ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?ลู่หานถิงเป็นผู้ใหญ่และนั้นก็เป็นโทรศัพท์ส่วนตัวของเขา ถ้าหากไม่ใช่คนสนิทแล้วจะมารับสายได้อย่างไร?เขาทำอะไรอยู่นะ?เซี่ยซีหว่านไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรกันแน่?เธอเป็นอะไรกันกับเขา ลู่หานถิงจะมาช่วยเธอทำไม?เธอมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่มาแต่งงานแทนและเราสองคนก็มีสัญญาร่วมกันแล้ว เขาจะมีคนรักที่อื่นมันก็เป็นเรื่องปกตินี่เซี่ยซีหว่านเหงื่อออกจนชื้นมือ ตอนเธออายุ 9 ขวบ ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด ทุกคนทอดทิ้งเธอ สิบปีที่ผ่านมาเธอเรียนรู้ที่จะเติบโตได้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะรับมือกับความอ่อนแอและความแข็งแกร่ง นอกจากเยี่ยหลิงแล้วเธอก็ไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ อีกเลยเธอไม่อยากถูกคนที่เธอรักและไว้ใจแทงข้างหลัง และผลักเธอให้ตายอย่างไม่มีวันหวนกลับคืนแต่ทำไมกับผู้ชายที่ชื่อลู่หานถิงเขาถึงได้เข้ามาควบคุมและมีอิทธิพลต่อชีวิตเธอได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาสามารถทำลายสิ่งที่เธอเรียนรู้มาเป็นสิบ ๆ ปีลงได้ และทำให้เธอเชื่อใจเขาได้จากความเชื่อใจก็กลายมาเป็นความคุ้นเคย กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนอ่อนแอเซี่ยซีหว่านสงบสติอารมณ์ตัวเองได้สักพัก เธอ
ผู้ชายที่เธอช่วยชีวิตในตอนนั้น?เซี่ยซีหว่านจำได้ว่าตอนนั้นเธออายุได้ 12 ปี และช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็น เธอมั่นใจเลยว่าถ้าเธอไปช้ากว่านั้นผู้ชายคนนั้นคงตายอยู่ท่ามกลางหิมะเป็นแน่ตอนนั้นมีหิมะหนาขวางถนนอยู่ ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ อากาศก็หนาวจนสั่นไปทั้งตัว เธอจึงพาเขาไปในถ้ำที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นด้วยความทุลักทุเล เธอนำกิ่งไม้มาจุดไฟเพื่อทำให้ตัวอุ่นขึ้น แต่เนื่องจากอากาศหนาวมากจึงทำให้แขนขาของเขาแข็งทื่อไปหมดเซี่ยซีหว่านจึงถอดเสื้อของเธอออกแล้วกอดผู้ชายคนนั้นไว้แน่น ใช้อุณหภูมิในร่างกายของเขาและเธอทำให้ตัวอุ่นขึ้น เพราะแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นถึงรอดมาได้เซี่ยซีหว่านพยายามคิดทบทวน ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุแค่ 12 ปี และในใจก็เพียงอยากจะช่วยคนก็เท่านั้น แต่ในสายตาของคนอื่นมันกลับเป็นภาพที่ดูหวานซึ้งจากการยุยงใส่ร้ายของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและทำให้ซูซีเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงสกปรกเยี่ยหลิงพูดถูกแล้ว คนพวกนี้น่ะสกปรกที่สุดแต่เรื่องผู้ชายคนนั้น...เซี่ยซีหว่านพิมพ์กลับไปว่า “เวลา 8 ปีนั้นผ่านไปไวมาก ฉันจำผู้ชายคนนั้นไม่ค่อยได้แล้ว ต่อให้เขามายืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ซูซีมาที่นี่พร้อมกับบอดี้การ์ดชุดดำอีกจำนวนหนึ่ง เขามองไปที่เซี่ยซีหว่าน “หว่านหว่าน คุณจะพาอาหลินไปไหนเหรอ?”เซี่ยซีหว่านหยุดชะงักฝีเท้าลง “ซูซี คุณรู้เหรอว่าฉันจะมาที่นี่?”“หว่านหว่าน ผมไม่รู้จริง ๆ นะว่าคุณตามมาเจออาหลินที่นี่ได้ยังไง แต่เราสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมรู้จักคุณดีว่าคุณเป็นคนฉลาดทำให้คนใกล้ตัวต้องคอยระวังเสมอ เมื่อเย็นนี้ผมเลยให้คนพวกนี้มารอคุณที่นี่ แล้วคุณก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริง ๆ”เซี่ยซีหว่านมองหน้าซูซีแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้อาหลินไอออกมาเป็นเลือด ต่อให้ฉันรักษาโดยการใช้เข็มแล้วแต่ยังไงก็ต้องพาอาหลินไปโรงพยาบาลอยู่ดี ฉะนั้นเรื่องของเราเอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังจะได้ไหม?”ซูซีมองเข้าไปยังนัยน์ตาสว่างเป็นประกายนั่น รัศมีที่เต็มไปด้วยความฉลาด มันช่างสวยงามเหลือเกิน แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นของเธอกลับทำให้เขาส่ายหัวไปมา “หว่านหว่าน ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้คุณมีแผนอะไรอยู่ในหัว แต่ค่ำคืนนี้ยังไม่จบง่าย ๆ แน่ ผมจะให้คนไปส่งอาหลินที่โรงพยาบาลเอง แต่คุณต้องอยู่ที่นี่เพื่อทำเรื่องที่ยังค้างคาของเราให้เสร็จก่อน”เซี่ยซีหว่านขมวดคิ้วเป็นปม เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธ
ต่างคนต่างสบตากัน แววตาของลู่หานถิงนั้นเย็นยะเยือกและนิ่งสงบเสียจนทำให้ไม่มีใครกล้าขยับและทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นเซี่ยซีหว่านหลบสายตาของเขา “คืนนี้ ฉันต้องขอขอบคุณคุณมากนะคะ”เมื่อเห็นอาการหลบเลี่ยงของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของลู่หานถิงนั้นเผยยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา “นอกจากคำว่าขอบคุณก็ไม่มีอะไรจะพูดกับผมแล้วเหรอ?”เซี่ยซีหว่านขบกัดริมฝีปากสีแดงเบา ๆเมื่อลู่หานถิงยกมือขึ้น ทันใดนั้นนิ้วเรียวยาวก็แตะลงที่บนกระดุมคอเสื้อของเธอเซี่ยซีหว่านหรี่รูม่านตาเล็กลง รีบร้อนคว้ามือแกร่งของเขาไว้แล้วพูดด้วยความระแวงว่า “คุณคิดจะทำอะไร?”ลู่หานถิงมองไปที่เธอแล้วยิ้มหยันออกมาหน่อยๆ จากนั้นติดกระดุมคอเสื้อสองเม็ดนั้นที่ติดไม่เรียบร้อยให้เธอ “ไหนคุณพูดซิว่าผมคิดจะทำอะไร?”เซี่ยซีหว่านไม่เคยที่จะเถียงเขาได้เลย เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีและมีท่าทางฉุนเฉียวกระฟัดกระเฟียดเอามาก ๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะทำให้คนแค่คนเดียวอับอายขายขี้หน้าไม่ได้ ถ้าเขาจะฉีกหน้าใครสักคน คนคนนั้นก็คงจะเป็นทุกข์อย่างสุดขีดเซี่ยซีหว่านถูกบีบบังคับให้ถอยไปข้างหลังและรู้สึกเขินเล็กน้อย ติ่งหูที่ขาวราวหิมะปร
เมื่อโดนเขาตะหวาดใส่แบบนั้น เซี่ยซีหว่านก็รู้สึกตกใจจนหลบเข้ามุมห้อง ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตาขณะที่เขาจ้องมาลู่หานถิงหอบหายใจพยายามระงับอารมณ์แปรปรวนจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง “อย่ายกเรื่องที่คุณก็รู้ว่ามันผิดแต่คุณก็ยังทำขึ้นมา แต่ที่ผมดุคุณนั้นเพราะคุณกำลังมองว่าผมใช้สายตาที่ไม่ปกติกับคุณ ผมจะไม่สงสารคุณเด็ดขาด”เซี่ยซีหว่านใช้มือเรียวเล็กทั้งสองข้างค้ำยันกับกำแพงเอาไว้แล้วพูดว่า “ลู่หานถิง ฉันขอโทษ ฉันยอมรับว่าฉันจงใจไม่รับโทรศัพท์คุณ แถมยังจงใจไม่ตอบข้อความคุณอีก ต่อจากนี้คุณ...ไม่ต้องมาทำดีกับฉันแล้ว ฉันกลัวฉันจะชดใช้ไม่หมด ฉันไม่อยากติดค้างคุณ”ลู่หานถิงยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “คุณว่าคุณแยกแยะชัดเจนแล้วสิ?”เซี่ยซีหว่านพยักหน้า “ฉันก็คือฉัน คุณก็คือคุณ จากนี้ไปคุณไปตามทางที่ดีของคุณเถอะค่ะ ฉันก็จะไปตามทางที่อันตรายของฉัน”แต่เดิมลู่หานถิงไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลย เขานับถือตัวเองมาก ๆ ที่บังคับใจให้ยังเผชิญหน้ากับเธอได้อยู่เธอทำให้เขาหลงเข้าใจผิดกับภาพเพียงภาพเดียวจนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไม่รู้วันรู้คืนรีบกลับมา แล้ว จู่ ๆ เธอก็ทำท่าทางเย็นชาและห่างเหินใส่นั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยซีหว่านสะลึมสะลือลืมตาขึ้น,kอย่างงัวเงีย เมื่อคืนเธอหลับสนิทมาก เธออดไม่ได้ที่จะฝังตัวเข้าไปในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นแถมยังถูใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของตัวเองไปที่ด้านข้างแต่ว่าไม่มีใครอยู่ข้างกายเขาแล้วลู่หานถิงตื่นนอนแล้วเซี่ยซีหว่านกระพริบตาถี่ ๆ เมื่อคืนเธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่เหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีคนนอนอยู่ข้างกายคนคนนั้นจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากลู่หานถิง?หรือเธอเข้าใจผิดไปเองเซี่ยซีหว่านฝังใบหน้าจิ้มลิ้มเข้ากับหมอน สูดดมกลิ่นสะอาดอันหอมสดชื่นที่มาจากร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผ้าห่มก็ยังเปื้อนไปด้วยความอบอุ่นที่หลงเหลือจากอุณหภูมิของร่างกายเขาเมื่อคืน เขานอนหลับไปกับเธอจริง ๆ ด้วย ทั้งคู่นอนกอดกันหลับไปเซี่ยซีหว่านหลับตาลงอย่างเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่าระบุเส้นแบ่งเขตไว้แล้วแท้ ๆ แต่เขาก็ยังทั้งจูบทั้งมานอนหลับเตียงเดียวกัน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?เซี่ยซีหว่านลุกออกจากเตียง อาสะใภ้หลินยังคงไม่ได้สติ เธอฝังเข็มให้อาสะใภ้หลินเสร็จแล้วจึงไปหาคุณหมอที่เป็นคนรักษาเพื่อพูดปรึกษาหารือเกี่ยวกับอาการป่วย จากนั้นจึงกลับสวนโหย่วหลาน......ณ สวนโหย่วหลา
เขาจับหางเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเซี่ยซีหว่านหน้าแดงก่ำแล้วรีบขัดขืน “คุณจะทำอะไรน่ะ รีบปล่อยมือเลยนะ”ลู่หานถิงไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังจับหางเล็ก ๆ นั่นแกว่งไปมา “รสนิยมแบบใหม่เหรอ?”เซี่ยซีหว่านมึนงงและรู้สึกว่านี่มันผิดปกติเซี่ยซีหว่านเอื้อมมือผลักเขาออกไป “คุณชายลู่ คุณนี่น่าไม่อายจริง ๆ!”ลู่หานถิงถือหางเล็ก ๆ ของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย คิ้วงามได้รูปขมวดเข้าหากัน “ผมไร้ยางอายตรงไหนกัน?”“ชุดนอนชุดนี้กับชุดนอนกระโปรงที่อยู่ในห้องเสื้อผ้าทั้งหมดคุณเป็นคนเตรียมมันทั้งนั้น ทีนี้คุณจะสามารถน่าไม่อายได้หรือยังคะ?”ลู่หานถิงมองไปยังห้องเสื้อผ้า “เสื้อผ้าข้างในนั้นผมไม่ได้เป็นคนเตรียม คุณย่าต่างหากเป็นคนจัดการให้คุณ”คุณย่า?“......”เซี่ยซีหว่านอ้าปากค้าง จริง ๆ แล้วคุณท่าน...รู้เรื่องขนาดนั้นชียว?ที่แท้ ขิงแก่ก็ยังคงเผ็ดร้อนอยู่ลู่หานถิงมองไปยังหยวนหยวนตัวน้อย “มันเป็นเด็กดีหรือเปล่า?”เซี่ยซีหว่านพยายามยื้อดึงหางเล็ก ๆ ของตัวเองกลับมาแล้วพูดว่า “หยวนหยวนน่ะเป็นเด็กดีมากเลยค่ะ”“ถ้างั้นทำไมเธอถึงไม่เป็นเด็กดี?”“...”คำพูดของเขานั้นหมายความว่าอะไร หมายความว่าเธอก็เป็นลูกแมวอีกตัวง
เซี่ยซีหว่านรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของลู่หานถิง ดังนั้นเธอจึงรีบเปิดผ้าห่มออกและลุกขึ้นเดินหาเขาในห้องที่กว้างใหญ่รอบหนึ่งแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของคน หรือเขาจะออกไปข้างนอกแล้ว?“ลู่หานถิง...ลู่หานถิง...ลู่...”ทันใดนั้นประตูห้องอาบน้ำก็ถูกเปิดออก ฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงจนขึ้นรอยข้อต่อกระดูกโผล่ออกมาฉุดไหล่นวลเนียนของเธอเข้าไปข้างในนั้นแผ่นหลังบอบบางของเธอแนบอยู่กับบานประตู เซี่ยซีหว่านมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เขาก็คือลู่หานถิงลู่หานถิงอาบน้ำเย็นไปหลายรอบ บนร่างสวมเพียงแค่กางเกงสแล็คสีดำ เส้นผมสั้น ๆ สีดำขลับของเขานั้นยังคงมีหยดน้ำหยดลงมาไม่หยุดร่างที่เปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูอ่อนเยาว์และดูดีเป็นพิเศษ“ตามหาผมเหรอ?” น้ำเสียงของลู่หานถิงนั้นแหบแห้งมากเซี่ยซีหว่านยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากเขาหนึ่งครั้ง นี่มันร้อนมากกว่าเดิมเสียอีก ครั้งนี้คุณท่านเล่นแรงไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเอายาชูกำลังมาจากที่ไหน“ให้ฉันช่วยฝังเข็มเถอะนะ” ในมือของเซี่ยซีหว่านนั้นมีเข็มสีเงินอยู่หนึ่งเล่ม เธอต้องการที่จะปักเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มในร่างกายของเขาลู่หานถิงกอบกุมข้อมือนุ่มขาวผ