นอกเหนือจากนี้ การรักษาของฉู่เฉินยังทำให้เสียงของเจียงรั่วเหยียนที่ในตอนแรกฟังดูอ่อนแอไร้กำลัง ตอนนี้เริ่มฟังดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาแล้วเอื๊อก!เธอถึงขั้นเริ่มรู้สึกอิจฉาเจียงรั่วเหยียนขึ้นมาแล้ว รักษาอาการป่วยสบายขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ทำไมฉู่เฉินถึงไม่รักษาเธอด้วยวิธีเดียวกันล่ะ?เวลาค่อยๆ ร่วงเลยไป กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไอน้ำทั้งหมดจางหายไป ฤทธิ์ของยาก็จางลงเรื่อยๆ เช่นกันกระทั่งสุดท้าย รุ่นพี่ที่เจียงรั่วเหยียนเห็นอยู่ตรงหน้า ก็ค่อยๆ กลายเป็นฉู่เฉิน“อ๊ะ!”เจียงรั่วเหยียนตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็รู้สึกราวกับมีไอเย็นยะเยือกทะลักขึ้นมาที่ท้องน้อยมือของฉู่เฉินที่อยู่ในอ่างอาบน้ำหยิบผนึกน้ำแข็งสีขาวน้ำนมก้อนหนึ่งขึ้นมาเมื่อถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนเจียงรั่วเหยียนตกใจรีบยกมือขึ้นมาปิดตา ไม่กล้ามองฉู่เฉินอีกแม้แต่แวบเดียว“เอาเสื้อผ้าของผมมา”ฉู่เฉินสั่งเสียงเบา หลินชือหย่ารีบกอบเสื้อผ้าของฉู่เฉินมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าอ่างอาบน้ำฉู่เฉินสวมใส่เสื้อผ้า พลางยื่นผนึกน้ำแข็งสีน้ำนมก้อนนั้นไปตรงหน้าเจียงรั่วเหยียน “เมื่อกี้ผมแค่รักษาให้คุณ คุณไม่ต้องคิดมาก”“ขอ
“นี่มัน…”เจียงไห่ตงประคองผนึกน้ำแข็งก้อนนั้นไว้ในมือ ก่อนจะหันไปมองฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อของสิ่งนี้ออกมาจากร่างกายของลูกสาวเขาจริงๆ เหรอ?“นี่คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตลูกสาวของคุณตกอยู่ในอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ลองคิดดูแล้ว ไม่ว่าใครหากมีผนึกน้ำแข็งอย่างนี้ติดอยู่ในอก ก็คงไม่มีทางรอดแน่”ฮว่าจิ่วหยางอธิบายเสริมเจียงไห่ตงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเลื่อมใสฉู่เฉินขึ้นมาทันทีในเวลานี้เอง เจียงรั่วเหยียนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินเข้ามาในสวนดอกไม้หลังบ้าน ถึงตอนนี้เธอจะไม่ได้เกลียดผู้ชายเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่พอนึกถึงวิธีการรักษาเมื่อครู่ของฉู่เฉิน ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดีโดยเฉพาะยิ่งเธอถูกเอารัดเอาเปรียบต่อหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย“เสี่ยวเหยียน แกหายดีแล้วจริงเหรอ?”เจียงหยวนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง สองชั่วโมงก่อน เจียงรั่วเหยียนยังหายใจรวยรินอยู่เลย พริบตาเดียว เธอกลับปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างมีชีวิตชีวาอย่างนี้?ฉู่เฉินเป็นหมอเทวดาดังคาด!อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นโรคที่แม้แต่ฮว่าจิ่วหยางก็ยังไร้หนทางรักษา“เสี่ยวเหยียน ยังไม่รีบมาขอบคุณคุณฉู่ที่ช่วยชีวิตไว้อีก”เจียงไห่ตง
“ว่าไง? ฉู่เฉินโดนพิพากษาแล้วเหรอ?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างร้อนใจถ้าไม่ใช่เพราะโจวต๋าทำงานอยู่ที่กรมตำรวจสาขาซีเฉิง เธอคงไม่อยากสนใจคนที่ทั้งจนและขี้เหร่อย่างเขาหรอกโจวต๋าคนนี้ไล่จีบเธอมาสามปีแล้วแค่คำว่าจนยังไม่สามารถบรรยายเขาได้หมด!นอกจากโทรศัพท์ และคุยกันในไลน์ แม้แต่ดอกไม้ดอกเดียวก็ยังไม่เคยซื้อให้แม้กระทั่งชานมในฤดูใบไม้ผลิก็ยังไม่เคยซื้อให้เธอด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเอาแต่พร่ำบอกว่ารักเธอแม่เอ็งเถอะ!หลิ่วหรูเยียนโตมาขนาดนี้ก็เพิ่งพบเจอคนหน้าไม่อายแบบนี้“หรูเยียน ไม่รู้ว่าไอ้ฉู่เฉินนั่นมันไปโชคดีมาจากไหน วันนี้ตอนผมเข้างาน ได้ยินว่าไอ้แซ่ฉู่นั่นถูกปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนแข็งทื่อไปทันที น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา “ฉู่เฉินถูกปล่อยตัวไปแล้ว แล้วนายจะโทรหาฉันอีกทำไม บ้าหรือเปล่า!”พูดจบ เธอวางสายและบล็อกเบอร์ของโจวต๋าทันที!น่าโมโหจริงๆ เธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่แท้ๆ แถมในฝันก็กำลังทำเรื่องอย่างว่ากับราชามังกรอยู่ด้วย กำลังจะถึงฝั่งฝันอยู่แล้ว ดันถูกไอ้ยาจกนี่ทำพังหมดหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจัดถ่มน้ำลา
วันนี้ฉู่เฉินตื่นเช้ามาก อาจเพราะเมื่อวานเหงื่อออกมาก ฉู่เฉินค้นพบว่าปราณแท้ในร่างกายเต็มเปี่ยมขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนหืม?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ย้อนนึกถึงเมื่อวาน เหมือนปัญหาจะอยู่ที่โจวน่าถ้าดูไม่ผิด โจวน่ามีลักษณะร่างกายแบบที่เสริมดวงให้สามีลักษณะร่างกายดังกล่าว ก็คือยิ่งผู้ชายมีอะไรด้วยก็จะยิ่งเป็นผลดี หากร่างกายอ่อนแอก็จะดีขึ้น หนำซ้ำยิ่งมีอะไรด้วยก็จะยิ่งแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นเรื่องนี้เหนือความคาดหมายของฉู่เฉินไปมาก นึกไม่ถึงว่าเจียงจงจะเป็นแหล่งขอ’คนมีพรสวรรค์มากมาย ทุกที่ล้วนมีอัญมณีซ่อนอยู่ดูท่าต่อไปเขาคงต้องตั้งใจเฟ้นหาให้มากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงเสียของแย่หลังจากกินมื้อเช้าง่ายๆ เสร็จ ฉู่เฉินก็ชี้แนะการฝึกยุทธ์ให้อินซู่ซู่เล็กน้อยด้วยความเร็วในการฝึกยุทธ์ในตอนนี้ของอินซู่ซู่ อย่างมากก็อีกหนึ่งเดือนน่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเมื่อเห็นว่าอินซู่ซู่เริ่มมีสมาธิขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจที่จริงหากว่ากันตามจริง อินซู่ซู่นับเป็นต้นกล้าชั้นดี น่าเสียดายที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ค่าของอัญมณีบนโลกมนุษย์ ถึงได้เสียต้นกล้าชั้นดีแบบนี้ไปฟรีๆ!ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ฉ
ประธานฉู่อายุน้อยขนาดนี้ ไม่มีความต้องการแม้แต่น้อยเลยเหรอ?ตามบทในละคร เขาควรจะกอดเธอจากข้างหลัง เพื่อเอารัดเอาเปรียบเธออย่างเต็มที่ไม่ใช่เหรอ?กวนเหล่ยขมวดคิ้ว จ้องแผ่นหลังผึ่งผายของฉู่เฉินอย่างสงสัย เธอใช้นิ้วดุนแว่นกรอบดำ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์กระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง ฉู่เฉินถึงหันมายิ้มมุมปากน้อยๆพี่ไม่ได้แอ้มง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะน้องคนที่รอให้พี่แอ้มมีอีกเยอะ ไปต่อคิวรอเอาก็แล้วกัน!จากนั้นฉู่เฉินก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานห้องทำงานทั้งใหญ่และสว่าง ตรงกลางมีโต๊ะยาวสามเมตรวางอยู่หนึ่งตัว ไม่ว่าจะด้านบนหรือล่าง ล้วนมีพื้นที่กว้างขวางมากพอ และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แม้แต่ที่วางปากกาก็ถูกถอดออกไปด้วยบนโต๊ะทำงานมีแต่หน้าที่เป็นกระจกใสลื่น ไม่ว่าจะนอนหรือนั่งก็สบายหมดทุกท่าโซฟาที่อยู่ข้างๆ จะนั่งหรือเอนหลังก็ได้ทั้งนั้น เหมาะแก่การเรียนรู้ท่าใหม่ๆ พอดีอืม!ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูท่ากู้รั่วเสวี่ยใส่ใจไม่น้อยเลยจริงๆในเวลานี้เอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉู่เฉินยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ประจำโต๊ะ “ว่าไงครับ?”ปลายสาย
“ปาก!”ฉู่เฉินโพล่งออกไปคำเดียว สายตาวนเวียนอยู่รอบๆ กลีบปากบางสีชมพูของถานหลิงต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก เดาว่าปากเล็กๆ นั่นของเธอคงยังไม่เคยถูกจางปินใช้งานสินะโดยเฉพาะฟันสีขาวที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบนั่น กับลิ้นเรียวเล็กของเธอ แค่เห็นแวบเดียวก็อยากลิ้มลองสักครั้งแล้ว“อะไรนะ?!”ถานหลิงนึกว่าตัวเองหูฝาดปาก?หมายความว่ายังไง เธอตกอยู่ในภวังค์มึนงงทันที“คุณถาน ทุกคนต่างก็เคยผ่านโลกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมาแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าผมแล้วมั้ง?”ฉู่เฉินเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว และชี้ลงไปใต้โต๊ะถานหลิงเข้าใจในพริบตา!“นี่เธอ…เธอจะทำเกินไปแล้วนะ!”ดวงหน้าเรียวเล็กของถานหลิงเย็นชา เธอตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวแต่เธอเพิ่งจะหมุนตัวหันหลัง ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ ดวงหน้าเรียวยาวปรากฏแววอับอายปนโกรธขึ้ง ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อผุดขึ้นมาด้วย“คุณฉู่ ฉันจริงใจนะคะ”เธอจริงใจจริงๆ ถึงขั้นที่ก่อนจะมาหาฉู่เฉิน เธอได้คาดเดาถึงทุกเงื่อนไขที่ฉู่เฉินอาจเรียกร้องแต่กลับไม่คาดคิดว่าฉู่เฉินกลับต้องการปากของเธอ
เมื่อถึงวัยของถานหลิง ยามเผชิญสถานการณ์อย่างนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรแต่แรกอยู่แล้ว เธอกังวลก็แต่ว่าจะถูกจ้าวเจวียนเห็นเข้าอย่างเดียวอย่างไรเสียในฐานะภรรยาของจางปิน เธอมักปรากฏตัวในงานเลี้ยงต่างๆ และเป็นแขกรับเชิญประจำของข่าวช่วงเช้าและข่าวช่วงเย็นของเจียงจงคนเจียงจงที่รู้จักจางปินอาจมีไม่มาก แต่ถานหลิงกลับเป็นบุคคลสาธารณะอย่างแท้จริงถ้าเกิดจ้าวเจวียนจำเธอได้ งั้นเธอก็ต้องถูกอีกฝ่ายกำจุดอ่อน และข่มขู่ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นน่ะสิ?แต่ยิ่งแตกตื่น ก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายถานหลิงตั้งใจจะขยับไปที่มุมโต๊ะหนึ่งก้าว แต่พอโต๊ะแกว่ง เธอไม่ระวังเพียงพริบตา หัวก็ไปโขกเข้าที่มุมโต๊ะปึง!“โอ๊ย!”ถานหลิงหลุดร้องออกไปโดยสัญชาตญาณ ทำเอาจ้าวเจวียนที่อยู่ในภวังค์ลืมตัวสะดุ้งตกใจ ร่างกายสะดุดกึก หมายจะลุกขึ้นท่ามกลางความลนลานฉู่เฉินขมวดคิ้วมองถานหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะแวบหนึ่ง ซ่อนน่ะซ่อนไม่มิดอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจดึงถานหลิงขึ้นมาจากใต้โต๊ะพอได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ด้วย จ้าวเจวียนแตกตื่นไปทันที!เธอทำกับฉู่เฉินในห้องสอบสวนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนแปลกหน้ามานั่งดูด
แต่เพิ่งจะกลับถึงห้องทำงานของตัวเองไม่ถึงห้านาที ข้างบนก็เริ่มมีเสียงความเคลื่อนไหวอีกแล้วกวนเหล่ยจิตใจสับสนลังเล“ประธานฉู่คงไม่ได้ชอบแต่สาวใหญ่หรอกนะ?”กวนเหล่ยแหงนหน้ามองเพดาน ห้องทำงานชั้นบนกำลังทำการแสดงครั้งใหญ่แห่งยุคอยู่ ราวกับสั่นกระดิ่งเตือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังสั่นคลอนในเวลานี้เอง สายจากแฟนหนุ่มขี้ประจบของกวนเหล่ยก็ดังขึ้นกวนเหล่ยตกใจจนเกือบทำมือถือหลุดจากมือ เธอรับสายด้วยความลนลาน มือเผลอกดไปโดนลำโพง เสียงอึกทึกครึกโครมจากชั้นบนจึงถูกดูดเข้าไปในโทรศัพท์ทั้งหมด“เหล่ยเหล่ย เสียงอะไรน่ะ?”กวนเหล่ยตกใจจนหน้าซีดหนึ่งวันก่อนหน้านั้น เธอเพิ่งบอกแฟนหนุ่มขี้ประจบของเธอว่าประธานของบริษัทนี้เป็นสาวสวย ให้เขาวางใจได้แต่ว่า…ภายใต้สถานการณ์คับขัน กวนเหล่ยพูดกับแฟนหนุ่มที่อยู่ปลายสายว่า “หา…เปล่า บริษัทของเรากำลังจัดกิจกรรมฝึกร้องเพลงอยู่ อีกไม่กี่วันต้องเข้าร่วมการแสดงของแวดวงการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฉันกำลังยุ่งอยู่ วางก่อนนะ”กวนเหล่ยวางสายอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะกวาดตามองนาฬิกาบนผนัง เธอถึงขั้นอึ้งงันไปทันที“หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไม…ทำไมถึกขนาดน
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก