เปรี้ยง!ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าฟาดดังมาจากเบื้องบนอะไรน่ะ?!หัวใจของหูเจี้ยนเซิงหนักอึ้งจมดิ่ง นี่มันสายอัสนีระดับสร้างรากฐานแค่ภายในเวลาสั้นๆ สิบกว่านาที ฉู่เฉินก็สามารถทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้วงั้นเหรอเป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!หูเจี้ยนเซิงก้าวข้ามเป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้าตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว แต่ระยะเวลาสิบปีผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจก้าวข้ามอุปสรรคขั้นสุดท้ายได้เลยทว่าภายในเวลาเพียงสิบนาที ฉู่เฉินที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ดกลับสามารถทะลวงขั้นพลังสามขั้นติดกัน และกลายเป็นผู้บำเพ็ญพรตขั้นสร้างรากฐานแล้วงั้นเหรอ?!เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองแต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ สายอัสนีอันน่าครั่นคร้ามก็ได้ฟาดฟันลงมาอย่างไร้ความปรานีแล้วกระบี่ของหูเจี้ยนเซิงยังไม่ทันสัมผัสถูกตัวหลิ่วชิงเหอ ก็ถูกคลื่นพลังอันน่ากริ่งเกรงขุมหนึ่งดีดออกมาแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็ยังถูกพลังขุมนั้นสะท้อนใส่จนกระบี่หลุดออกจากมือ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกบีบให้ถอยหลังออกไปอีกสามก้าวด้วย“ไอ้หนู ฉันอยากรู้นักแกจะคอยขัดขวางฉันได้ยังไง!”ไม่ว่ายังไงเขาไม่
ฉู่เฉินตวัดสายตามองชายชราคนนั้นแวบหนึ่ง ยกมือตวัดเข็มเงินออกไป พุ่งแทงเข้าที่จุดต้าจุยของเขาเมื่อเข็มเงินถูกแทงเข้าไป อาการเจ็บเอวของชายชราก็หายไปในพริบตาพอรู้สึกได้ว่าร่างกายเบาโล่งขึ้นมาก ชายชราออกวิ่งทันทีโดยไม่หันหลังกลับมาอีกน่ากลัวเกินไปแล้ว กลางวันแสกๆ โยนคนเป็นๆ ลงมาด้านล่างศาลาแบบนี้พอชายชราวิ่งออกไปไกล ฉู่เฉินจึงค่อยสาวเดินไปหาหูเจี้ยนเซิง“ไอ้หนู! แก… แกกล้าเหรอ!”หูเจี้ยนเซิงถอยกรูด พลางควานหากระบี่ชื่อหลงไปทั่ว“ทำไมฉันจะไม่กล้า!”พูดจบ ฉู่เฉินก้าวเท้าออกไป เอื้อมมือออกไปคว้าลำคอของหูเจี้ยนเซิง เอ่ยถามด้วยสายตาเย็นชาว่า “บอกฉันมา แกหาฉันเจอได้ยังไง”ตอนที่ออกมาจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ ฉู่เฉินจงใจปล่อยดวงจิตออกไปเพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ ก่อนแล้วหลังจากมั่นใจว่าไม่มีกลิ่นอายอันตรายแล้ว ฉู่เฉินจึงขับรถมาที่สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งแห่งนี้ซึ่งก็หมายความว่า หูเจี้ยนเซิงไม่ได้ตามเขามาจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ แต่อีกฝ่ายตามเขามาที่สวนสาธารณะเป๋ยหลิ่งโดยตรง“เหอะ! ไอ้หนู แกอย่าคิดว่าจะได้อะไรจากปาก… อ๊าก!”หูเจี้ยนเซิงเพิ่งจะพูดได้ครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็ยื่นมือไปคว้าแขนอีกข้างของเขา
จนกระทั่งเมื่อดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ฉู่เฉินแทบจะพัฒนาหลิ่วชิงเหอในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านท่วงท่า เรื่องความลึก เขาศึกษาจนกระจ่างแจ้งถ่องแท้หมดแล้ว เวลานี้ หลิ่วชิงเหอถึงค่อยจัดแจงผมเผ้าอันยุ่งเหยิงของตัวเองให้เข้าที่ และมุดออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ใต้ศาลาชมวิวเมื่อมองดูฉู่เฉินที่เดินเข้าไปนั่งในรถซูเปอร์คาร์ ก่อนจะจากไปพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์อันก้องกระหึ่ม หลิ่วชิงเหอได้แต่กำหมัดน้อยๆ เข้าหากันแน่น เธอในตอนนี้อย่าว่าแต่ขับรถเลย แค่จะเดินขาก็สั่นสะท้านไปทั้งสองข้างแล้ว“ไอ้บัดซบฉู่เฉิน!”วันนี้หลิ่วชิงเหอถูกเล่นงานจนหมดสภาพแล้วจริงๆเธอรู้สึกปวดระบมกล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกาย ขาทั้งสองข้างถูกจับพาดในหลากหลายท่วงท่า และหลากหลายองศาแต่เรื่องเดียวที่ทำให้เธอชื่นใจก็คือ ฉู่เฉินเอาเบอร์โทรศัพท์ของหลี่จิงจิงซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนให้เธอแล้ว หลังจากคุยกันคร่าวๆ หลี่จิงจิงยินยอมที่จะเซ็นสัญญาร่วมงานกับฉู่ซื่อกรุ๊ปถ้ารู้แต่แรกว่าฉู่เฉินมีช่องทางอย่างนี้อยู่ เธอกับหลิ่วหรูเยียนคงไม่จำเป็นต้องวิ่งเต้นไปขอร้องผู้ว่าการเฉียวแล้วขณะที่สตาร์ตเครื่องยนต์ หลิ่วชิงเหอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เก
“พี่ตามผมมาทำไม”ฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังจึงขมวดคิ้วและหยุดเดิน“ทำไมเล่า หรือเจ้าซ่อนความลับอันใดไว้ แค่ห้องกลั่นยาห้องหนึ่ง กลัวคนจะเห็นอะไรเข้าหรืออย่างไร”อวี้ลู่เอ่ยจบก็ไม่รอให้ฉู่เฉินพูดอะไร เธอบุกเข้าไปในห้องลับของฉู่เฉินโดยพลการเมื่อเห็นสิ่งของต่างๆ ที่ต้องใช้ในการกลั่นยาและสร้างอาวุธวางเรียงรายไว้บนชั้นวางไม้สองตัวที่วางอยู่สองฝั่ง อวี้ลู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย เจ้าสร้างอาวุธเป็นด้วยหรือ”ขณะเอ่ย อวี้ลู่หยิบกระบี่วิญญาณที่ฉู่เฉินสร้างเองขึ้นมาเพ่งพินิจ จากนั้นก็ทดลองจับดู ก่อนจะขว้างทิ้งราวกับทิ้งขยะไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่ง“คุณภาพต่ำเกินไป ไม่ควรค่ากับเงินแม้แต่อีแปะเดียว”เอ่ยจบ นางหันไปมองกระบี่ชื่อหลงที่มีสภาพสมบุกสมบันที่วางอยู่ด้านหนึ่ง อวี้ลู่สัมผัสได้ถึงปราณมังกรชื่อหลง นางพยักหน้าเล็กน้อย “นับว่าพอจะเป็นของวิเศษระดับพิภพได้ น่าเสียดายที่วิญญาณกระบี่เสียหายหนักเกินไป ทำให้ไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ แล้ว”ฉู่เฉินรีบก้าวเท้าเข้าไปเมื่อเห็นว่าอวี้ลู่ทำท่าจะขว้างของทิ้งอีกครั้ง เขาพูดห้ามว่า “นี่ พี่สาว ผมว่าพี่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองไปแล้วจริงๆ ล่
คิดได้ดังนั้น นัยน์ตางดงามของอวี้ลู่ก็พลันปรากฏไอสังหารอันเข้มข้น!นี่นางโดนไอ้มังกรลามกบัดซบหลอกงั้นหรือ?!ชั่วพริบตาหนึ่ง บ้านใหญ่ตระกูลฉู่ถูกไอสังหารอันเข้มข้นแผ่ปกคลุมไปทั้งหลังอุณหภูมิรอบด้านพลันติดลบในทันใดฉู่เฉินเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขายักคิ้ว มองหน้าอวี้ลู่ “พี่สาว นี่บ้านผมนะ พี่…”“ตายเสียเถอะ!”ฉู่เฉินยังพูดไม่ทันจบ อวี้ลู่พลันสับฝ่ามือเข้ามาเชี่ย!ยัยคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสือซะอีกฉู่เฉินตะลึงพรึงเพริด เขาเขย่งปลายเท้าโฉบตัวไปที่ประตูด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฝ่ามือลมของอวี้ลู่ไล่ตามมาติดๆ ราวกับเงา วินาทีต่อมาตามติดมาใกล้ฉู่เฉินอยู่ในระยะไม่ถึงสามนิ้วแล้วหากถูกฝ่ามือของอวี้ลู่โจมตีเข้า ฉู่เฉินมีสิบชีวิตก็ยังไม่รอดในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของฉู่เฉินถูกกระตุ้นออกมา พลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวถูกขับเคลื่อนให้ปั่นป่วนราวกับคลื่นลูกใหญ่พริบตาต่อมา เขาไหวตัวไปด้านข้างด้วยท่าร่างที่รวดเร็วดุจสายฟ้าครืน!กำแพงที่อยู่ด้านข้างถูกฉู่เฉินพุ่งชนจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ ฉู่เฉินที่วิ่งทะลุกำแพงเพิ่งจะหยุดยืนในลานบ้าน อวี้ลู่ก็ตามติดม
ฉู่เฉินขัดขืนอยู่สองสามที แต่เมื่อพบว่าสู้มือเล็กๆ ที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของอวี้ลู่ไม่ได้ จึงยอมแพ้ด้านการต่อสู้ทางร่างกาย และใช้การโจมตีด้วยเล่ห์กลแทน“จะ… เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! สิ่ง… สิ่งนั้นจะงอกขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นมองได้อย่างไรกัน!”อวี้ลู่เม้มปากเล็กๆ ย้อนถามอย่างโมโห“อย่างนั้นพี่บอกผมมาสิ ถ้าไม่ได้งอกขึ้นมาให้คนอื่นดู แล้วงอกขึ้นมาเพื่ออะไร ทำไมผมถึงไม่มีล่ะ”ข้า…อวี้ลู่ถูกถามจนถึงกับพูดไม่ออกนั่นสิ เหตุใดผู้ชายจึงไม่มีล่ะนางถามตนเองในใจ พลางยกมือเล็กๆ ขึ้นบีบดูสองสามครั้งครั้นนางยกมือขึ้นบีบ ก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นก็กระเด้งไปมาอยู่ต่อหน้าฉู่เฉินทั้งอย่างนั้นฉู่เฉินเลือดกำเดาแทบพุ่ง“เหอะ! ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป หากยังมีครั้งหน้า คอยดูข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมาเสีย!”อวี้ลู่สะบัดมือข้างที่บิดหูของฉู่เฉินออก ก่อนจะดุนก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นขึ้นอย่างโกรธๆ และดึงสายเอี๊ยมให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ครั้นนางดึงสายเอี๊ยมขึ้น ด้านล่างกลับมีความยาวไม่เพียงพออีกขอบลูกไม้สีชมพู รวมถึงต้นขาด้านในที่ขาวเนียนดุจหิมะถูกฉู่เฉินเห็นเข้าเต็มตาอีกครั้งขาคู่นั้น ยังไงก็ยาวมากพอที่จะ
เชี่ย!ต้วนหลิงเวยกับต้วนหลิงเสวี่ยที่แอบดูอยู่ด้านหนึ่งตะลึงค้างกับการกระทำนี้ของฉู่เฉินนายท่านช่างกล้าหลอกลวงคนอื่นจริงๆบ้านเก่าๆ กับลานสวนซอมซ่อนี่ไม่มีคนอาศัยอยู่มายี่สิบสามสิบปีแล้วมั้งนอกจากนี้ อาการบวมแดงที่ไหล่ของฉู่เฉินก็หายแล้ว ท่าทางเหมือนไม่ต้องให้ใครมาคอยปกป้องแล้วไม่ใช่เหรอที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ คำพูดก่อนหน้าที่ฉู่เฉินบอกว่าตัวเองชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่จะว่าไปแล้วก็ใช่ เขายุ่งอยู่กับการช่วยทำลูกให้หลายๆ ครอบครัวทุกวี่ทุกวันจริงๆเมื่อวานก็ไปสร้างความสุขให้กับหญิงหม้ายคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าตั้งท้องแล้วหรือยัง“เจ้ายังต้องการอะไรอีก อย่างมากข้าก็แค่สั่งให้คนสร้างลานบ้านที่เหมือนกันทุกประการขึ้นมาใหม่ก็ได้”อวี้ลู่ถึงขั้นหมดคำพูดแล้วจริงๆ ถึงแม้นางเพิ่งมาถึงโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่นางก็เคยเห็นโฆษณาเกี่ยวกับบ้านเรือนอาคาร บ้านเก่าๆ หลังนี้ของฉู่เฉิน ตั้งอยู่ในที่ลับตาคนไม่พอ กำแพงอิฐก็แตกร้าวหมดแล้วนั่นขายในราคาห้าแสนก็ยังขายไม่ออกเลยกระมัง“ผมว่านะพี่สาว พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า บ้านเก่าหลังนี้ของผมเป็นมรดกตกทอดกันมาสิบกว่ารุ่นแล้วนะ”ฉู่เฉินชี้กำแพงด้านที
“พวกเธอสองคนอย่ามัวแต่แอบดู ไปทำความสะอาดห้องให้พี่อวี้ลู่ของพวกเธอหนึ่งห้อง จำไว้ ต้องใช้ผ้าปูเตียงใหม่ด้วย” สองพี่น้องพยักหน้ารับพร้อมกัน มีหรือจะกล้าตั้งคำถามเพียงไม่ถึงสิบนาที พวกเธอก็จัดแจงห้องพักให้อวี้ลู่เสร็จเรียบร้อยแล้วอวี้ลู่กวาดมองการตกแต่งในห้องแวบหนึ่ง แม้จะเรียบง่าย แต่ผ้าปูเตียงล้วนเป็นของใหม่ แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ ปกคลุมอยู่ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปนอนได้ ฉันกับพี่อวี้ลู่ของพวกเธอยังมีเรื่องสำคัญต้องคุยกันต่ออีก ถ้าไม่มีธุระห้ามเข้ามารบกวน”“ค่ะ นายท่าน!”สองพี่น้องสกุลต้วนรีบออกจากห้องของอวี้ลู่ แต่ยังคงเงี่ยหูฟังเสียงเคลื่อนไหวทางฝั่งอวี้ลู่อย่างไม่ยอมลดละพวกเธอสองคนอยากรู้ว่าเสียงของยอดฝีมืออย่างอวี้ลู่เวลาทำเรื่องอย่างนั้นจะเป็นยังไงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเธอสองพี่น้องผิดหวังก็คือ พวกเธออุตส่าห์อดทนรอนานถึงครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยคงไม่ใช่ว่าเวลาทำเรื่องอย่างนั้น ยอดฝีมือมักจะเงียบกันแบบนี้ทุกคนหรอกนะสองพี่น้องหลับไปอย่างสะลึมสะลือ พร้อมกับคำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ……ฉู่เฉินถือของวิเศษที่เขาส
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่