ไฟประดับและแสงไฟได้ส่องสว่างในคฤหาสน์สุดหรูของครอบครัววิลสัน
คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 70 ของคุณท่านวิลสันผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแห่งตระกูลวิลสัน
เหล่าหลาน ๆ ของเธอพร้อมคู่สมรสต่างก็เตรียมพร้อมมอบของขวัญราคาแพงให้กับเธอ
“คุณย่าคะ หนูได้ยินมาว่าคุณย่าชอบชาจีน หนูได้ไปเสาะหาชาผู่เอ๋ออายุมากกว่าศตวรรษนี้ที่มีมูลค่าห้าล้านบาทมามอบเป็นของขวัญให้กับคุณย่าค่ะ”
“คุณย่าครับ ผมเห็นว่าคุณย่าได้อุทิศตนเข้าทางธรรม ผมได้เตรียมพระพุทธรูปนี้ซึ่งแกะสลักจากหยกเหอเถียนแท้ที่มีมูลค่าถึงเจ็ดล้านบาท...”
เมื่อมองดูของขวัญที่ถูกบรรจงห่อหุ้มอย่างสวยงามตรงหน้าเธอแล้วนั้น คุณท่านวิลสันก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บรรยากาศในงานวันเกิดจึงมีความสนุกสนานและผ่อนคลาย
ทันใดนั้นชาร์ลี เวดผู้ซึ่งเป็นหลานเขยคนโตของคุณท่านวิลสันก็พูดขึ้นมาว่า “คุณย่าครับ ผมขอยืมเงินสิบล้านบาทได้ไหมครับ ขอร้องล่ะครับ คุณนายเลวิสจากสถานสงเคราะห์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไตวาย และผมต้องการเงินไปรักษาเขา…””
ตระกูลวิลสันทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่ชาร์ลีด้วยความงงงวยและประหลาดใจ
หลานเขยคนนี้ช่างใจกล้าหน้าด้านเสียจริง! เขาไม่เพียงแค่ไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณท่านวิลสันในวันเกิดของเธอ แต่ยังกล้าที่จะขอยืมเงินสิบล้านบาทจากเธออีกด้วย!
เมื่อสามปีก่อน นายท่าชรานวิลสันซึ่งยังมีชีวิตอยู่และสบายดีได้กลับมาบ้านพร้อมกับชาร์ลี เขาได้ยืนยันที่จะให้ชาร์ลีแต่งงานกับหลานสาวของพวกเขานั้นก็คือ แคลร์ วิลสัน เมื่อย้อนกลับไปตอนนั้นชาร์ลีเป็นเพียงผู้ชายที่ต่ำต้อยและน่าสังเวชเหมือนขอทาน
อดีตนายท่านวิลสันได้เสียชีวิตลงหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนในตระกูลวิลสันก็พยายามที่จะขับไล่เขาออกจากครอบครัว อย่างไรก็ตามชาร์ลีมักเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ และเฉยเมยกับทุกอย่างราวกับรูปปั้น แม้จะโดนดูถูกและเหยียดหยามแค่ไหนเขาก็ใช้ชีวิตในตระกูลวิลสันอย่างเงียบ ๆ ในฐานะลูกเขยที่อาศัยอยู่เท่านั้น
ในวันนี้เขาจนปัญญาจึงจำเป็นที่ต้องขอยืมเงินจากคุณท่านนวิลสัน
คุณนายเลวิสผู้ซึ่งเคยมีบุญคุณและช่วยชีวิตเขานั้นเป็นโรคไตวาย ซึ่งเธอจำเป็นต้องการเงินอย่างน้อยสิบล้านบาทสำหรับการฟอกไตและการปลูกถ่ายไต เขามองไม่เห็นทางออกใด ๆ นอกจากขอความช่วยเหลือจากคุณนายวิลสัน
เขาแค่รู้สึกว่าเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธออาจจะมีความเมตตากรุณาที่จะให้ความช่วยเหลือกับเขา
คุณท่านวิลสันยังคงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่นานนักริมฝีปากของเธอโค้งลงอย่างกะทันหันและดวงตาของเธอก็แสดงอาการออกมาอย่างไม่พอใจ
หญิงชราสาดถ้วยน้ำชาในมือลงพื้นแล้วตะโกนดังลั่น “ไอสารเลว แกมาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดของฉันหรือมาเพื่อขอยืมเงิน”
แคลร์ได้รีบวิ่งไปและพูดว่า “คุณย่าคะ ชาร์ลีอาจจะไม่ทันคิดให้ดี โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะนะคะ” จากนั้นเธอก็ดึงสามีของเธอออกมา
ในขณะเดียวกัน เวนดี้ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแคลร์หัวเราะเยาะอย่างดูถูก “โธ่.. แคลร์ ดูเศษขยะที่เธอแต่งงานด้วยนั่นสิ! เจอรัลด์เป็นเพียงคู่หมั้นของฉัน เรายังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ แต่เขามอบพระพุทธรูปหยกให้คุณย่า ดูสามีสุดประเสริฐของเธอสิ เขามามือเปล่าไม่พอยังจะกล้ายืมเงินคุณย่าอีก!”
"คุณพูดถูกที่รัก! ชาร์ลีเราทั้งคู่เป็นหลานเขยของตระกูลวิลสัน แต่สิ่งทีนายทำมันน่าขายหน้ามาก!”
ชายที่พูดอยู่คือ เจอรัลด์ ไวท์ผู้ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเวนดี้ ตระกูลเขานับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองนี้
เมื่อพูดถึงว่าเจอรัลด์กำลังจะแต่งงานกับเวนดี้นั้น สำหรับเขาแล้วแคลร์ก็ยังสวยและสง่างามมากกว่าคู่หมั้นของเขาด้วยซ้ำ
แคลร์ วิลสันเปรียบเสมือนเทพธิดาในโอลรัสฮิลล์ซึ่งทำให้เจอรัลด์รู้สึกหงุดหงิดและโมโหมากเมื่อนางในฝันของเขาได้แต่งงานกับคนที่ไม่คู่ควรกับเธอ
“ถึงเวลาอันสมควรแล้วล่ะ ที่คนไร้ค่าแบบนี้ควรจะออกจากตระกูลพวกเราไปซะ”
“ใช่แล้ว! แกมันเป็นสิ่งที่น่าอับอายที่ทำให้ตระกูลของเราเสื่อมเสีย”
“บางทีแกอาจจะไม่ได้มายืมเงิน แต่มาทำลายบรรยากาศที่สนุกสนานในวันเกิดของคุณย่าเสียมากกว่า!”
ชาร์ลีกำหมัดแน่นในขณะที่ตระกูลวิลสันทั้งหมดกำลังดูถูกและเหยียดหยามเขา ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นนี้เขาคงรีบออกจากบ้านที่น่ารำคาญหลังนี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตามคำพูดของพ่อเขาก็ยังสะท้อนอยู่ในหัว พ่อของเขาสอนให้เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับและต้องตอบแทนบุญคุณที่ได้รับเป็นสิบเท่า ดังนั้นเขาจึงพยายามระงับความโกรธต่าง ๆ ที่ก่อตัวขึ้นภายในตัวเขาอย่างช้า ๆ พร้อมพูดกับคุณท่านวิลสันว่า “คุณย่าครับ ใครก็ตามที่ช่วยชีวิตคนคนเดียวก็สามารถช่วยโลกใบนี้ได้ทั้งหมด ผมขอร้อง ผมขอความเมตตาจากคุณด้วยเถอะนะครับ”
ใครบางคนในห้องส่งเสียงขึ้นมา "ชาร์ลี เลิกพูดจาหว่านล้อมคุณย่าซะทีเถอะ ถ้านายอยากช่วยเหลือใครสักคนนายควรจะหาทางได้ด้วยตนเอง นายคิดว่านายเป็นใครกันถึงกล้ามาขอเงินจากคุณย่าน่ะ?”
ชายผู้นั้นคือพี่ชายของเวนดี้ แฮโรลด์ วิลสัน
ทั้งพี่ชายและน้องสาวมีความอิจฉาและอคติกับแคลร์มาโดยตลอด เพราะแคลร์เหนือกว่าพวกเขาในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะโจมตีชาร์ลีทุกครั้งที่พวกเขาสามารถทำได้
แคลร์ซึ่งมีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยเริ่มกล่าวว่า "คุณย่าคะ พ่อของชาร์ลีจากไปตั้งแต่เขาอายุแปดขวบและคุณนายเลวิสที่สถานสงเคราะห์ก็เป็นคนที่มีบุญคุณเลี้ยงดูเขามา เขารู้สึกขอบคุณและอยากตอบแทนบุญคุณในความเมตตาของเธอมาโดยตลอด และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องการความช่วยเหลือในครั้งนี้ คุณย่าช่วยเขาได้ไหมคะ…”
คุณท่านวิลสันตะโกนขึ้นมาด้วยใบหน้าขุ่นเคือง “แกอยากให้ฉันช่วยมันงั้นหรือ? ได้! งั้นก็ไปหย่ากับมันตอนนี้ซะสิ แล้วแต่งงานกับคุณโจนส์แทน! ถ้าแกทำตามที่ฉันบอก ฉันจะให้มันสิบล้านบาททันทีเลย!”
คุณโจนส์ที่คุณท่านวิลสันกล่าวถึงคือ เวนเดลล์ โจนส์ ชายที่ตามจีบแคลร์มาโดยตลอดแม้แคลร์จะแต่งงานแล้วก็ตาม ตระกูลโจนส์เป็นหนึ่งในครอบครัวที่โดดเด่นในวงสังคมชั้นสูงในโอลรัสฮิลล์ ซึ่งตระกูลนี้มีอำนาจมากกว่าตระกูลวิลสันมาก เช่นนั้นเองคุณท่านวิลสันจึงต้องการที่จะได้ประโยชน์ในครั้งนี้
ในขณะเดียวกันพ่อบ้านได้วิ่งเข้ามาและพูดว่า "คุณโจนส์ส่งของขวัญวันเกิดมาให้คุณท่านวิลสันครับ! เป็นจี้พระที่แกะสลักจากหินหยกมูลค่าสามสิบล้านบาทครับ!”
คุณท่านวิลสันยิ้มกว้างและโพล่งอย่างรวดเร็ว "ไปเอามาสิ! เอามาให้ฉันดู!!"
พ่อบ้านนำจี้พระสีเขียวมรกตมา ทั้งห้องโถงก็ส่งเสียงอุทานกับสิ่งที่เห็น
จี้สีเขียวมรกตนั้นใสแจ๋วด้วยสีสันที่สดใสและคมชัดโดยไม่มีร่องรอยตำหนิใด ๆ เพราะเป็นหยกที่มีคุณภาพดีที่สุด
เจอรัลด์ผู้ซึ่งได้มอบของขวัญเป็นพระพุทธรูปให้กับคุณย่าก่อนหน้านี้ก็รู้สึกหงุดหงิดทันที เขาไม่ได้คาดหวังว่าเวนเดลล์ โจนส์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลวิลสันจะทุ่มของขวัญได้ขนาดนี้!
คุณท่านวิลสันลูบชมจี้พระอย่างร่าเริงและพูดว่า “โอ้ คุณโจนส์ช่างมีรสนิยมดีมากจริง ๆ ! มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขามาเป็นหลานเขยของฉันนะ!”
จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่แคลร์และถามว่า “สรุปว่ายังไง? แกอยากจะพิจารณาข้อตกลงเงื่อนไขของฉันไหมล่ะ?”
แคลร์ส่ายหัวอย่างมั่นใจ “ไม่ค่ะคุณย่า หนูจะไม่มีวันหย่ากับชาร์ลี”
แววตาของคุณท่านวิลสันราวกับว่ากำลังมีเมฆฝนที่กำลังโหมพายุเข้ามา เธอตะโกนอย่างโมโหว่า “แกมันเนรคุณ! ไอ้ขี้แพ้นั่นมันมีดีอะไร? จะไปเสียเวลากับมันทำไม ไล่ไอ้คนขี้แพ้นั้นออกไปจากบ้านฉันซะ! ฉันไม่อนุญาตให้มันอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน! ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน!”
ชาร์ลีถอนหายใจด้วยความตกใจและเสียใจ เขาไม่ต้องการอยู่กับตระกูลวิลสันอีกต่อไป เขาจึงพูดกับแคลร์ว่า “แคลร์ ผมจะไปเยี่ยมคุณนายเลวิส”
แคลร์รีบตอบทันที “ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
คุณท่านวิลสันตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ถ้าแกเดินออกไปตอนนี้ แกจะไม่ใช่หลานสาวของฉันอีกต่อไป! แล้วแกก็พาแม่พาพ่อและไอ้ขี้แพ้นี่ออกไปจากตระกูลวิลสันซะ!”
แคลร์จ้องไปที่คุณย่าของเธออย่างตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดที่รุนแรงจากปากของคุณย่า
ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “แคลร์ คุณอยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่ต้องห่วงผม”
ก่อนที่แคลร์จะเรียกตัวเองจากภวังค์เขาก็หันหลังและเดินออกไปแล้ว
แฮโรลด์หัวเราะตามหลังเขา “เฮ้ย ชาร์ลีเพื่อนรัก ถ้านายออกไปแล้วนายหิวนายจะไปขออาหารตามถนนไหม ถ้านายทำแบบนั้นนายจะทำให้ชื่อตระกูลของเราเสื่อมเสียนะ! อะ นี่ ฉันมีเงินสามร้อยบาท ไปซื้อขนมปังหรืออะไรกินซะสิ!”
แฮโรลด์ควักเงินสามสิบบาทจากกระเป๋าของเขาและโยนไปที่เท้าของชาร์ลี
เสียงหัวเราะของคนทั้งตระกูลดังกึกก้องไปทั่วบ้าน
ชาร์ลีกัดฟันด้วยความอดทนและออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมามอง
***
เมื่อชาร์ลีมาถึงโรงพยาบาลเขาก็ไปที่แผนกชำระเงินทันทีเพื่อพยายามเจรจาขอขยายเวลาการชำระเงินออกไปอีกสองวัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าไปหาพยาบาลเขาก็ได้รับแจ้งว่า ในชั่วข้ามคืนคุณนายเลวิสได้ถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลแฟร์วิวซึ่งเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของอีสต์คลิฟฟ์เพื่อรับการรักษาแล้ว
ชาร์ลีอ้าปากค้างด้วยความตกใจและถามอย่างรวดเร็ว “ค่ารักษาเท่าไหร่ครับ? ผมจะหาวิธีจัดการเอง!”
นางพยาบาลกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสิบล้านบาทค่ะ จ่ายไปแล้วสี่ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกหกล้านต้องชำระไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
“ใครเป็นคนจ่ายเงินสี่ล้านบาทเหรอครับ?”
พยาบาลส่ายหัว "ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
ชาร์ลีขมวดคิ้วด้วยความสับสนขณะที่เขาหันกลับมาเพื่อคิดหาคำตอบนั้น ชายคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีในชุดสูทสีดำผมสีเทากำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา
พวกเขาสบตากันและชายคนนั้นก็โค้งคำนับต่อหน้าเขาและพูดว่า "นายน้อย! ในที่สุดเราก็พบคุณแล้ว! ขออภัยสำหรับปัญหาและความลำบากที่คุณต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานะครับ!”
ชาร์ลีขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชาราวกับเป็นคนละคน “คุณคือสตีเฟน ทอมป์สันใช่ไหม?”
ชายคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “นายน้อย คุณยังจำผมได้!”
ชาร์ลีสะดุ้งเล็กน้อยและพึมพำ “แน่นอน จำได้สิ! ผมจำพวกคุณได้ทุกคน! คุณบังคับพ่อกับแม่ของผมออกจากอีสต์คลิฟฟ์พร้อมกับผมให้หนีออกจากเมือง พ่อแม่ของผมเสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนผมก็กลายเป็นเด็กกำพร้า แล้วตอนนี้คุณต้องการอะไรจากผม?”
สตีเฟนยิ้มอย่างเศร้าสร้อยและกล่าวว่า “นายน้อยครับ คุณท่านเวดเสียใจมากเมื่อรู้เรื่องการตายพ่อของคุณ เขาไม่เคยเลิกตามหาคุณ กลับบ้านไปพบท่านกันเถอะครับ!”
ชาร์ลีพูดอย่างเย็นชา“ ไปเถอะ ผมไม่อยากไปเจอเขา”
สตีเฟนพูดว่า “นายน้อย คุณยังโกรธคุณปู่ของคุณอยู่ใช่ไหมครับ?”
"แน่นอน!" ชาร์ลีกล่าวเสียงดัง “ผมจะไม่มีวันให้อภัยเขาตลอดชีวิต!”
สตีเฟนถอนหายใจอย่างหดหู่ “ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ คุณท่านบอกว่าคุณจะไม่ให้อภัยเขา”
"ดี! โชคดีที่เขายังมีสมอง!”
สตีเฟนกล่าวต่อว่า “คุณท่านเวดรู้ดีว่าคุณมีชีวิตที่ยากลำบากมาหลายปีและท่านขอให้ผมชดเชยให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการกลับบ้านท่านจะซื้อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโอลรัสฮิลล์และมอบให้กับคุณ แล้วก็ยังมีนี่ด้วยครับ รับบัตรนี่ไปสิครับ ส่วนรหัสคือวันเกิดของคุณ”
สตีเฟนยื่นแบล็กการ์ดพรีเมียมจากซิตี้แบงก์ออกไป
นายน้อยครับ "การ์ดประเภทนี้มีเพียงห้าใบในประเทศ”
ชาร์ลีส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่ล่ะ ผมไม่ต้องการมัน เอามันกลับไปเถอะ”
“นายน้อยครับ คุณนายเลวิสยังเป็นหนี้อีกหกล้านสำหรับค่ารักษาพยาบาลนะครับ ถ้าเธอไม่จ่ายเงินเธออาจจะแย่…”
"นี่คุณกำลังขู่ผมเหรอ? หรือนี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนลวงของคุณล่ะ?”
สตีเฟนโบกมืออย่างลนลาน "ไม่ใช่นะครับ! เราคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกครับ! เก็บบัตรไว้เถอะครับ แล้วคุณจะมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล”
ชาร์ลีถามต่อว่า “ในบัตรนี่เงินเท่าไร?”
“คุณท่านเวดบอกว่าเขาฝากเงินค่าขนมให้คุณในบัตรนี้ ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ แค่หนึ่งแสนล้านบาท!”
Ratings
reviewsMore