานานหลายปียิ่งกว่านั้น ดวงตาของอีกฝ่ายยังเฉียบคม และการโจมตีเมื่อกี้นี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงมากหากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าน่าจะตายเพราะคมดาบนั่นไปแล้วแต่ฉู่เฉินไม่เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้อยู่ระดับฝึกปราณชั้นสาม ไม่ได้พูดถึงครอบครองทั้งเจียงจง แต่ถ้าครึ่งหนึ่งย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกัน จอมยุทธ์หญิงตรงหน้าผู้นี้ ก็แปลกใจเป็นอย่างมากเช่นกันเธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินสามารถหลบการโจมตีที่เธอเตรียมไว้มาเป็นเวลานานได้!การโจมตีนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนกำลังภายในพื้นฐาน ก็ไม่อาจะหลบหลีกได้“รีบฆ่ามันซะ!” ในเวลานี้หลิ่วชิงเหอได้ลงจากเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอชี้นิ้วสีขาวและเรียว ชี้ไปที่ฉู่เฉินอย่างเดือ
หลิ่วชิงเหอหวาดกลัว เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นชายอันแข็งแกร่งของฉู่เฉิน โดยเพราะดวงคู่นั้นสีแดงก่ำ มันกลายเป็นสายตาที่ชั่วร้ายแย่แล้ว!ไอ้เลวฉู่เฉิน มันจะลงมือจริงๆ ด้วย!“ฉู่เฉิน! แกบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นแม่บุญธรรมแกนะ! ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอร้องขอความช่วยเหลือ ดิ้นรนอย่างไม่หยุดฉู่เฉินเยาะเย้ยอย่างชั่วร้าย “เธอไม่ใช่แม่บุญธรรมของฉัน”เมื่อพูดจบ เขาก็ลงมือกดหลิ่วชิงเหอลงไปบนเตียง แผ่นหลังขาวเนียน ก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าเขาทันทีเอวบางๆ นั้น บั้นท้ายที่แอ่นงอนนั้น ช่างกระตุ้นอารมณ์สัตว์ร้ายในกายฉู่เฉินได้ดีจริงๆ เรือนร่างของหลิ่วชิงเหอสมบูรณ์เหลือเกิน ราวกับเป็นงานศิลปะอย่างนั้นแหละ“ฉู่เฉิน! แกไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันนะ! หากแกกล้าแตะต้องฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกแน่!” หลิ่วชิงเหอดิ้นรนส่งเสียงร้องเพียะ!ฉู่เฉินยกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่หลังหลิ่วชิงเหออย่างแรง เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องนอน“อ๊ะ...” หลิ่วชิงเหอร้องออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ แก้มของเธอแดงไปจนถึงโคนหูความรู้สึกนี้มันทั้งน่าอับอาย และสบายในคราวเดียวกันบั้นท้ายงอนของเธอ นานแล้วที่ไม่ได้ถูกผู
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กดหลิ่วชิงเหอเข้าไปที่ประตู บีบไปที่คางของเธอ พูดอย่างเย็นชา “หลิ่วชิงเหอ เธอกำลังขู่ฉันอยู่งั้นเหรอ?”ดวงตาของหลิ่วชิงเหอมืดลง และเธอพยายามดิ้นรนไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์ เธอจึงพูดอย่างดุเดือด “ใช่! ถ้าแกกล้าแตะหรูเยียน แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว แต่ฉันก็ยังจะฆ่าแก!”“งั้นเหรอ?”ฉู่เฉินแสร้งยิ้ม มือขวาค่อยๆ เลื่อนจากคางลงไป ยิ้มแล้วพูดว่า “ดูท่าเธอจะไม่ยอมสินะ ยังกล้าจะมาขู่ฉันอีกเหรอ?”“ถ้าอย่างนั้น เอาอีกสักรอบไหมล่ะ?”“ซี้ด...”หลิ่วชิงเหอคร่ำครวญด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเธอกัดริมฝีปากแรงๆ ดวงตาของเธอราวกับมีด เธอเหลือบมองที่ฉู่เฉิน และพูดอย่างเย็นชา “แกกล้า!”“แล้วมีอะไรให้ฉันไม่กล้าด้วยล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาล็อกเอวบางของหลิ่วชิงเหอได้ในคราเดียวหลิ่วชิงเหอหวาดกลัว!ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ มันเอาจริงแล้ว“แม่ แม่อยู่ในห้องไหมคะ?” เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังมาจากข้างนอกประตู ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาใกล้แล้ว!เสียงยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลิ่วหรูเยียนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว“แม่คะ ทำ
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น ในใจมีแต่ไฟร้อนรุ่ม “เพียะ” เสียงนี้ เขาตบบั้นท้ายของหลิ่วชิงเหออย่างแรง“อ๊ะ...” หลิ่วชิงเหอร่างกายสั่นไปหมดตอนนี้เธอไม่เข้าใจเลยว่าฉู่เฉินลงโทษหรือตอบสนองเธอกันแน่เธอเกลียดฉู่เฉิน เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย!แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะให้ฉู่เฉินทำแบบนี้กับเธอต่อไปอีก“พอแล้ว! มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ตอนนี้ลูกกลับห้องตัวเองไปทบทวนให้ดี พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปตรวจจดหมายทบทวนของลูก!” หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม ใบหน้าแดงระเรื่อ ยั่วยวนคนเป็นอย่างมาก“แม่...”เสียงกระทืบเท้าของหลิ่วหรูเยียนดังเข้ามาจากข้างนอก ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้แม่ตัวเองถึงได้ดุแบบนี้ทั้งยังยืนกรานให้เธอกลับห้องตัวเอง“กลับไป!” หลิ่วชิงเหอตะคอกด้วยความโมโหหลิ่วหรูเยียนตกใจ รีบปล่อยมือออกจากกลอนประตู พึมพำขึ้นมาว่า “รู้แล้วค่ะ หนูจะกลับไปตอนนี้แหละค่ะ”หลังจากพูดอย่างนั้นหลิ่วหรูเยียนก็พึมพำ หันหลังและจากไป แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็มองไปที่ประตูอย่างสงสัยพร้อมกับพึมพำอีกครั้งว่า “แปลก เสียงจากในห้อง มันแปลกๆ... ทำไมมันถึงเสียงเหมือนกับ...”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกตัวขึ
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ