อีกด้านหนึ่ง
เจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่ม
ฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ
“แกว่า... เจษหรือเชษ?”
แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”
เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น
ในผับไนท์อาวน์
หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย
“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้า
เชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้าง
โจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญ
เชษเลิกคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย
“หนูชื่อมินนี่ค่ะ ได้ยินเรื่องของพี่มานานแล้ว” มินนี่พูดเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ
“แล้ว?” เชษมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง พลางหมุนแก้วเปล่าในมือ
“พี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเหรอคะ?” มินนี่พูด พร้อมขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกเล็กน้อย
เชษหรี่ตามองเธอ
“ถ้าเป็นงั้นจริง เธอจะทำไม?” น้ำเสียงติดจะเย้ยเล็กๆ
มินนี่ส่งยิ้มยั่ว ดวงตาของเธอฉายแววความปรารถนา
“ถ้าพี่อยากรู้...คืนนี้ไปห้องหนูสิคะ?” เธอขยับเข้าใกล้จนริมฝีปากแทบจะแตะใบหูของเขา
โจ้ยกคิ้วสูง มองเชษด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สาวอ่อยขนาดนี้ มึงยังเฉยอีกเหรอ?”
เชษเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมหยิบเสื้อคลุมของตัวเอง
“งั้นก็ไปสิ” เขาพูดเรียบๆ
มินนี่ส่งยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะเกาะแขนเชษเดินออกจากผับไป พร้อมสายตาของโจ้ที่มองตามอย่างล้อเลียน
“เพื่อนกูนี่มันสุดจริงๆ”
ในห้องของมินนี่
ไฟในห้องสลัวสร้างบรรยากาศชวนลุ่มหลง อบอวลไปด้วยความเร่าร้อน มินนี่ดึงตัวเชษเข้ามาประกบจูบอย่างดื่มด่ำ ริมฝีปากบดเบียดแนบแน่น ก่อนที่มือเรียวจะเลื่อนลูบไล้ไปตามแผงอกแข็งแกร่งของเขาอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา
เชษปล่อยให้เธอจูบเขาอย่างไม่ขัดขืน ร่างสูงโอบเอวบางของมินนี่ไว้แน่น ก่อนจะกดตัวเธอลงบนที่นอน ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาเริ่มไล้ตั้งแต่ซอกคอลงต่ำไปจนถึงเนินอก ก่อนจะเม้มดูดยอดถันด้วยความชำนาญและเร่าร้อน
“อา..อ๊า...” มินนี่ครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวจิกบ่ากว้างของเขาแน่น เชษหยิบถุงยางขึ้นมาสวมอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะค่อยๆ สอดใส่แก่นกายเข้าไปในร่างของเธอ เริ่มขยับสะโพกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มจังหวะให้เร่าร้อนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แต่ในขณะที่ทุกอย่างควรดำเนินไปตามอารมณ์ ใบหน้าของเจนกลับผุดขึ้นในความคิดของเขา ราวกับเธอยังอยู่ตรงหน้า
ภาพใบหน้าหวาน แดงระเรื่อในค่ำคืนที่เร่าร้อนนั้น ยังคงติดตรึงในความทรงจำ กลิ่นหอมจากกายของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในจมูก รอยสัมผัสจากผิวเนียนนุ่ม จุดอ่อนไหวที่ดึงดูดทุกสัมผัสทำให้อยากชิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่องทางคับแน่นที่ยากจะลืม และแววตาดื้อรั้นพร้อมน้ำเสียงที่เถียงเขาอย่างไม่ยอมแพ้... ทุกอย่างชัดเจนจนทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอีกครั้ง
“พี่เชษ...?” มินนี่พึมพำเสียงแผ่ว ขณะปรือตามองเขาอย่างสับสน เมื่อเชษหยุดนิ่งไปกลางคัน
“พอ...” เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของเธอ
“เดี๋ยวสิคะ พี่เชษ! ทำไมล่ะ?หนูทำอะไรผิดเหรอ?” มินนี่ร้องถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความงุนงง
เชษไม่ตอบ เขาหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย
ประตูปิดดัง “ปัง!” ทิ้งมินนี่ไว้ในความเงียบและคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
ข้างนอกอาคาร
เชษยืนพิงกำแพง สูดลมหายใจลึกพยายามระงับความวุ่นวายในใจ เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความสับสน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างคนที่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึก
“แม่งเอ๊ย...” เขาพึมพำเสียงแผ่วกับตัวเอง พลางหลับตาลง
“นี่ฉันเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย?”
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ในหัวกลับมีเพียงภาพของเจน เสียงครางหวานของเธอที่เขาได้ยินในคืนนั้น ลมหายใจหอบกระชั้นของเธอ ทุกสัมผัส ทุกจังหวะ ทุกความเร่าร้อนและร้อนแรง ทุกอย่างยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เชษหลับตาแน่น หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความสับสน เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว ความคิดถึงใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ในหัว ยิ่งพยายามไล่ก็ยิ่งชัดเจน
เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากตึกไปอย่างไร้จุดหมาย
อีกด้านหนึ่ง
เจนกลับมาถึงห้องพักของตัวเองแล้ว เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ร่างกายอ่อนเพลีย แต่หัวใจกับสมองกลับยังทำงานไม่หยุด
คำพูดของเชษในผับวนเวียนอยู่ในหัว
“ถ้าเธอลืม ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง”
เจนพลิกตัวไปมองเพดาน ถอนหายใจยาว
“นี่ฉันจะต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกนานแค่ไหนวะ?”
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ตั้งใจจะเลื่อนดูอะไรเพลินๆ เพื่อคลายความคิดฟุ้งซ่าน แต่กลับพบข้อความจากฟ้า
ฟ้า: ถึงห้องรึยัง?
เจนพิมพ์ตอบกลับสั้นๆ ถึงแล้ว
ฟ้า: ดีแล้ว ว่าแต่..แกเป็นอะไร ทำไมดูเหม่อๆ
เจนอ่านแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพิมพ์ตอบ
ไม่มีไรน่ะ แกคิดมาก
แต่เธอรู้ดีว่าในใจลึกๆ มันไม่ใช่แบบนั้น
ริมถนนหน้าคอนโดของเชษ
ร่างสูงเดินอย่างไร้จุดหมาย ท่ามกลางอากาศยามดึกที่เย็นลงเล็กน้อย เขาหยุดยืนมองท้องฟ้าที่ไม่มีดาว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เจนจิรา...”
เขาพึมพำชื่อเธอ รู้สึกถึงความหน่วงในอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหน ทำให้เขาตระหนักว่า...
ในตอนนี้ เขาไม่ต้องการใครอื่นเลย...นอกจากเธอ
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน