อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่กำลังเดินทางกลับ กู้รั่วเสวี่ยก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คนที่จางม่านเรียกว่าคนนั้นเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงใช่ไหมคะ?”“ทำไมท่าทางเขาดูหวาดกลัวพี่ขนาดนั้นล่ะคะ?”เมื่อกี้เธอมองผ่านกระจกรถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉู่เฉินยืนกอดอกตลอดเวลา ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันนั้น เขาก็สามารถทำให้จางม่านคุกเข่าอ้อนวอนได้“ก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนครับ ประธานหลัวเป็นคนที่มีจิตใจดีครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลัวจื้อหย่งจิตใจดี?กู้รั่วเสวี่ยมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะคำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่สักคำเดียวส่วนเรื่องรายละเอียดที่มากกว่านี้ เธอก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ขอเพียงแค่การถ่ายโฆษณาพรุ่งนี้ถ่ายได้ตามปกติก็โอเคแล้วฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าประตูห้องทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอล หลิ่วหรูเยียนก็ต่อสายเข้ามาหาเขาฉู่เฉินขมวดคิ้ว แล้วรับสาย “มีเรื่องอะไรรับพูดมา”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสาย ก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ฉู่เฉิน นายอยู่ที่ไหน ขอร้องละนายช่วยมาดูแม่ของฉันหน่อย เธอ... เธอเหมือนจะไม่ไหวแล้ว”อะไรนะ?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว
ฉู่เฉินรับหุ่นกระดาษมาจากมือของป้าอู๋ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้นี่มันไม่ใช่หุ่นกระดาษธรรมดา หุ่นกระดาษนี่พึ่งอยู่ในมือฉู่เฉินได้ไม่นาน ก็มีควันสีดำโพยพุ่งขึ้นมาจากหุ่นกระดาษนี่!กลิ่นอายนี้ฉู่เฉินคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ มันคือกลิ่นศพเน่า!หลังจากนั้นฉู่เฉินก็ตรวจจ้ำศพบนร่างของหลิ่วชิงเหออย่างละเอียด แสยะยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เธอน่าจะโดนพิษศพ ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อวานตอนเย็นเธอกินเนื้อวัวใช่ไหม?”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็เหลือบมองไปที่ต้นขาด้านในของหลิ่วชิงเหอที่เริ่มรอยฟกซ้ำเมื่อโดนพิษศพแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือเนื้อวัว โดยเฉพาะในร่างกายของหลิ่วชิงเหอมียาที่สกัดจากของเหลวจากร่างกายของฉู่เฉิน สองสิ่งนี้ยิ่งจะทำให้อาการป่วยของหลิ่วชิงเหอยิ่งรุนแรงมากขึ้น“ใช่ ช่วงนี้แม่ของฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ ดังนั้นจึงกินได้แค่เนื้อวัว หรือว่าเกี่ยวกับเนื้อวัวนี่เหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “แน่นอนสิ ที่จริงไม่เพียงแค่แม่เธอที่โดนพิษศพนะ แต่พวกเธอโดนพิษศพทั้งสองคนเลย”“เพียงแต่ว่าพิษศพบนร่างของพวกเธอยังไม่ทันออกฤทธิ์เท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะกินเนื้อวัวเข้าไป บวกกับสารพิษในต
ทำยังไงดี?หรือว่าจะให้เธอเป็นเหมือนหวังเสี่ยวลี่ที่เอาแต่เชื่อฟังคำสั่งของฉู่เฉินเมื่อคิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนหลิ่วชิงเหอ ร่างกายเน่าเปื่อยตาย หลิ่วหรูเยียนก็ไม่สามารถข่มความหวาดกลัวของเธอได้“ฉู่เฉินไม่ว่านายจะมีเงื่อนไขอะไร ฉันรับปากหมดเลย ขอร้องนายละ ช่วยรักษาพิษศพบนร่างของพวกฉันได้ไหม?”หลิ่วหรูเยียนลนลานบางทีที่หวังเสี่ยวลี่พูดก็อาจจะถูก แม้ว่าจะต้องตกอยู่อำนาจของฉู่เฉิน แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไปถึงแม้ว่าจะไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็สามารถปกป้องชีวิตของพวกเธอสองแม่ลูกเอาไว้ได้ฉู่เฉินถึงจะพอใจแล้วพยักหน้าพูดว่า “นี่สิถึงจะถูก แต่ว่าในตอนนี้เธอจะต้องพูดความจริงกับฉัน ในช่วงที่ผ่านมานี้เธอและหลิ่วชิงเหอไปคลุกคลีกับใครมาบ้าง?”ฉู่เฉินมองไปที่หุ่นกระดาษในมือ เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่ลงมือจะต้องเป็นสำนักอวี้ซือแน่นอน!แต่สำนักอวี้ซือไม่มีทางที่จะลงมือกับหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกเพียงเพราะมีปัญหาระหว่างฉู่เฉินแน่นอน มันจะต้องมีสาเหตุอื่นอยู่อีกเป็นแน่ในตอนนี้ ฉู่เฉินได้แต่สงสัยว่าหลิ่วชิงเหอรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเขาหายตัวไปเป็นอย่างดี แต่กลับไม่ยอมพูดออกมาว่าคนร้ายที่
ป้าอู๋กลืนน้ำลาย แววตาเต็มไปด้วยความโหยหามองไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉิน แล้วพยักหน้าเบาที่จริงเธออยากจะรับแทนหลิ่วหรูเยียนด้วยซ้ำ ก็เพราะที่ตรงนั้นของเธอมันไม่ได้รับการรดน้ำมาเป็นเวลานานแล้วแต่ทำไงได้ตั้งแต่ที่ฉู่เฉินก้าวเดินเข้ามา เขาก็ไม่ได้ชายตามองเธอด้วยซ้ำพูดตามตรง เธอคิดถึงช่วงเวลาที่ถูกร่างกายของฉู่เฉินทับเอาไว้ ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เธอปล่อยวางไม่ได้จริงๆเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเดินจากไปไกลแล้ว ป้าอู๋ถึงยกมือขึ้นมาคลึงหน้าอกอันอวบอั๋นของตัวเองด้วยความไม่พอใจตึงมาก!ความรู้สึกที่อยากมากๆ แต่กลับไม่สามารถแสดงออกมาได้ มันอึดอัดจริงๆ นะ!อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนที่กำลังเดินบิดสะโพกเข้ามาในห้องนอน และกำลังจะเปลื้องผ้าออก เขาก็ชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้า “ชุดนี้ไม่ดี เปลี่ยนอีกชุดหนึ่ง”หลิ่วหรูเยียนอึ้งไปสักพัก เธอมองบนฉู่เฉินไปทีหนึ่ง “ชุดเครื่องแบบ หรือถุงน่องซีทรูสีดำกับรองเท้าส้นสูง?”ระหว่างที่พูด หลิ่วหรูเยียนก็เปิดตู้เสื้อผ้าไปด้วยอย่าพูดเป็นเล่นไป ในตู้เสื้อผ้าของหลิ่วหรูเยียนเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเต็มไปด้วยสไตล์บริสุทธิ์เย้ายวน และยังมีลุคสาวมั่น ฉู่เฉินม
“ฮ่าๆ... คุณฉู่ก็พูดไป”หยางเทียนหลงดึงกางเกงขึ้นไปด้วย พร้อมโบกมือให้กับเลขาแล้วพูดว่า “ออกไปก่อนๆ !”เลขาหัวยุ่งเหยิง รีบติดกระดุมเสื้ออย่างรีบร้อน พร้อมทั้งดึงกระโปรงที่ถูกถกไปอยู่ตรงเอวขึ้นมา เธอวิ่งออกไปจากห้องทำงานของหยางเทียนหลงด้วยใบหน้าแดงก่ำหยางเทียนหลงก็ยิ้มยิงฟัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มดื่มชาให้ฉู่เฉิน หลังจากนั้นเขาถึงพูดขึ้นมาอย่างเอาอกเอาใจว่า “คุณฉู่ยุ่งขนาดนี้ ไม่รู้ว่าวันนี้มีลมอะไรพัดให้คุณมาหาผมกันครับเนี่ย?” ฉู่เฉินดื่มชาลงไปหนึ่งคำหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆ ว่า “คุณรู้จักคนที่ชื่อเกาเซิ่งอี้ไหมครับ?”เกาเซิ่งอี้เหรอ?หยางเทียนหลงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณฉู่ คนแซ่เกาทำให้คุณฉู่โกรธเหรอครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา “ถือว่าใช่แหละ คนนี้เป็นใครกันแน่? เขาเกี่ยวข้องกับหอการค้าตะวันออกใหญ่ยังไง?”เมื่อได้ยินคำนี้ หยางเทียนหลงก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้นมา “คุณฉู่ครับ พูดตามความจริง คนแซ่เกานี่ผมรู้จักเขาเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเองครับ”“ได้ยินมาว่า เกาเซิ่งอี้และหอการค้าทั้งสามของมณฑลร่วมมือกันสร้างหอการค้าตะวันออกใหญ่ขึ้นมา แต่ว่าหอการค้าตะวันออกใหญ่ไม่น่
ถ้าฉู่เฉินวางแผนจะจัดการหอการค้าตะวันออกใหญ่ ถ้าอย่างนั้นหยางเทียนหลงก็จะใช้โอกาสนี้แก้แค้น!“ได้ครับ เตรียมตัวไว้ก่อนเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกไปจากห้องทำงานของหยางเทียนหลง……อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนไม่โทรไปหาก็ไม่มีอะไรแย่ แต่ทันทีที่สายนี้โทรเข้ามาก็ทำเอาหลิ่วหรูเยียนตกใจจนเหงื่อไหลพลั่กตั้งแต่สามวันก่อนที่หลิ่วหรูเยียนอาการป่วยกำเริบ ตระกูลฉีและตระกูลโจวแห่งหอการค้าตะวันออกใหญ่มักจะมาหาผู้ถือหุ้นที่บริษัทอย่างใกล้ชิดอีกทั้งช่วงไม่กี่วันนี้ ไม่รู้ว่ามีข่าวฉาวมากมายของหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกเผยแพร่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่รวมทั้งยังมีคนนำเรื่องที่ยอดการขายของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ดีโทษว่าเป็นความผิดของหลิ่วชิงเหออีกด้วยอีกทั้งยังมีผู้ถือหุ้นหลายรายที่กำลังวางแผนจะปลดหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนในการประชุมสองวันหลังจากนี้อย่างลับๆ ล่อ“เสี่ยวลี่ ข่าวสำคัญขนาดนี้ ทำไมเธอไม่แจ้งให้ฉันให้ฉันทราบ”หลิ่วหรูเยียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ผู้จัดการหลิ่ว ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกคุณนะคะ แต่ฉันกับคุณต้าหลิงจื่อล้วนได้รับคำข่มขู่จากบุคคลนิรนาม วันนั้นตอนบ่ายคุณต้าหลิงจื่อก็เกิดอุบัต
คำพูดของหลิ่วหรูเยียนแทงใจดำของป้าอู๋ ทำให้ป้าอู๋ใบหน้าค่อยๆ แดงระเรื่อพูดตามตรงนะ วันนี้ตอนบ่ายป้าอู๋อดทนขั้นสุดเลยล่ะโดยเฉพาะในขณะที่หลิ่วหรูเยียนกำลังทำศึกอยู่ เสียงเสพสุขของเธอก็ดังผ่านเข้ามาในหู ยิ่งทำให้จิตใจของป้าอู๋เหมือนมีไฟแผดเผา เธออิจฉาสุดๆ ไปเลย!ป้าอู๋ประสบการณ์เหลือล้น เธอสงสัยแค่เล็กน้อย หลังจากนั้นสีหน้าของเธอก็กลับมาเป็นปกติ “คุณหนูคะ คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง ถึง... ฉันโหยหาผู้ชาย ฉันก็คงไม่โหยหาฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นหรอกค่ะ”“ฉะ... ฉันก็พูดเพื่อพวกเรานั่นแหละค่ะ คุณลองคิดดูสิคะ ฉู่ซื่อกรุ๊ปแต่เดิมเป็นมรดกของพ่อแม่ฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่น เขาจะมองดูให้คนอื่นมาแย่งไปงั้นเหรอคะ?”“อีกอย่าง ณ ตอนนี้ผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างแตกออกเป็นส่วนๆ ไปตั้งนานแล้ว ใครจะยอมช่วยเหลือพวกเราอย่างเต็มใจเหมือนฉู่เฉินล่ะคะ?”เมื่อได้ยินป้าอู่พูดแบบนี้ หลิ่วหรูเยียนก็พยักหน้าเห็นด้วย“เหมือนที่เขาพูดกันว่านานๆ ไปเดี๋ยวก็รักกัน เขาเห็นแก่ความสัมพันธ์ของคุณหนูและตัวเขา เขาไม่มีทางมองดูเฉยๆ แล้วไม่ช่วยเหลือหรอกค่ะ”ป้าอู๋เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมีท่าทีที่อ่อนลง เธอก็รีบอาศัยจังหวะ
“ฉันรู้จักที่หนึ่งค่ะ ร้านนั้นสเต๊กอร่อยแบบออริจินอลเลยค่ะ อีกอย่าง... ข้างบนยังมีอาบน้ำออนเซ็นด้วยค่ะ”พูดถึงประโยคสุดท้าย ใบหน้าของหลินชือหย่าก็แดงก่ำเพราะความเขินอาย เธองดงามมากจริงๆฉู่เฉินที่ยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้เขาหิวสุดๆ ไปเลยล่ะ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ก็ได้นะครับ งั้นผมรอคุณอยู่ข้างล่างตึกบริษัทนะครับ”ผ่านไปไม่นาน รถของฉู่เฉินพึ่งจอดที่หน้าประตูตึกทำงานของหลินซื่อกรุ๊ป หลินซือหย่าก็ผลักประตูรถเข้ามาเพื่อการเดตในเย็นวันนี้ หลินซือหย่าตั้งใจเลือกชุดซีทรูมาเลยนอกจากส่วนสำคัญอื่นๆ แล้ว ไหล่ขาวเนียนและขาเรียวยาวนั่นก็เผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนดีไซน์รัดเอสยิ่งทำให้รูปร่างที่สุดแสนจะเซ็กซี่ของหลินชือหย่าโดดเด่นขึ้นมา บนลำคอขาวของเธอก็มีสร้อยคริสตัลที่สุดแสนจะประณีต เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟในตอนกลางคืนก็ยิ่งส่องประกายสะดุดตาผู้คนการแต่งกายชุดนี้ของหลินชือหย่าชุดนี้ เปรียบดั่งไข่มุกเจิดจรัสเม็ดหนึ่งเลยล่ะ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็งดงามอย่างไร้ที่ติในตอนที่หลินชือหย่าเดินออกมาจากตึกทำงาน ก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผ่านไปผ่านมาแม้ว่าฉู่เฉินจะผ่านโลกมามากมาย แต่
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่