เมื่อซ่งหนิงซวงโทรศัพท์ไปอีกเป็นครั้งที่สอง ก็พบว่าทางฝั่งฉู่เฉินปิดเครื่องไปแล้ว!“เกลียดชะมัด! ถะ...ถ้าฉันสนใจความเป็นความตายของคุณอีก ฉันจะเขียนคำว่าซ่งกลับหัวเลย!”พอเห็นซ่งหนิงซวงดูโกรธไม่ไหวแล้ว เฉินเยว่เอ๋อร์ก็เอ่ยปลอบใจเบา ๆ ว่า “ท่านขุนพลคะ ในเมื่อฉู่เฉินไม่เห็นค่าแบบนี้ คุณก็...” “หุบปาก! ขับรถของคุณไปเถอะ!”ซ่งหนิงซวงถลึงตาใส่เฉินเยว่เอ๋อร์อย่างดุดันเฉินเยว่เอ๋อร์โดนด่าจนอึ้งไป รีบเงียบเสียง จะกล้าพูดมากอีกที่ไหนกัน?.....ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ฉู่เฉินตีบั้นท้ายลูกท้อที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของการทำงานหนักดวงหน้าเล็กของลู่เชี่ยนกำลังแดงก่ำ อ้าปากเล็ก ๆ นิดหน่อย หอบหายใจแรง ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข ร่างกายสั่นระริก ส่งเสียงครวญครางอยู่หลายที ก่อนจะพลิกตัวนอนหลับไปครั้งนี้เธอถูกฉู่เฉินปราบโดยสิ้นเชิงแล้ว การต่อสู้อันดุเดือดนานกว่าสองชั่วโมงทำให้ลู่เชี่ยนถึงจุดสุดยอดหลายครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ เธอถึงค่อยเข้าใจว่าการเป็นผู้หญิงมีความสุขมากแค่ไหน!ในตอนนี้เอง ต้วนหลิงเสวี่ยรีบวิ่งเข้ามาในห้อง มองลู่เชี่ยนที่นอนหลับลึกก่อนแวบหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยตั้งสติแล้วพูดกับฉู่เฉิน
อาจารย์ถึงกับให้เธอฆ่าฉู่เฉินเลยเหรอ?ซ่งหนิงชวงไม่เข้าใจจริง ๆ ฉู่เฉินกับวังจื่อเซียวไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ทำไมอาจารย์ถึงดึงดันจะให้ฉู่เฉินตายให้ได้ล่ะ? “ทำไม เธอไม่เต็มใจเหรอ?”นักพรตชิงเสียมองซ่งหนิงซวงที่ทำสีหน้าลังเล แววตาเคร่งขรึมขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเย็นชา“ศิษย์ไม่กล้าค่ะ!”แม้ในใจของซ่งหนิงซวงจะมีไม่เต็มใจเป็นร้อย แต่ก็ยากจะขัดคำสั่งของอาจารย์!ยิ่งไปกว่านั้น เธอเติบโตมาในวังจื่อเซียว นักพรตชิงเสียเป็นทั้งอาจารย์ของเธอ และเป็นพ่อแม่ของเธอ! “งั้นยังไม่นำทางไปอีกล่ะ?” นักพรตชิงเสียพูดจบก็ลุกขึ้นมาทันที จับจ้องไปที่ซ่งหนิงซวงด้วยสายตาเย็นเยียบเวลานี้บรรยากาศทั่วทั้งห้องโถงตึงเครียดถึงขีดสุดแล้วแม้แต่ถานอวี้ซานกับหานอวี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารราง ๆ รอบตัวนักพรตชิงเสียเกรงว่าขอเพียงซ่งหนิงซวงกล้าพูดคำว่าไม่อีกแค่คำเดียว พวกเธอไม่สงสัยเลยสักนิดว่านักพรตชิงเสียจะลงมือกับซ่งหนิงซวงโดยไม่ลังเล!“หนิงซวง ยังไม่รีบนำทางให้อาจารย์อีก!”ถานอวี้ซานดึงชายเสื้อของซ่งหนิงซวง แล้วเอ่ยเสียงเบาซ่งหนิงซวงกัดฟันกรอด ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานถึงค่อยก้มหน้าพูดว่า “ค่ะ ศิษย์จะเ
“ฉู่เฉินเขาทำแบบนี้ก็เพื่อซื้อใจคนชัด ๆ อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาแค่มีจุดประสงค์ พวกเธอดูไม่ออกเลยหรือไง?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา ไม่รอให้ซ่งหนิงซวงเอ่ยปาก ถานอวี้ซานก็เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ห้ามพูดเหลวไหลนะ!” ซ่งหนิงซวงก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกันว่า “ฉันเชื่อว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน! และฉันคิดดีแล้วว่าตั้งแต่นี้ไป จะย้ายค่ายไปอยู่กับฉู่เฉิน!”อะไรนะ!?เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก อย่าว่าแต่หานอวี้ที่ตกตะลึงไปเลย แม้แต่ถานอวี้ซานก็มองไปทางซ่งหนิงซวงอย่างไม่อยากจะเชื่อการเชื่อในตัวฉู่เฉินเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การติดตามฉู่เฉินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ!ในเวลานี้เอง จู่ ๆ เฉินเยว่เอ๋อร์ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องโถง แล้วพูดกับซ่งหนิงซวงว่า “ท่านขุนพล ข้างนอกมีหญิงวัยกลางคน บอกว่าจะให้คุณออกไปต้อนรับด้วยตัวเองค่ะ” “เดิมทีฉันคิดจะส่งคนไปไล่เธอ แต่ว่า...ยามหลายคนตรงหน้าประตูยังไม่ทันเข้าไปก็โดนเธอซัดฝ่ามือทำร้ายจากระยะไกลค่ะ!” “เธอยังประกาศว่า ต่อให้คุณเห็นเธอก็ต้องโขกหัวคุกเข่ากราบ!” หืม?เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สามพี่น้องก็อึ้งไปพร้อมกันหญิงวัยกลางคน?ซ่งหนิงซวงรีบลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า
อีกทางด้านหนึ่ง ซ่งหนิงซวงกับถานอวี้ซานก็กลับมาถึงกองบัญชาการทหารรักษาการณ์ในคืนนั้นเช่นกันพอได้ยินว่าซ่งหนิงซวงกลับมา หานอวี้ก็รีบออกมาต้อนรับก่อนจะเอ่ยถามด้วยความร้อนใจว่า “เป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างยังราบรื่นดีไหม?”ก่อนหน้านี้หานอวี้ก็ได้ยินมาแล้วว่าการแย่งชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติครั้งนี้ แม้แต่เจ้าสำนักใหญ่ ๆ หลายแห่งก็ออกหน้าด้วยตัวเอง นี่แสดงให้เห็นว่าทางฝั่งภูเขาหลางจวีซวีมุ่งมั่นว่าจะคว้าตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติมาให้ได้! เมื่อเทียบกับวังจื่อเซียวกับสำนักใหญ่พวกนั้นแล้ว ไม่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเลย การเดินทางของซ่งหนิงซวงในครั้งนี้ เรียกได้ว่ายากจะเอาชีวิตรอดมาได้!แค่กลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ส่วนตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาตินั้น หานอวี้ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำซ่งหนิงซวงยังไม่ทันเอ่ยปาก ถานอวี้ซานก็เล่าเรื่องอย่างอดใจรอไม่ไหว โดยเฉพาะเมื่อเล่าถึงตอนที่ซ่งหนิงซวงบุกตะลุย ต่อสู้แม้กระทั้งหลี่ห้าวหรานกับตู้เทียนหัว ขนาดหานอวี้ก็ยังมองไปทางซ่งหนิงซวงอย่างไม่อยากจะเชื่อ! “เธอว่าไงนะ? เธอเอาชนะตู้เทียนหัวเหรอ?”ถึงอย่างไรตู้เทียนหัวก็เป็นหนึ่งในสิบศิ
ชายวัยกลางคนก้าวเดินไปมา พร้อมขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แนะนำให้พวกแกรีบบอกที่ซ่อนของหยกโลหิตกิเลนมาให้เร็วที่สุด ไม่งั้นไอ้หนูฉู่เฉินจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปีแน่!”ทันทีที่เขากล่าวจบ ศิษย์ตัวน้อยคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาชายวัยกลางคน พร้อมกล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะเจ้าสำนัก ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนและฮว่าเทียนเจินเหรินขอเข้าพบครับ!”ดวงตาของชายวัยกลางคนเย็นชาขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าและกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ให้พวกเขารอที่โถงใหญ่!”“ครับ!”ศิษย์ตัวน้อยตอบรับแล้วรีบวิ่งออกจากคุกใต้ดินอย่างรวดเร็วชายวัยกลางคนเหลือบมองคู่สามีภรรยาวัยกลางคนอย่างเย็นชาและกล่าวเสียงเย็น “พวกแกลองพิจารณาดูให้ดี ชีวิตของไอ้หนูฉู่เฉินอยู่ในกำมือของพวกแกแล้ว!”กล่าวจบ ชายวัยกลางคนก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากคุกใต้ดินไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งชายวัยกลางคนเดินลับตาไป ผู้หญิงหน้าตาอิดโรยก็มองไปยังชายวัยกลางคนข้างๆ แล้วกล่าวว่า “พ่อของลูก ควรทำยังไงดี? พ่อของเด็ก พวกเขาคงไม่คิดจะทำร้ายเสี่ยวเฉินจริง ๆ ใช่ไหม...”ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่นและกัดฟันกรอดกล่าวว่า “สัตว์เดรัจฉานพวกนี้! ต่อให้ผมตาย ก็ไม่มีทางมอบหยกโลหิตกิเลนให้พวกเขาแ
ขณะนี้ ในห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยน ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนและฮว่าเทียนเจินเหรินกำลังอึดอัดใจคราวนี้ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถแย่งชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติมาได้เท่านั้น แต่ยังถูกฉู่เฉินไอ้เด็กนั่นทำให้อับอายต่อหน้าสาธารณชน ทั้งเสียหน้าและยังเสียผลประโยชน์ไปอีกด้วยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ใครจะกล้าทำกับพวกเขาแบบนี้?วังเทียนเจี้ยนและสำนักหัวเทียนเป็นสำนักใหญ่ในสี่เขตศักดิ์สิทธิ์ อย่าว่าแต่ในโลกมนุษย์ แม้แต่บนภูเขาหลางจวีซวีก็ยังโดดเด่นที่สุดอีกด้วย!“ไอ้เด็กฉู่เฉินนี่สมควรตายจริงๆ!”ฮว่าเทียนเจินเหรินคำรามลั่น บีบถ้วยชาในมือจนแหลกเป็นผุยผงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็มีสีหน้าบึ้งตึงจนน่ากลัวเช่นกัน เมื่อนึกถึงฉากที่ถูกฉู่เฉินตบหน้าต่อหน้าสาธารณชน ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็โกรธจนถึงขีดสุด!ในขณะนี้เอง ถานเฟิงก็รีบก้าวขึ้นมาบนห้องโถงใหญ่ เข้าใกล้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนและกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่ง“โอ้?”ใบหน้าที่บึ้งตึงของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นยินดี พลางกล่าวกับถานเฟิงว่า “รีบพาเขาขึ้นมา!”“ครับ!”ถานเฟิงตอบรับหนึ่งเสีนงและรีบเดินลงจากห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว ไม่นาน ถานเฟิงก็พาสวี