ตอนนี้พวกผมสามคนอยู่ที่มหาลัยของไอ้ตินแล้วครับ เพราะวันนี้มันมีประชุมกับหุ้นส่วนของมหาลัย แต่มันบอกให้พวกผมสองคนมาด้วย พวกผมก็เลยมา
แต่เหตุเมื่อกี้สิครับที่ทำให้พวกผมตะลึง คือลลินหันไปพูดอะไรกับไอ้มาร์คัสน้องไอ้ตินก็ไม่รู้ แต่จากที่ผมสังเกตก็คือทุกคนดูตะลึง จากนั้นลลินก็กระชากผู้หญิงข้างกายไอ้มาร์คัสมาและตบเธอไปสี่ครั้งติดทำให้น้องคนนั้นถึงกับล้มเลยล่ะครับ นั่นยังไม่พอเธอหันไปหยิบจานข้าวแล้วค่อย ๆ เทลงบนหัวของน้องคนนั้น ผมนี่ตะลึงทำอะไรไม่ถูกเลย จนไอ้ตินมันสะกิด
“ไอ้มาร์ทเว้ย มึงไปห้ามสิมึงชอบน้องเขานิ เดี๋ยวน้องลลินของมึงก็มีเรื่องหรอก ผู้หญิงที่น้องลินมึงมีเรื่องด้วยเนี่ยเป็นลูกผู้มีอิทธิพลนะเว้ย”
พอได้ยินเท่านั้นแหละผมวิ่งไปหาเธอและตะโกนบอกให้เธอหยุด
“ลิน ลินหยุดพี่บอกให้หยุด” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่หยุดนะครับ
จนผมเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลังแต่เธอผลักผมออกแล้วหันไปพูดกับน้องที่เธอตบเมื่อกี้อีกครั้ง น้ำเสียงเธอนิ่งมาก ๆ และผมเริ่มรู้แล้วว่าเธอน่ากลัวเพราะน้ำเสียงนิ่งก็จริงแต่สายตาของเธอนี่สิ สามารถฆ่าคนได้เลยละครับ
บรึ๋ย นึกแล้วผมก็เริ่มกลัวเธอขึ้นมานิด ๆ ล่ะแล้วน้องแพรวอะไรนั่นที่เธอประกาศว่าเป็นน้องก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ลินกับพูดออกมาว่าหยุด ก่อนที่เธอจะขึ้นผมนึกในใจนี่ยังไม่ขึ้นอีกเหรอ ซึ่งตอนนี้เราก็เข้ามาในห้องพักเพื่อรอเวลาการประชุม และสีหน้าของลลินดูนิ่งมาก
ผมยังจำตอนที่ผมเข้าไปกอดห้ามเธอได้ ไม่รู้เธอเอาแรงมาจากไหนแต่ที่ผมรู้ก็คือ แรงเธอเยอะมาก ๆ เลยล่ะ พวกเรานั่งอยู่อย่างนั้นไม่มีใครพูดอะไร ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ได้เวลาเข้าห้องประชุม พวกเราเข้าห้องประชุมทุกคนเลยครับยกเว้นก็แต่น้องที่ชื่อแพรวอะไรนั่นที่ไม่ได้เข้า น้องให้เหตุผลที่ว่าเป็นเรื่องของมหาลัย นักศึกษาอย่างน้องไม่ควรเข้าไป เธอขอนั่งอยู่ในห้องนี้ ซึ่งพวกผมก็ไม่ขัด แต่ผมเห็นสีหน้าของไอ้มาร์คัสนะครับเหมือนมันอยากขอโทษน้องแพรวอะไรนี่มากเลยล่ะ
แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้น ก็ไม่มีอะไรมากก็คุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับการปรับปรุงมหาลัย การบริหารไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ผมก็นั่งฟังเฉย ๆ ส่วนคนที่คอยเสนอหรือแย้งก็มีแต่ไอ้ตินกับปรางค์เพื่อนของลลินนั่นแหละครับ ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลง พวกเราทั้งหมดเดินมาที่ห้องพักทันที นั่งพักไม่ถึงสิบนาที ลลินก็เปิดประเด็นทันที
“ไหนเล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น ห้ามปิดปังด้วย”
ลลินหันไปถามแพรว
“คือเขาเข้ามาหาแพรวแล้วถามชื่อ แพรวก็บอกว่าใช่ แล้วยัยแพมอะไรนั่นก็เทน้ำใส่ตัวเองแล้วก็ตบตัวเองจากนั้นก็ดึงแพรวไปคร่อมตัวเองไว้ทั้ง ๆ ที่แพรวยังไม่ทำอะไรเลย แพรวได้แต่อึ้งจน จนพี่มาร์คัสเข้ามากระชากแพรวออกแพรวถึงรู้สึกตัวค่ะ” น้องแพรวอธิบายให้ฟัง
“แล้วนายล่ะ มาร์คัสใช่ไหม เล่าสิ” ลลินหันไปถามมาร์คัส
“เอ่อ คือผมเข้ามาก็เห็นแพรวคร่อมแพมอยู่ ผมก็เลยผลักแพรวออกจากแพม แต่ที่ผมบอกให้แพรวขอโทษแพมเพราะพ่อแพมเป็นคนมีอิทธิพล ผมไม่อยากให้แพรวมีปัญหาจึงตัดปัญหาด้วยการให้แพรวขอโทษอย่างที่พวกพี่เห็นล่ะครับ”
ไอ้มาร์คัสอธิบาย ตอนนี้เหมือนทุกคนกลัวลลินเลยแฮะ ขนาดเพื่อนเธอยังเกร็งเลย
“นายเลยไม่เลือกที่จะถาม แต่เลือกที่จะตัดปัญหางั้นสิ ให้ตายเถอะ”
เสียงนี่เป็นเสียงของปรางค์พูดขึ้นบ้าง
“อ้าวนี่คุณ แต่ผมว่าน้องผมก็ทำถูกนะที่จะตัดปัญหาแบบนั้น ไม่งั้นน้องแพรวมีอันตรายแน่” ไอ้ตินพูดทำให้ปรางค์จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“พอหยุด ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก นายควรสอบถามก่อนตัดสินใจนะมาร์คัส นายเป็นผู้ชายแถมยังเป็นรุ่นพี่ด้วย ไม่งั้นน้อง ๆ มันจะว่าเอาว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล ไม่ยุติธรรม ใช้แต่อำนาจ แล้วมันจะไม่มีคนนับถือนาย เขาจะเข้าหานายเพราะเงิน เพราะฉะนั้นให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนทีหลังก็คิดก่อนเข้าใจไหม”
ลลินหันไปหาไอ้มาร์คัส และพูดด้วยเหตุผลจนผมกับเพื่อนตะลึงไม่คิดว่าเธอจะมีเหตุผลขนาดนี้
“เข้าใจครับ แล้วพี่เอ่อ ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
ไอ้มาร์คัสรับคำก่อนจะถาม
“โกรธ แต่ช่างมันเถอะครั้งแรกหนิ ส่วนเธอแพรว เราไม่ใช่คนอ่อนแอหนิ แถมยังเป็นคนไม่ยอมคนด้วย ทำไมถึงอยู่เฉย ๆ ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ บางครั้งการอยู่เฉยก็ไม่ได้ทำให้คนที่แกล้งเราหยุดหรอก เพราะฉะนั้นจากนี้ก็วิเคราะห์สถานการณ์แล้วค่อยคิดว่าจะจัดการปัญหาตรงหน้ายังไงเข้าใจไหม” ลลินพูด
“เข้าใจค่ะ” น้องแพรวตอบลลิน จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ผมยิ้มก่อนจะ ลุกแล้วไปดึงลลินมานั่งตัก
“เฮ้ย ปล่อย” เสียงลลินบอก แต่ผมนิ่งส่วนเพื่อนผมอึ้งสิครับ เพราะผมไม่เคยทำกับใครแบบนี้
“ไม่ปล่อยหรอก เรานี่มีเหตุผลเหมือนกันนะ” ผมบอกเธอพร้อมยิ้มน้อย ๆ
“ฮึ่ม จะปล่อยไหม”
เธอถอนหายใจแล้วถามผมอีกครั้ง ผมก็ส่ายหัวเป็นอันที่เข้าใจกันว่าไม่ เธอมองหน้าผมสักพัก แล้วทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม จนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เลยละ แต่ไม่เป็นไรผมมึนพอ
“พี่มาร์ทขา ปล่อยลินนะคะ ลินอยากนั่งโซฟา ลินกลัวพี่มาร์ทเมื่อย”
นั่นไงผมว่าแล้ว แต่อะไรนะพี่เหรอ ลินเรียกผมว่าพี่ ผมหันไปยิ้มให้ทันที เธอมองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“อะไรกัน ห่วงพี่เหรอ พี่ไม่เมื่อยหรอก ให้คู่หมั้นนั่งตักแค่นี้จะเมื่อยได้ยังไง” ผมบอกเธอ
“ฮะ อะไรนะ!!!” เสียงไอ้ติน มาร์คัสและไอ้คิมดังขึ้นอย่างตกใจ
“เออ นี่คู่หมั้นฉันเอง ลลิน” ผมบอกพวกนั้นก่อนจะหันมายิ้มใส่ลินที่ตอนนี้หน้าแดงไปถึงหูแล้ว
“มึงมีตอนไหนไอ้มาร์ท ทำไมพวกกูไม่เคยรู้ว่ามึงมีคู่หมั้น” เสียงไอ้คิมถามแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร
“นี่ จะไปยุ่งอะไรเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจะหมั้นจะแต่งเกี่ยวไรกับนายไม่ทราบ ก็เข้าใจนะว่าเป็นเพื่อน แต่บางเรื่องก็ไม่ต้องรู้ก็ได้ปะ! ไอ้ปลาไหล”
เสียงของมีนพูดเองครับ พวกผมนี่หัวเราะก๊ากเลย เพราะไม่เคยมีใครเรียกไอ้คิมแบบนี้เลย หึหึ สงสัยผมว่ามันคงได้คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ทันไร ลลินก็หยิกผมใหญ่เลย
“โอ๊ย ลินหยิกพี่ทำไม” ผมถามเธอพร้อมทำหน้าเจ็บ ๆ
“ไม่ต้องมาสำออย ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แล้วไปหัวเราะเขาทำไมไม่ทราบ เรื่องตัวเองอะรอดแล้วเหรอฮะ!”
ลลินตอบผมจากตอนแรก ๆ ที่ผมหัวเราะก็กลายเป็นพวกมันที่หัวเราะแทน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงพวกมันหัวเราะเยาะผม
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมจึงหันไปทำหน้าดุคาดโทษให้พวกมันทันที ไม่นานเสียงก็เงียบลง และแน่นอนผมจัดการคนที่ทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกกับเพื่อน ๆ ด้วยการกอดเธอแน่นและแอบหอมแก้มเธอด้วยในบางครั้งเวลาที่เธอเผลอ หึหึ ความสุขของผม
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา