เช้าวันใหม่ เจนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือ เธอคว้ามือถือขึ้นมาอ่านด้วยอาการงัวเงีย แต่เมื่อเห็นข้อความจากฟ้าที่ส่งมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที
‘แก เชษเดินมาหาที่คณะบัญชีตอนฉันกลับ! เดินชิลๆ เหมือนมาเที่ยว คนทั้งคณะมองกันตาแทบไม่กระพริบ รีบจัดการเรื่องนี้เถอะก่อนจะวุ่นไปกว่านี้!’
เจนกัดริมฝีปากแน่น ความรำคาญและอายประดังเข้ามาพร้อมกัน เธอโยนมือถือลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“โอ๊ย! จะอะไรนักหนาวะ…” เจนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพิมพ์ตอบกลับหาฟ้า
‘วันนี้ฉันไม่ไปเรียน ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะ’
ส่งข้อความเสร็จ เธอโยนมือถือลงบนเตียงอีกครั้ง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ตัดสินใจกลับไปที่ค่ายมวยของที่บ้านแทน เธอรู้ว่าที่นั่นเป็นที่เดียวที่จะช่วยให้เธอหลบพ้นจากความวุ่นวายในหัวได้
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เสียงกระสอบทรายถูกต่อยดังก้องอยู่ภายในค่ายมวย ‘ศักดิ์ประภาไฟต์คลับ’ เจนกำลังซ้อมอยู่หน้ากระสอบทรายอย่างมีสมาธิ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาลูกศิษย์ที่ฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ
“ซ้ายอีก! อย่าลืมบิดตัว!” พี่เดย์ พี่ชายคนเล็กที่รับหน้าที่เป็นโค้ชยืนดูอยู่ข้างๆ พร้อมตะโกนแนะนำ
เจนต่อยกระสอบทรายไปเรื่อยๆ พยายามใช้แรงทั้งหมดระบายความหงุดหงิดในใจ เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วร่าง แต่เธอไม่สนใจ เธอแค่ต้องการให้สมองปลอดโปร่งจากเรื่องวุ่นวาย
“เป็นอะไรไป วันนี้ดูอัดอั้นนะ” พี่เดย์ถามเมื่อเห็นน้องสาวท่าทางไม่ปกติ
“เปล่าค่ะพี่” เจนตอบกลับสั้นๆ แต่เสียงของเธอกลับฟังดูห้วนจนเดย์ต้องเลิกคิ้ว
“เปล่าที่ไหน หน้าบอกหมดแล้วนั่น”
เจนกลอกตา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เสียงของพี่นนท์ พี่ชายคนกลางก็ดังขึ้นจากอีกด้านของค่าย
“เจน! มีคนมาหาแกที่หน้าค่าย!”
เธอหยุดต่อยทันที หันไปมองพี่นนท์ด้วยสีหน้าฉงน
“ใครมา?”
“ผู้ชาย ตัวสูงๆ หล่อใช้ได้” พี่นนท์ตอบพร้อมยิ้มแปลกๆ
หัวใจของเจนกระตุกวูบ เธอรีบถอดนวมออกแล้วเดินตรงไปที่หน้าค่ายอย่างเร่งรีบ แต่พอเดินมาถึง เธอก็ชะงัก
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงยีนส์ยืนอยู่ข้างรั้ว ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มที่เธอคุ้นเคยหันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“ว่าไง สาวห้าว ฉันมาหาเธอ” เชษพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
เจนเม้มปากแน่น ความโกรธที่เธอพยายามระบายออกเมื่อครู่กลับพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
“นายมาทำอะไรที่นี่!”
เชษยกไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ
“ฉันมาขอสมัครเรียนมวย”
คำพูดของเขาทำเอาเจนทั้งอึ้งทั้งหงุดหงิด เธอขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“นี่นายคิดจะเล่นอะไรอีก?”
เชษหัวเราะเบาๆ
“ไม่ได้เล่น ฉันอยากเรียนจริงๆ แต่ถ้าฉันได้เจอเธอทุกวัน มันก็ถือว่าเป็นโบนัส”
เจนกัดฟันกรอด มองเชษอย่างไม่รู้จะจัดการเขายังไง แต่เสียงพี่เดย์ที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เธอชะงัก
“ถ้าสนใจจริง ก็เข้ามาสมัครได้เลย เรายินดีรับทุกคน!”
เชษหันไปยิ้มให้พี่ชายของเจน ก่อนจะเดินเข้ามาในค่ายด้วยท่าทีมั่นใจ ทิ้งให้เจนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
เจนยังคงยืนมองตามร่างสูงของเชษที่เดินเข้าไปในค่ายด้วยท่าทางสบายๆ สายตาคนในค่ายเริ่มจับจ้องไปที่เขาอย่างสนใจ
“นี่เขา... มาได้ยังไง?” เจนพึมพำกับตัวเอง หัวใจเต้นระรัวด้วยความไม่สบายใจ
เธอรีบเดินกลับไปที่มุมพักของตัวเอง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกะจะโทรหาฟ้า แต่พอเปิดหน้าจอ มือถือก็โชว์ข้อความจากฟ้าที่ส่งมารัวๆ
‘เจน! แกอยู่ไหน!?’
‘เชษเขารู้ว่าแกอยู่ที่ค่ายมวยนะ!’
‘ขอโทษทีนะ ฉันหลุดปากบอกเขาไปเอง! เขาดันถามจี้จนฉันอึดอัด แกจะฆ่าฉันมั้ยเนี่ย TT’
เจนตาโตทันทีเมื่ออ่านจบ เธอกัดริมฝีปากแน่น ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาอีกระลอก
“ไอ้บ้าเชษ!”
เธอกดโทรหาฟ้าแทบจะทันที และอีกฝั่งก็กดรับสายเร็วเหมือนรู้ว่าเธอต้องโทรมา
“ฟ้า!” เสียงของเจนแทบจะตะโกน
“ทำไมแกบอกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่!”
“โอ๊ย ใจเย็นเจน!” ฟ้าตอบเสียงอ่อย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ! เขาถามซ้ำๆ แล้วสายตาเขาน่ะ มันกดดันฉันสุดๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”
“แล้วนี่ฉันต้องมานั่งรับมือกับเขาที่ค่ายอีกเหรอ!” เจนกดเสียงต่ำอย่างหัวเสีย
ฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันว่านายเชษเนี่ย ถ้าแกยิ่งไปโมโหใส่ เขาจะยิ่งสนุก แกต้องสงบสติอารมณ์ แล้วดูว่าหมอนั่นมันต้องการอะไรกันแน่”
เจนฟังแล้วรู้สึกว่าเพื่อนพูดถูก เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบใจ
“เออ...ฉันจะลองดู ขอบใจนะฟ้า”
“เออๆ ใจเย็นนะ มีอะไรก็โทรมา” ฟ้าพูดก่อนจะวางสาย
เจนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ขมวดคิ้วแน่น ในใจยังคงรู้สึกหงุดหงิดปนสงสัย แต่เธอรู้ว่าโมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในค่ายของเธอแล้ว เธอก็ต้องหาทางรับมือกับเขาให้ได้
อีกด้านหนึ่ง
เชษยืนคุยกับพี่เดย์ด้วยท่าทีผ่อนคลาย แม้จะโดนพี่ชายของเจนมองสำรวจเหมือนกำลังประเมินตัวเขาอยู่ก็ตาม
“อยากเรียนมวยจริงเหรอ?” พี่เดย์ถามพลางเลิกคิ้ว
“หรือแค่มาหาเรื่องสนุก?”
เชษยิ้มกว้าง
“ผมตั้งใจมาสมัครจริงๆ ครับ คิดว่าน่าจะช่วยให้ผมเรียนรู้วินัยอะไรบางอย่างด้วย”
พี่เดย์หรี่ตามองเขา เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเหรอ...เอางี้ ถ้านายชนะน้องสาวฉันได้ ฉันจะยอมให้นายเรียนมวยที่นี่”
“หมายความว่ายังไงครับ?” เชษเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
พี่เดย์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกเจนที่เพิ่งเดินกลับมา
“เจน! มานี่”
“มีอะไรพี่?” เจนถามเสียงห้วน ขณะเดินเข้ามา สีหน้าแสดงความเบื่อหน่ายเต็มทีเมื่อเห็นเชษยืนอยู่
“เป็นคู่ซ้อมให้หมอนี่หน่อย” พี่เดย์พูดสั้นๆ พร้อมส่งยิ้มขำๆ
เจนชะงัก มองหน้าพี่ชายอย่างไม่อยากเชื่อ
“พี่พูดจริง?” ดวงตาเป็นประกายวาววับ เหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่
“ผมไม่อยากสู้กับผู้หญิ..” เชษพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันจบประโยค พี่เดย์ก็พูดแทรกขึ้นทันที
“คำพูดนั้น ไว้ชนะก่อนค่อยพูดเหอะ” น้ำเสียงพี่ชายติดจะเย้ยเล็กน้อย ก่อนจะหันไปโบกมือให้ลูกน้องในค่ายเตรียมสังเวียน
เจนพ่นลมออกจมูก มองหน้าเชษด้วยรอยยิ้มเยาะ
“กลัวเหรอ? ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปซะ”
คำพูดของเจนกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเชษ เขาเลิกคิ้วมองเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
“อืม... ถ้าเธอท้าขนาดนี้ ลองดูซักตั้งก็ได้”
เชษพับแขนเสื้อเชิ้ต ก่อนจะเดินตามเจนขึ้นไปบนสังเวียน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ขณะที่ทุกสายตาในค่ายจับจ้องไปที่พวกเขา
เสียงระฆังเริ่มต้นดังขึ้น เจนยืนอยู่กลางสังเวียน ท่าทางสงบนิ่ง ดวงตากลมโตจับจ้องเชษราวกับกำลังวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหวของเขา น้ำเสียงรอบข้างที่ส่งเสียงเชียร์ดังระงมไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิแม้แต่น้อย
เชษเองก็ก้าวเข้าหาอย่างมั่นใจ ถึงเขาจะไม่มีประสบการณ์ต่อยมวยแบบจริงจัง แต่ก็มีฝีมือในการต่อยตีตามสไตล์เด็กวิศวะที่ผ่านศึกทะเลาะวิวาทมาบ้าง ดวงตาคมของเขาจับจ้องเจนเหมือนพยายามอ่านการเคลื่อนไหว
เขายกหมัดขึ้นตั้งการ์ดแบบที่เคยเห็นจากคลิปในอินเทอร์เน็ต แล้วพุ่งเข้าหาเจนทันทีที่เธอเริ่มขยับ
เจนหลบหมัดของเขาได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของเธอเหนือกว่าเชษอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังประเมินฝีมือของเขา
“หมัดดีนะ แต่ยังไม่เร็วพอ” เธอพูดพลางเหวี่ยงหมัดสวนกลับไป หมัดตรงของเธอพุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเต็มแรง จนเชษเซไปด้านข้าง
เสียงเชียร์ดังลั่นในค่าย แต่เชษยังยิ้มออกมา
“หมัดหนักไม่เบานะ...”
เชษยิ้มมุมปาก สูดหายใจลึกแล้วพุ่งเข้าหาอีกครั้ง คราวนี้เขาออกหมัดซ้ายต่อยลำตัว หมัดขวาตรงเข้าหน้า แต่เจนยังคงหลบได้อย่างสวยงาม
“นายช้าจังนะ” เจนเย้าก่อนจะสวนหมัดฮุกเข้าใต้คางของเขา
แรงกระแทกทำให้เชษถอยหลังไปหลายก้าว เขากัดฟันแน่น ตั้งการ์ดขึ้นใหม่ ก่อนจะออกหมัดชุดเข้าใส่เจน หมัดแรกของเขาเกือบเฉียดปลายคางเธอได้ แต่เจนกลับก้มตัวหลบแล้วปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตเข้าชายโครง
เสียงกระแทกดังสนั่นทำให้ทุกคนในค่ายแทบกลั้นหายใจ เชษเริ่มเสียจังหวะ มือที่เคยตั้งการ์ดหล่นลงไปเล็กน้อย
เจนยิ้มมุมปาก สบโอกาสก้าวประชิดตัวเขา ก่อนจะปล่อยหมัดฮุกขวาเต็มแรงเข้ากรามของเขา
ปึก!
เชษล้มลงไปกองกับพื้น เสียงระฆังดังขึ้นเพื่อยุติการต่อสู้
ทุกคนในค่ายปรบมือดังสนั่น เสียงหัวเราะและคำพูดที่คล้ายจะเย้าก็ดังขึ้นรอบตัว
“คิดไว้แล้ว!”
“จะมาสู้เจน? ฝันไปเถอะ!”
“นี่แหละลูกสาวเจ้าของค่าย!”
พี่เดย์เดินเข้ามาข้างสังเวียน ยกมือปรบอย่างพอใจ
“เยี่ยมมากเจน ฝีมือไม่ตกเลย”
เจนหอบเล็กน้อย มองเชษที่ยังนอนอยู่บนพื้น เธอกระตุกยิ้มเย็นชา
“ลุกไหวมะ?”
เชษพยายามยันตัวขึ้นช้าๆ มือยกขึ้นแตะกรามที่เจ็บจนชา แต่เขายังยิ้ม
“ฉันยอมรับ เธอเก่งจริงๆ ...”
เจนยักไหล่
“ถ้ารู้แล้วก็กลับไปซะ”
เชษหัวเราะในลำคอ แม้จะเจ็บไปทั้งตัวแต่เขาก็ยังพูดออกมา
“คิดว่าแค่นี้จะทำให้ฉันยอมแพ้เหรอ?”
เจนกลอกตา ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันหลังเดินลงจากสังเวียน ปล่อยให้เชษนั่งยิ้มอยู่บนพื้นกลางสายตาคนทั้งค่ายที่กำลังวิจารณ์เขาอย่างออกรส
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน