ฮ่าๆๆ...เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ต้องทำตามความปรารถนาของฉัน”อะไรนะ?!เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วหรูเยียนและหลิ่วชิงเหอต่างก็ตกตะลึง แต่วินาทีต่อมา ทั้งสองแม่ลูกก็หัวเราะกันจนน้ำตาไหลเป็นเรื่องจริงที่โลกนี้มีผู้คนมากมาย ฉู่เฉินรู้หรือไม่ว่าเฉียวเทียนฉี่คือใคร ?เฉียวเทียนฉี่ ผู้ว่าการเจียงจงผู้มีชื่อเสียงจะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉินงั้นเหรอ?“ฉู่เฉิน ฉันว่าแกยังฝันอยู่ใช่ไหม? กลางวันแสกๆ พูดจาเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย!”ถ้าเป็นเรื่องอื่นหลิ่วชิงเหออาจเชื่อ แต่เธอจะไม่เชื่อเลยว่าเฉียวเทียนฉี่จะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกและพูดว่า “แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคำพูดของแกไปถึงหูของผู้ว่าการเฉียว?”“บริษัทเล็กๆ ของแกจะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดลงภายในระยะเวลาไม่ถึงสามวัน”“จะพูดจาโอ้อวดอะไรก็ไม่เข้าใจให้ถ่องแท้เสียก่อน นี่โอ้อวดเกี่ยวกับผู้ว่าการอีก ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”หากต้องการฆ่าฉู่เฉิน เฉียวเทียนฉี่ไม่มีความสามารถขนาดนั้น ก็ในเมื่อความส
ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับ เห็นแก่หน้าของเลขาหลู เรื่องค่ารักษาผมขอไม่รับนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลูไคซานก็ตกตะลึงชั่วขณะและเฉียวเทียนฉี่มองไปที่หลูไคซานด้วยท่าทางสับสนอย่างสิ้นเชิงเป็นไปได้ไหมว่าหมอเทวดาฉู่เฉินไม่ใช่คนที่ฟางอวี่เจิ้งหามาเอง แต่เป็นคนที่หลูไคซานหามา?ถ้าเป็นเรื่องจริง เฉียวเทียนฉี่คงติดหนี้บุญคุณหลูไคซานอย่างมาก!อย่างไรก็ตาม เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว หากฟางอวี่เจิ้งและเจียงไห่ตงรู้จักฉู่เฉินมาก่อน พวกเขาคงไม่แนะนำเขาให้ตระกูลเฉียวรู้จักหรอกเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ สายตาของเฉียวเทียนฉี่ที่จ้องมองหลูไคซานก็เต็มไปด้วยความขอบคุณเมื่อเห็นหลูไคซานตกตะลึง ฉู่เฉินก็ขยิบตาให้เขา และหลูไคซานก็พยักหน้าซ้ำๆ ให้กับเฉียวเทียนฉี่ราวกับตื่นจากความฝันและกล่าวว่า “ผู้ว่าการเฉียว เป็นผมเอง... ผมแนะนำปรมาจารย์ฉู่ให้ทราบถึงสถานการณ์ที่นายท่านใหญ่เฉียวป่วย”“เอ่อ... ปรมาจารย์ฉู่เคารพนายท่านใหญ่เฉียวที่ทุ่มเทและเสียสละเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นเขา... เขาจึงตัดสินใจช่วยใช่ไหมครับปรมาจารย์ฉู่?"ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวขึ้นม
เฉียวเทียนฉี่ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วหันไปหาหลูไคชานแล้วพูดว่า “หลูไคซาน ช่วยคุ้มกันคุณฉู่ให้ฉันด้วย และแจ้งเขตซีเฉิงให้จัดการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดด้วย!”“พวกเขากล้าทุบรถของคุณฉู่ได้อย่างไร พวกเขาไม่มีความเคารพต่อกฎหมายเลย!”หลูไคซานพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “ครับ ผู้ว่าการเฉียวสบายใจได้เลยครับ!”จากนั้นเฉียวเทียนฉี่ก็พยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “หลูไคซาน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นายจะเป็นหัวหน้าเลขาของฉัน และย้ายห้องทำงานของนายมาไว้ข้างๆ ห้องทำงานของฉันด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลูไคซานก็ดีใจมากด้วยประโยคเดียวของฉู่เฉิน หลูไคซานได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเลขา หลูไคซานรู้สึกขอบคุณฉู่เฉินอย่างสุดซึ้งในใจเขาขอบคุณฉู่เฉินซ้ำๆ “คุณฉู่ รอก่อนครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณกลับเอง”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และขณะที่หลูไคซานกำลังไปเอารถ เขาก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เฉียวเทียนฉี่และน้องสาวของเขา โดยเน้นย้ำเป็นพิเศษว่าพวกเขาต้องไม่ให้นายท่านใหญ่กินยาบำรุงอื่นมิฉะนั้น หากบาดแผลมีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เทวดาก็ไม่สามารถช่วยเขาได้เฉียวเทียนฉี่สองพี่น้องก็รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของฉู่เฉินเป็นอย่างม
ฉินอวี่ซานตอบด้วยความสับสนว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน มีหมอเทวดาแซ่ฉู่ใส่ของพวกนี้ลงไปโดยเฉพาะ ตอนที่เขาออกไป เขาเตือนเราโดยเฉพาะว่าอย่าย้ายของพวกนี้ ดังนั้น...”อะไรนะ?!จ้าวอีม่านได้ยินดังนี้ สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “หมอเทวดาไร้สาระอะไรกัน!”“ฉันไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ ฉันรู้ว่าต้องเป็นหมอแผนจีนที่คุณไปเจอที่ไหนสักแห่ง ในยุคสมัยนี้ พวกเขายังคงเชื่อในแพทย์แผนจีนอีกเหรอ!”“อาการของผู้ป่วยไม่คงที่ ยังจะฝังเข็มไว้ในร่างกายของผู้ป่วยมาหลายวันแล้ว น่าละอายจริงๆ ที่พวกคุณเป็นครอบครัวของเขา!”ระหว่างที่พูด จ้าวอีม่านก็ยื่นมือไปดึงเข็มออกมา“คุณหมอ เดี๋ยวก่อนค่ะ”“คุณหมอ โปรดรอสักครู่” ฉินอวี่ซานรีบห้ามเธอ “ฉัน... ฉันเป็นแค่คู่หมั้นและตัดสินใจไม่ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่ ฉันจะไปตามพ่อตาแม่ยายของฉัน ถ้าพวกเขาเห็นด้วย ก็ยังไม่สายเกินไปที่คุณจะเอาเข็มออก”จ้าวอีม่านจ้องมองฉินอวี่ซานอย่างเย็นชาและโบกมืออย่างใจร้อนพร้อมพูดว่า “รีบไปค่ะๆ”ผ่านไปไม่นานนัก จางปินและถานหลิงสองสามีภรรยาก็เดินเข้าในห้องผู้ป่วย“พวกคุณเป็นญาติของผู้ป่วยเหรอคะ?”จ้าวอีม่านมองจางปินและถานหลิงด้วยท่า
เมื่อกี้จางไห่หยางยังอาการดีๆ อยู่เลย แม้ว่าจะยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา แต่สัญญาณชีพยังคงที่อยู่เลยการเปลี่ยนแปลงในอาการของจางไห่หยางหลังจากถอนเข็มออกนั้นช่างน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่เข็มเงิน“ในเข็มเงินมีแม่เธอสิ!”ดวงตาของจางปินแดงก่ำด้วยความโกรธเขาเมีลูกชายเพียงคนเดียว และไม่ลังเลเลย เขาคว้าคอเสื้อของจ้าวอีม่านและกำปั้นของเขาก็กดลงบนเนื้อนุ่มๆ บนหน้าอกของจ้าวอีม่านแล้ว“ผมบอกคุณ แต่คุณก็ยังจะดึงเข็มออกให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณก็จะเดือดร้อนหนัก!”พูดจบ จางปินก็ตะโกนจนดังลั่นออกไปข้างนอกวินาทีต่อมา บอดี้การ์ดชุดดำสองคนผลักประตูเปิดและปิดกั้นทางออกจางปินชี้ไปที่จางไห่หยางบนเตียงแล้วพูดอย่างดุร้าย “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม คุณจะถูกฝังไปพร้อมกับเขา!”ซี้ดๆ!เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวอีม่านก็สับสนมึนงงเธอไม่เคยเห็นญาติของคนไข้กล้าขู่หมออย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน!“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณอยู่ไหน พาเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้!”ถานหลิงก็โกรธเช่นกันและคว้าแขนพยาบาลที่เดินผ่านมาพร้อมร้องกรี๊ดเสียงดัง“คุณนาย
ใช่แล้ว!ทันใดนั้น ถานหลิงก็ได้สติขึ้นมา ฉู่เฉินฝังเข็มเข้าไป พอเพียงแค่เรียกฉู่เฉินมาทางอีกครั้งก็น่าจะได้แล้วนี่?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถานหลิงก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา วิ่งไปที่ทางเดิน และกดหมายเลขโทรศัพท์ของฉู่เฉินผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ปลายสายถึงจะมีเสียงของฉู่เฉินดังขึ้นมา “มีอะไร คุณอยากได้อีกเหรอ?”ถานหลิงหน้าแดงเมื่อถูกถาม และพูดตะกุกตะกัก “คะ...คุณฉู่ มีบางอย่างเกิดขึ้น!”เมื่อพูดอย่างนั้น ถานหลิงก็บอกจ้าวอีม่านเกี่ยวกับการดึงเข็มออกมา แล้วพูดอย่างกังวล “คุณฉู่ ไห่หยางร่างกายชักอย่างรุนแรงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณจะฝังเข็มอีกเล่มให้เขาได้ไหมคะ”ฉู่เฉินเยาะเย้ยและพูดว่า “ถานหลิง ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ? ผมไม่ได้เป็นหนี้ครอบครัวของคุณเลย ถ้าคุณบอกให้ผมดึงเข็มออกผมก็จะดึงมันออก และถ้าคุณบอกให้ผมฝังเข็มเข้าไป ผมก็จะฝังมันเข้าไปงั้นเหรอ?”ถานหลิงก็ถูกถามโดยฉู่เฉินเช่นกันถ้าจะพูดกันตามหลักแล้ว เป็นเพราะเธอและจางปินสงสัยในตัวฉู่เฉิน พวกเขาจึงยอมให้จ้าวอีม่านดึงเข็มออกตอนนี้ฉู่เฉินเขาจะไม่ยอมช่วย นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันผิดไปแล้ว ขอร้องคุณล่ะ เห็น
จ้าวอีม่านทรุดตัวลงบนโซฟา และหลังจากต่อสู้ภายในใจอย่างขมขื่น ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของฉู่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนที่ฉู่เฉินจะรับสายและพูดว่า “นี่ใคร?”“สวัสดี ฉันเป็นหมอที่โรงพยาบาลประชาชน ฉันชื่อจ้าวอีม่าน คุณคือคุณฉู่ใช่ไหมคะ?”เมื่อฟังเสียงสั่นเครือของจ้าวอีม่านทางโทรศัพท์ ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปถ่ายที่หลี่จิงจิงแสดงให้เขาเห็นในวันนั้นผมลอนสีทองขนาดใหญ่ที่ไหวปลิวไปตามสายลม ดวงตาที่สดใสและฟันสีขาว และปากเล็กๆ ที่เย้ายวนใจมาก!“อืม ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามอย่างตั้งใจ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วโดยไม่ต้องเดา เขาสามารถเดาได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงไร้สมองที่มีหน้าอกใหญ่คนนี้แน่ๆ ที่เผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจางไห่หยางโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันเผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจาง คุณช่วยมาช่วยฝังเข็มกลับคืนให้หน่อยได้ไหม”จ้าวอีม่านพูดอย่างตรงไปตรงมาในความเห็นของเธอ ฉู่เฉินอาจพยายามเอาใจตระกูลจางเช่นกัน ตราบใดที่เธออธิบายอาการปัจจุบันของจางไห่หยาง ฉู่เฉินก็รีบมาทันที“ไม่ว่างครับ”ฉู่เฉินตอบอย่างเย็นชาอะไรนะ?ไม่ว่าง?!เมื่อได้ยินคำตอบส
หลังจากเรียนต่อต่างประเทศมาหลายปี จ้าวอีม่านก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก และความบริสุทธิ์ก็ไม่สำคัญกับเธอเท่าไหร่นักอย่างไรก็ตาม ให้ยอมจำนนต่อคนที่เหมือนกับหมอเถื่อนทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยการดิ้นรนและไม่ยินยอม“คุณหมอจ้าว เวลาของผมมีค่ามาก ถ้าคุณตกลงก็ช่างมันไปเถอะ ถึงยังไงผมไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณแค่คนเดียว”ระหว่างที่พูดฉู่เฉินก็เตรียมตัวจะกดวางสายเมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวอีม่านก็ร้อนใจขึ้นมาทันทีและรีบพูดกับฉู่เฉินที่ปลายสายว่า “คุณฉู่! ฉัน... ฉันรับปากค่ะ แต่คุณต้องรับประกันว่าคุณสามารถช่วยจางไห่หยางได้!”เธอไม่สามารถเสียสละตัวเองไปเปล่าๆ สุดท้ายจางไห่หยางก็ไม่รอด แบบนั้นความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่าใช่ไหม?“ได้”ฉู่เฉินอย่างใจเย็นและพูดว่า “รอผมข้างในห้องผู้ป่วยของเขา”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสาย แล้วพูดกับหลูไคซานที่กำลังขับรถอยู่ว่า “เลขหลู กลับรถ พวกเราไปที่โรงพยาบาลประชาชน”หลูไคซานได้ยินบทสนทนาของฉู่เฉินกับจ้าวอีม่านอย่างชัดเจน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น และขณะที่เขาเลี้ยวรถกลับ เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “คุณฉู่ ผมอยากทราบว่าเสียวอิ่งช่วยอะไรคุณไว้ในวันนั้นครับ?”อย่าเห็น
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่