ภายในมหาวิทยาลัย
เจนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ยาวในมุมสงบของคณะ สายตาจับจ้องไปยังสมุดโน้ตตรงหน้าที่เต็มไปด้วยลายมือของเธอ ขณะที่มือข้างหนึ่งหมุนปากกาไปมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่มักดูมั่นใจ ตอนนี้กลับฉายแววครุ่นคิด
“มาขยันอะไรตอนนี้เนี่ย?” เสียงฟ้าดังขึ้นขัดจังหวะ เจนเงยหน้าขึ้นทันที เห็นฟ้าและแจงเดินตรงเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มในมือ
“ชาเย็นไข่มุก เพิ่มวิปครีมสุดโปรดของแก” ฟ้าวางแก้วลงตรงหน้าเจนพร้อมรอยยิ้มกว้าง
เจนถอนหายใจยาว หยิบแก้วขึ้นมาดูดหนึ่งอึกแล้ววางลง
“ขอบใจนะ แต่วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหรอก ฉันแค่...”
แจงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมเท้าคางมองหน้าเพื่อน “แค่... เจอเรื่องอะไรมาอีกล่ะ?”
เจนเลี่ยงโดยการดูดไข่มุกจากชาเย็นขึ้นมา ไม่ยอมตอบตรงๆ เธอไม่อยากเล่าเรื่องเชษให้ใครฟังอีก เพราะแค่คิดถึงเขา หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างน่ารำคาญ
ฟ้าสังเกตสีหน้าเพื่อนที่ดูตึงเครียด จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“เอางี้ไหม? วันนี้หลังเลิกเรียนไปที่ผับของพี่คิงมะ? ไนท์อาวน์ ผ่อนคลายหน่อย”
“ไนท์อาวน์?” เจนถามพร้อมเลิกคิ้ว
แจงพยักหน้าเสริม
“ผับพี่ชายยัยฟ้านั่นแหละ บรรยากาศดี ดนตรีสดก็เริ่ด แล้วฉันรู้นะว่าแกน่ะ ไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่เปิดเทอมนี้”
เจนหัวเราะในลำคอ “ก็ฉันไม่อยากเที่ยวไง”
“โอ๊ย เจน! ไปด้วยกันหน่อยน่า ถือว่าไปกินอะไรง่ายๆ ฟังเพลงชิลๆ” ฟ้าทำเสียงอ้อน
“พี่คิงยังถามถึงแกอยู่เลยนะ บอกว่าทำไมแกไม่ไปหาเขาบ้าง”
เจนเม้มปากแน่น นึกถึงพี่คิงที่เคยเป็นทั้งพี่ชายและที่ปรึกษาที่ดีในช่วงมัธยม เธอชอบบรรยากาศที่ผ่อนคลายเวลาคุยกับเขา
“ก็ได้” เธอตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“แต่อย่าดึกนะ”
ฟ้าและแจงยิ้มกว้างพร้อมกัน
“โอเค! งั้นเลิกเรียนเราไปกัน”
ไนท์อาวน์ ผับของคิง
เสียงดนตรีสดในผับดังผสมผสานกับเสียงพูดคุยของลูกค้าที่มานั่งพักผ่อน ร่างสูงของเชษนั่งอยู่ที่โซนวีไอพีด้านในพร้อมกับกลุ่มเพื่อนสนิทและเฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทที่มักอยู่เคียงข้างเขา
เฟิร์นยื่นแก้วเครื่องดื่มส่งให้เชษพร้อมรอยยิ้ม
“นายคิดอะไรอยู่?”
เชษยกแก้วขึ้นจิบ พลางยักไหล่ “เปล่า ฉันก็แค่… พักผ่อน”
เพื่อนในกลุ่มหัวเราะเบาๆ
“พักผ่อน?หรือกำลังคิดแผนใหม่เกี่ยวกับใครบางคน?”
เชษเลิกคิ้ว ไม่ตอบอะไร แต่ดวงตาคมของเขากลับเหลือบมองไปที่ทางเข้าผับโดยไม่รู้ตัว และนั่นทำให้เขาเห็นกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
เจน...
เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบาง ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยเนินอกขาวและหน้าท้องแบนเรียบที่โผล่พ้นชายเสื้อหลุดลุ่ยเล็กน้อย กางเกงยีนส์เอวต่ำรัดรูปขับสัดส่วนให้โดดเด่น รองเท้าส้นสูงสีดำเสริมความมั่นใจ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มรวบครึ่งศีรษะอย่างง่ายๆ ปล่อยปลายพลิ้วไหว
แต่งหน้าเบาๆ แต่สะดุดตาด้วยอายไลเนอร์และริมฝีปากสีแดงระเรื่อ เธอดูสวยและเซ็กซี่อย่างไม่ต้องพยายาม ใบหน้าที่มักจะดูนิ่ง กลับเปล่งประกายด้วยความสบายใจเมื่ออยู่กับเพื่อนๆ
เชษยิ้มมุมปากทันทีที่เห็นเธอ ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“ดูเหมือนคืนนี้จะน่าสนใจขึ้นเยอะ”
เฟิร์นที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเชษจ้องไปทางหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะมองตาม แต่เธอไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจ
“มองอะไร?”
“ไม่มีอะไร” เชษตอบพร้อมยิ้มบาง แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่กลุ่มของเจนที่เดินไปนั่งโต๊ะใกล้เวที
เสียงดนตรีสดในผับ ‘ไนท์อาวน์’ ดังนุ่มนวลเข้ากับบรรยากาศอบอุ่นของแสงไฟสลัวๆ เจน ฟ้า และแจงนั่งอยู่ที่โต๊ะริมๆ ข้างเวที นักดนตรีกำลังเล่นเพลงอะคูสติกที่ทำให้เจนรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน
คิงเดินเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มและยิ้มกว้าง
“นี่พี่ต้องต้อนเราถึงมุมโต๊ะเลยเหรอ ถึงจะได้เห็นหน้า” เขาเอ่ยแซวทันที
เจนหัวเราะเบาๆ
“ก็งานมันเยอะค่ะ พี่คิง เลยไม่ได้ไปไหนเลย”
“งั้นก็ถือว่ามาถูกที่แล้ว” คิงพูดพลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเธอ
“น้ำแอปเปิ้ลโซดา ไม่มีแอลกอฮอล์ตามที่ชอบ”
“พี่นี่ รู้ใจหนูจริงๆ” เจนยิ้มหวาน พลางหยิบแก้วขึ้นมาดื่มอย่างถูกใจ
“แหม่ เฮีย มาถึงก็อวยแต่ยัยเจนคนเดียวเลยนะ” ฟ้าแซวพี่ชายตัวเองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“นั่นสิ ไม่คิดจะทักหนูมั่งเหรอ” แจงเสริมขำๆ
“เราสองคนมันขาดื่มอยู่แล้ว อยากกินไรก็สั่งสิ” คิงตอบยิ้มๆ น้ำเสียงติดเอ็นดู
ฟ้าฉวยโอกาสกระซิบพี่ชาย
“แล้วพี่เนกับพี่เบียร์มาปะ?”
“มา อยู่โน่นน่ะ” คิงหัวเราะเบาๆ พลางพยักพเยิดไปทางกลุ่มของเนและเบียร์ที่นั่งสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานที่โต๊ะไม่ไกล
“โห หล่อเหมือนเคย” ฟ้ากับแจงพึมพำพร้อมกัน ตาหวานเยิ้มขณะมองทั้งสองหนุ่ม
โป๊ก!
คิงเขกหัวทั้งคู่เบาๆ เชิงหยอกล้อ
“เราสองคนนี่นะ จะเก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้”
“เฮียอะ!” ฟ้าบ่นพลางลูบหัวตัวเอง
เจนที่นั่งฟังอยู่หัวเราะในลำคอ ขณะที่คิงส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ตามสบายนะ ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้เลย” เขายิ้มก่อนจะขอตัวไปดูแลลูกค้าต่อ
“พี่เนหล่อจริง!” แจงตาลอย มองไปทางเนที่กำลังคุยกับเพื่อนในกลุ่ม
“ไม่จริง พี่เบียร์หล่อกว่า” ฟ้าแย้งทันที
เจนกลอกตาพลางหัวเราะ
“น้ำลายยืดกันละ พวกแก” เธอพูดพร้อมจิบน้ำแอปเปิ้ลโซดาอย่างอารมณ์ดี
ขณะนั้น แจงทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเน ก่อนทั้งคู่จะลุกออกจากโต๊ะไปด้วยกัน
“แม่ง! ผู้หญิงคนนั้นใครวะ ลากพี่เนไปเลย”
“พี่เบียร์อยู่คนเดียว แกเข้าไปทักดิ” แจงหันไปสะกิดฟ้า
ฟ้าส่ายหน้ารัว “ไม่เอาอะ! กลัวหน้าแหก”
เจนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักเพยิดให้มองตาม
“ช้าไปแล้ว ดูนั่น”
พวกเธอเห็นผู้หญิงอีกคนเดินเข้าไปหาเบียร์ ดูเหมือนกำลังพยายามชวนเขาออกไป แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นต่อ หญิงสาวอีกคนในชุดเดรสสีดำรัดรูปสุดเซ็กซี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอเดินตรงเข้าไปอย่างมั่นใจ ก่อนจะนั่งลงบนตักเบียร์และโอบรอบคอเขาอย่างไม่แคร์สายตาใคร
“โอ้โห... ชิท!” ฟ้ากับแจงเบิกตากว้าง
“ดูท่าสาวตัวจริงจะมาแล้ว” เจนพูดพลางหัวเราะ เมื่อเบียร์โน้มตัวไปจูบหญิงสาวในชุดเดรสอย่างไม่สนใจใคร ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นจูงมือกันออกจากผับไป
“เฮ้อ... อกหักเลย!” ฟ้าทำหน้าเซ็ง
“แม่ง แบบนี้ต้องดื่มให้ลืม” แจงสมทบ ทั้งสองคนยกมือเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มทันที
เจนได้แต่มองเพื่อนพร้อมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะจิบเครื่องดื่มของตัวเองต่อด้วยรอยยิ้มขำๆ
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน