“อะไรนะ!!! แกพูดใหม่สิ”
ตอนนี้ผมรู้สึกโมโหมาก ที่ได้ยินลูกน้องคนสนิทของผมมันบอกว่ามีคนแอบเอาความลับของบริษัทผมไปบอกให้คนนอกรู้ ซึ่งผมเกลียดพวกหนอนบ่อนไส้มาก
“คือผมบอกว่า คนของเราแอบเอาข้อมูลลับของทางบริษัทไปบอกบริษัทคู่แข่งของเราครับ” กวินมือขวาของผมพูดขึ้น ผมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถามมันออกไปว่า
“รู้ไหมว่ามันเป็นใคร ที่กล้าเหยียบหัวคนอย่างฉัน” ผมพูดนิ่ง ๆ แต่สำหรับคนที่อยู่กับผมมานานอย่างมันจะดูออกว่า เมื่อไหร่ที่ผมเป็นแบบนี้แสดงว่าผมเริ่มที่จะโกรธแล้ว
“เอ่อ คือ ผมกำลังสืบอยู่ครับ แต่เหมือนมันจะรู้ตัวเพราะว่ามันปิดทุกอย่างที่จะสาวไปถึงตัวมันหมดครับ ผมขอเวลาสักพักแล้วผมจะหาคนทรยศมาให้บอสให้ได้ครับ ส่วนบริษัทคู่แข่งที่มันเอาไปบอกคือ บริษัทของคุณโทมัสครับ เพราะว่างานของเราขัดผลประโยชน์ของทางนั้นอย่างหนัก บริษัทของคุณโทมัสจึงลดราคาของให้มีราคาต่ำกว่าของเรา ทำให้ลูกค้าบางส่วนหันไปใช่บริการสั่งของ ของบริษัทคุณโทมัสแทนครับ แต่ลูกค้าประจำของเรายังติดต่อซื้อขายกับเราอยู่ครับ”
“หึ ไอ้โทมัสศัตรูคู่อาฆาตฉันนี่เอง ปล่อยมันได้ใจไปก่อน ส่วนคนที่ทรยศหักหลังเราฉันให้นายตามสืบหาตัวมันให้เร็วที่สุด เมื่อรู้ว่าใครให้รายงานฉันทันที ฉันจะจัดการคนทรยศด้วยตัวฉันเอง” ผมพูดกับกวินด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก
“เอ่อ เจ้านายครับ นี่ก็สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว เจ้านายไม่โทรหาคุณลินหน่อยเหรอครับ ยิ่งสวย ๆ อยู่ด้วยถ้าเจ้านายไม่ทำคะแนนระวังจะโดนหมาคาบไปนะครับ” กวินมันพูดยิ้ม ๆ แต่ผมนี่สิ
“ไอ้ ไปทำงานของแกเลยไป แล้วใครบอกให้แกเรียกชื่อลินอย่างสนิทสนมแบบนั้น ยังไม่ออกไปอีก ไปสิ ฉันก็จะกลับบ้านเหมือนกัน”
เมื่อไม่เห็นกวินออกไปแถมยังทำหน้ากวนส้นใส่เขาอีก เขาก็ยิ่งเก้อเพราะมันอยู่กับเขามานานจึงทำให้กวินรู้ว่าเจ้านายอย่างผมรู้สึกอย่างไร ผมจึงเลี่ยงที่จะออกไปเอง
ตืดดดด ตืดดดด ตืดดดดดด รอไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่านี่ใครคะ” เสียงหวานของลลินกรอกเข้ามาตามสาย
“ว่าไงจ๊ะฮันนี่ นอนหรือยังที่รัก พี่กวนหรือเปล่า” ผมจึงเลือกที่จะกวนประสาทเธอกลับไป
“นี่ ไอ้บ้านี่ โทรมามีไร” เธอถามเสียงไม่สบอารมณ์
“เปล่าไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากโทรนะ” ผมตอบเธอแบบกวน ๆ ถ้าให้เดานะ ผมว่าป่านนี้เธอคงจะเต้นเร่า ๆ แล้วล่ะที่โดนผมกวน
“นี่ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอวางสายนะคะ พอดีดิฉันอยากพักผ่อน”
เธอก็ตอบผมอย่างไม่ยอมเหมือนกัน และดูท่าเธอจะวางสายจริง ๆ
“เฮ้ เดี๋ยวสิ พี่แค่จะโทรมาบอกว่า คิดถึงน่ะ ฝันดีนะครับที่รัก”
ผมจึงรีบเรียกเธอไว้ก่อน ก่อนที่จะพูดประโยคน่าอายนั่นออกไป นี่ผมพูดบ้าอะไรออกไปวะเนี่ย แล้วทำไมใจผมมันเต้นเร็วแบบนี้ล่ะ
เฮ้อ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า
ตึก ตึก ตึก
“คิดถึงนะ ฝันดีนะครับที่รัก”
ประโยคที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ ทำให้ใจฉันเต้นรุนแรงมากเลยละ ทำไมถึงมาพูดตอนนี้นะ อีตาพี่บ้านี่ ให้ตายสิพี่จะชนะฉันไม่ได้นะ ฉันจะไม่ใจอ่อนเพราะไอ้ประโยคหวาน ๆ ที่พี่บอกฉันเมื่อกี้นี้หรอก ชิ
“นี่ ยัยลินเป็นอะไรของแก ฉันเห็นแกยืนคุยโทรศัพท์แล้วจับหัวใจนานแล้วนะ เป็นอะไร บอกมาซะดี ๆ” นั่นไงยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงยัยปรางค์ก็เข้ามาในหูซะแล้ว
“อะไรนะ คุยโทรศัพท์แล้วจับหัวใจเหรอ หรือว่ายัยลินจะมีความรัก”
นี่ก็ด้วยอีกคนยัยมีนจอมมโนไงละ
“บ้าและพวกแก ความรงความรักอะไรล่ะ ไม่มีหรอก” ฉันตอบพวกมันเลี่ยง ๆ แต่พวกมันสิกลับมองหน้าฉันราวกับจับผิดแหนะ
“แน่นะ/แน่นะ” เสียงพวกมันสองคนดังขึ้นพร้อมกัน
“เออ แล้วนี่งานที่ให้ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง”
ฉันตอบพวกมัน ก่อนจะถามเรื่องงานเพื่อไม่ให้พวกมันซักฉันต่อ ก็แค่ไม่อยากเล่าให้มันสองตัวฟังเท่านั้นเอง หึหึ
“เอาของฉันก่อน ของล็อตนี้ฉันรู้สึกว่าลูกค้าของเราทำตัวแปลก ๆ เหมือนไม่อยากค้าขายกับเรางั้นแหละ หาทางโก่งราคาเป็นว่าเล่นเลย แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ สุดท้ายมันก็ยอมซื้อของเรา หึ” ยัยมีนพูดเกี่ยวกับสินค้าที่มันไปเช็กและส่งให้ลูกค้านั่นเอง
“คราวนี้ตาฉันบ้าง ของฉันยังคืบหน้าไม่มากว่ะ ฉันลองเจาะระบบเพื่อที่จะเข้าถึงตัวหนอนแล้วนะ แต่มันลบทุกอย่างเลยนะสิ ทำให้ไม่รู้เลยว่าใครเป็นหนอน อ้อ แต่ฉันมีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่นะ ฉันสงสัยว่าหนอนของเราจะคาบข่าวไปบอกนายโทมัสเจ้าของบริษัทอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็ไม่แน่ใจแต่พอฟังยัยมีนบอกว่า ลูกค้าไม่อยากซื้อของกับเราเพราะเราโก่งราคาเกินไป ทำให้ฉันคิดว่าลูกค้าน่าจะให้ความสนใจกับบริษัทของนายโทมัสนะ เพราะมันให้ราคาสินค้าถูกกว่าของเรานิดนึง มันน่าจะมีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะ”
เสียงยัยปรางค์บอกกับงานที่มันไปทำกับสิ่งที่มันสงสัยซะยาวเลย ฉันก็คิดตามนะ ก็จะตัดสินใจบอกพวกมันไปว่า
“งั้นเอางี้ ใครเต็มใจซื้อกับเราก็ซื้อ ใครไม่เต็มใจก็ปล่อยไป ส่วนเรื่องหนอนอะไรนั่นเราลองอยู่เฉยสักพัก เพราะฉันคิดว่ามันคงมุดอยู่ไม่นานหรอก ยังไงมันก็ต้องออกมาหาเราอยู่แล้ว จากนี้ก็ทำตัวเฉย ๆ เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรนะดีแล้ว”
“อืม” มันตอบพร้อมกัน ก่อนจะแยกไปนอน
อ้อ วันนี้พวกมันมานอนกับฉันนะ แต่ฉันนี่สิยังรู้สึกไม่หายง่วงเลย เพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดที่อีตาพี่บ้ามันฝากเอาไว้น่ะสิ เฮ้อ แล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย
ช่างเถอะ นอนดีกว่า
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา