Z…z…Z…Z…z…z…
“ยัยลิน ตื่นได้แล้ว ตื่นนนนนนน” ใครมันปลุกฉันแต่เช้าวะ คนยิ่งง่วง ๆ อยู่
“นี่ยัยลินตื่น เป็นเจ้าบ้านอะไรวะ มาให้แขกปลุก ลุกได้แล้ววว”
อ้อฉันรู้แล้วว่าเสียงใคร เสียงยัยมีนนี่เอง
“โอ๊ย นี่แกจะรีบปลุกไปไหนเนี่ย ยิ่งง่วง ๆ อยู่”
ฉันพูดกับมันอย่างไม่สบอารมณ์และมองหายัยปรางค์แต่ไม่เห็น กำลังจะถามกับยัยมีน แต่ยัยปรางค์ก็ออกมาจากห้องน้ำซะก่อน
“นี่แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าวันนี้เราต้องไปมหาลัยที่พ่อฉันถือหุ้นอยู่ เพื่อไปประชุมนะฮะ!” เสียงยัยปรางค์มาเลย
“แล้วนอกจากนั้น แกจะไม่ไปดูเด็กเราหน่อยเหรอ ไม่รู้ป่านนี้เรียนเป็นไงมั่ง” เสียงยัยมีนว่าเด็ก เด็กที่ไหนวะ หรือว่า อ๋อ
น้องแพรวคนในองค์กรฉันนี่แหละ น้องมันเข้าปีหนึ่งปีนี้แถมยังเรียนวิศวซะด้วย
ไอ้แพรวมันน่ารักนะ นิสัยมันก็พอ ๆ กันกับพวกฉันเลย แต่ไอ้แพรวมันจะถนัดคอมมาก มันชอบคิดระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ ให้องค์กรตลอด เป็นเด็กที่พวกฉันสามคนรัก เพราะมันเปรียบเสมือนน้องสาวของพวกฉันสามคนเลยล่ะ เมื่อคิดได้ฉันก็ลุกไปอาบน้ำโดยไม่หันมาคุยกับพวกมันอีกเลย
“โอ๊ย นี่พวกแก เสร็จกันยัง เร็ว ๆ ดิ” เสียงฉันเร่งยัยพวกนั้นเองแหละค่ะ แฮ่ ๆ
“แป๊บ/แป๊บ” เสียงมันสองตัวพูดก็พอดีฉันแต่งตัวเสร็จเร็วอะนะ
ชุดที่ใส่วันนี้ก็กางเกงสกินนี่เข้ารูปสีดำ เสื้อเอวลอยสีไข่พร้อมแจ็กเกตหนังสีดำ กับรองเท้าคู่ใจสีแดงเพลิง ส่วนยัยปรางค์ก็ชุดเดรสสีดำทำให้มันดูเซ็กซี่กับรองเท้าคู่ใจสีแดง และยัยมีนวันนี้มันเลือกใส่ชุดแซกสีดำ กับรองเท้าคู่ใจสีแดง ทำให้มันดูน่าทะนุถนอมไปอีกแบบ สาบานได้เลยว่าไม่ได้นัดกันมาแต่โทนสีที่ใส่วันนี้พวกฉันเลือกใส่สีเดียวกันเกือบทั้งหมด
เมื่อพร้อมแล้วพวกเราทั้งสามก็ตรงไปที่รถเฟอรารีสีแดงรุ่นใหม่ ที่ราคาปาไปหลายร้อยล้านบาท และมีแค่หกคันในโลกเท่านั้น ซึ่งสามคันในโลกนั้นตกเป็นของพวกฉันสามคนแต่วันนี้เราเลือกที่จะเอารถฉันไป ด้วยแพลนที่ว่าประชุมเสร็จจะพาน้องเล็กไปฉลองและมอบหมายงานภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำ พอตกลงกันได้ฉันก็ออกรถมาที่มหาลัยชื่อดังทันที
เอี๊ยดดดดด กรี๊ดดดดดด
“รถสวยจังแก ฉันชอบอะ”
“แกดูเจ้าของรถสิสวยจัง”
เสียงผิวปากและอะไรอีกมากมายที่ฉันกับเพื่อนไม่สนใจ แต่ที่พวกฉันสนใจตอนนี้ก็คือไอ้แพรวอยู่ไหน พวกฉันเลือกที่จะไปโรงอาหารเพราะคิดว่าน่าจะอยู่ที่นั่น เพราะมันยังเช้าอยู่มันคงมาหาไรกินที่นี่แน่ ๆ และก็จริงมันอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย แต่สิ่งที่พวกฉันเห็นนี่สิ
“แกใช่ไหมที่ชื่อแพรว เรียนวิศวะ เด็กปีหนึ่ง”
ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถามแพรว แพรวมองหน้าด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แล้วตอบว่า
“ใช่ค่ะ ฉันแพรว พวกป้ามีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”
“กรี๊ดดดด นี่แกเรียกใครว่าป้านะ คอยดูนะฉันจะฟ้องมาร์คัส หึ”
ยัยนั่นพูดว่าจะฟ้องใครสักคน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วเทราดตัวเอง ฉันตกใจนะ แต่ไอ้แพรวคงตกใจกว่าเพราะหน้าน้องมันเหวอไปเลย
“กรี๊ด น้องแพรวอย่าทำอะไรพี่เลยนะคะ พี่กลัวแล้ว มาร์คัสคะช่วยด้วยค่ะ ช่วยแพมด้วย” ยัยนี่เทน้ำใส่ตัวเองแล้วก็ตบหน้าตัวเองก่อนจะล้มลงไปแล้วดึงไอ้แพรวมาคร่อมโดยที่ไอ้แพรวยังไม่ทำอะไรเลย ไอ้ปรางค์คงไม่อยากดูกำลังจะเข้าไปห้ามแต่แล้ว
“นี่ แพรว ทำอะไรของเธอหนะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันบอกให้หยุดไง”
ไอ้ผู้ชายคนนั้นตะคอกใส่แพรวก่อนจะผลักน้องสาวฉันกระเด็นเลย ไม่ไหวแล้ว ลินจะไม่ทน
“เธอไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายแพมนะแพรว ขอโทษแพมเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ขอโทษไง” ผู้ชายคนนั้นบอกให้แพรวขอโทษโดยไม่ถามอะไรเลย ปึง เส้นความอดทนฉันมีขีดจำกัด ตอนนี้ฉันเดินเข้าไปหาพวกนั้นแล้ว ยัยมีนจับไอ้แพรวไว้
“นี่ น้องจะบ้าเหรอ ไม่คิดจะถามกันก่อนรึไงว่า เกิดอะไรขึ้นนะฮะ! ฟังความข้างเดียวหนิ” ยัยปรางค์พูดอย่างโมโห
“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ เพราะสิ่งที่ผมเห็นมันก็ฟ้องอยู่ว่า แพรวทำร้ายแพม” ไอ้ผู้ชายที่ชื่อมาร์คัสพูด
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะยัยแพรวคือน้องสาวของพวกฉัน” ยัยปรางค์พูด
“อ๋อ ที่แท้ก็พวกเธอนี่เอง ที่ขับรถเข้ามาในมหาลัยแล้วคนแตกตื่นกับรถที่เธอขับเข้ามา คงมีเสี่ยพุงพลุ้ยซื้อให้สินะ หึ” ยัยแพมอะไรนี่พูด ฉันว่าฉันทนมาเยอะแล้ว
“นี่....”
“โง่ โง่ที่สุด โง่แบบโคตรโง่ โง่แบบไม่มีคำบรรยาย หึ”
ฉันหันไปด่าไอ้มาร์คัสอะไรนั่น จนยัยปรางค์ มีนและแพรวตะลึง ปกติพวกมันจะออกโรงฉันจะดูเฉย ๆ แต่นี่พวกมันคงอึ้งที่ฉันพูดออกมา ส่วนไอ้มาร์คัสนั่นดูเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อย และน่าจะโกรธฉันพอดูเลยล่ะ
“ส่วนเธอ อยากรู้ไหมว่าการโดนตบจริง ๆ มันเป็นยังไง หึ” ฉันหันไปพูดกับยัยนั่นก่อนจะกระชากมันออกมาจากอ้อมแขนของไอ้มาร์คัส แล้ว
เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ
ฉันตบหน้ามันสี่ครั้งติด มันร้องโหยหวนอย่างน่าสงสาร
“หึ นี่แค่ตบไปสี่ครั้งเอง ถึงกับทรุดเลยเหรอ อ้อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ รถที่ฉันขับมาเป็นรถของฉัน ฉันซื้อเอง! รวยมากพออะนะ ไม่ต้องเกาะใคร สำหรับเธอน้ำมันคงจะสะอาดเกินไป ฉันว่าเธอเอานี่ไปแล้วกัน” พูดจบฉันก็หันไปหยิบจานข้าวที่ยังไม่ได้ทานเทราดหัวยัยนั่นไป
“กรี๊ดด พอ พอแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับแพรวอีกแล้ว ฮือออ กรี๊ดดด”
เสียงยัยนั่นร้องอย่างน่าสงสาร แต่ตอนนี้ฉันไม่สงสารแล้ว สายตาที่มองยัยนั่นพร้อมจะฆ่าทุกเมื่อ
“ลิน ลินหยุด พี่บอกให้หยุด”
เสียงพี่มาร์ทวิ่งมาและบอกให้ฉันหยุด แต่ฉันไม่ฟังไงเขาเลยกระชากฉันเข้าไปกอด ฉันสะบัดตัวออกแล้วพูดว่า
“แพรว คือน้องสาวของฉัน ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่ฉันรักมาก นี่แค่สั่งสอน จำไว้ถ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่ อย่ามายุ่งกับน้องสาวฉันอีก” ฉันพูดนิ่ง ๆ
“พี่ลินคะ เอ่อแพรวว่า”
“หยุด ก่อนที่พี่จะขึ้น ให้คนมาเก็บกวาดด้วย”
ฉันหันไปพูดกับแพรวแล้วจึงบอกไอ้ปรางค์ให้มันหาคนมาเก็บกวาด ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสงบง่าย ๆ หรอกนะ ยัยนี่โชคดีมาก ที่ฉันตบไปแค่สี่ครั้ง ปกติถ้าฉันโกรธมันคนนั้นไม่ตายก็พิการ เพราะฉะนั้นยัยนี่ถือว่าโชคดีสุด ๆ แล้ว จากนั้นพวกฉันทั้งหมดรวมทั้งแพรวกับมาร์คัสด้วยจึงพากันไปที่ห้องพักเพื่อรอเวลาการประชุมทันที
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา