“เจน?” เสียงชายหนุ่มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เจนหันไปมอง ก่อนจะเห็นโต๊ดและเจษเดินตรงมาที่โต๊ะ
“อ้าว โต๊ด เจษ มายังไงเนี่ย?” เธอทักอย่างแปลกใจ
ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ต้องทำงานกลุ่มด้วยกันในวิชาการตลาด ซึ่งมีพรีเซนต์ส่งอาจารย์ทุกสองสัปดาห์
“พวกเรามาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เธอสิแปลก อยู่ดีๆ มาเที่ยวได้” เจษพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างเจนอย่างไม่ต้องขออนุญาต
“เบื่อๆ เซ็งๆ เลยออกมาผ่อนคลาย” เจนตอบเรียบๆ พลางหันมองไปทางฟลอร์เต้นรำที่เริ่มคึกคักขึ้น เมื่อดนตรีสดพักการแสดง และดีเจเริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุก
เจษยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย
“เบื่อๆ เซ็งๆ งั้นเหรอ งั้นไปสนุกกันหน่อยดีมั้ย?”
เจนเลิกคิ้วมองเขา “สนุกอะไร?”
เจษพยักเพยิดไปทางฟลอร์
“ไปเต้นไง ฉันรู้ว่าเธอชอบเพลงนี้”
“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเต้นไม่เป็น” เจนรีบปฏิเสธทันที
“ใครบอกต้องเต้นเป็น แค่ไปปล่อยตัวปล่อยใจสนุกๆ เดี๋ยวฉันช่วย” เจษยื่นมือมาให้เธอ พร้อมสายตาที่มองมาเหมือนจะไม่รับคำปฏิเสธ
ฟ้ากับแจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มขำแล้วสะกิดเจน
“ไปเถอะ อย่าให้พวกฉันเสียโอกาสดูฉากเด็ดแบบนี้”
เจนกลอกตา แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือไปจับมือเจษ
“โอเค... แต่อย่าทำให้ฉันขายหน้าก็พอ”
เจษหัวเราะเบาๆ พลางจูงมือเธอลุกขึ้น แล้วพาเดินไปยังฟลอร์เต้นรำที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัวหลากสี
เมื่อถึงฟลอร์ เจษปล่อยมือเจนแล้วเริ่มขยับตัวตามจังหวะเพลงง่ายๆ แต่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ เจนยืนมองอย่างลังเลก่อนจะค่อยๆ ขยับตามเขา
“เห็นมั้ย ไม่ยากเลย” เจษพูดใกล้หูเธอ เสียงของเขาแทบกลบไปกับเสียงเพลง
เจนเม้มริมฝีปากแน่น ความรู้สึกประหม่าหายไปทีละน้อยเมื่อจังหวะเพลงพาเธอขยับตัวตามไปอย่างลื่นไหล ดวงตาคมของเจษที่มองเธอเต็มไปด้วยความพอใจยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
“นายมองอะไร?” เจนถามพลางเลิกคิ้ว
“มองเธอน่ะสิ” เจษตอบตรงๆ พร้อมรอยยิ้ม
“เธอดูดีมากตอนนี้”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจเจนเต้นแรง เธอเบือนหน้าหนีทันที แต่เจษกลับโน้มตัวเข้าใกล้อีกนิด พร้อมกระซิบที่ข้างหู
“เธอไม่รู้หรอกว่า มีเสน่ห์แค่ไหนตอนเต้นแบบนี้”
เจนหันกลับมาสบตาเขาทันที “นายก็พูดเกินไป”
“เปล่าหรอก ฉันพูดจริง” เจษยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกมาเหมือนจะเชื้อเชิญเธอให้สนุกต่อ
“มาเถอะ สนุกกันต่อ อย่าเพิ่งหยุด”
เจนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมก้าวตามจังหวะอีกครั้ง ท่ามกลางแสงไฟและเสียงเพลงที่ดังก้องรอบตัว
พลันเสียงเพลงสนุกสนานจบลง จังหวะเพลงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองช้าๆ โรแมนติก เจนที่กำลังหมุนตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะ กลับถูกเจษคว้าเอวไว้จนตัวเธอแนบชิดกับอกแกร่ง
“นายจะทำอะไร?” เจนเลิกคิ้วถามพลางเงยหน้ามองเขา
“เต้นเพลงเร็วไปแล้ว ลองเพลงช้าดูมั่งสิ” เจษยิ้มมุมปาก ดวงตาพราวระยับ
ไม่รอให้เธอปฏิเสธ เขาจับแขนเรียวของเธอให้โอบรอบคอเขา ก่อนจะเลื่อนแขนโอบรอบเอวเธอแน่น จังหวะก้าวเท้าของเขาช้าและมั่นคง พาเธอเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน
“หึ นายนี่นะ” เจนหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เธอปล่อยตัวตามจังหวะเพลงและการนำของเขา
แสงไฟสลัวในผับยิ่งขับให้บรรยากาศดูอบอุ่นและใกล้ชิด เจษที่แอบชอบเจนมานานอดไม่ได้ที่จะจ้องลึกลงในดวงตาของเธอ หัวใจเขาเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้เธอขนาดนี้
“เจน...” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าใกล้เธอทีละน้อย
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
สายตาคมกริบของเชษที่มองจากมุมโต๊ะวีไอพีไม่คลาดไปจากภาพตรงหน้า ความไม่พอใจวิ่งพล่านในอกเมื่อเห็นเจษและเจนอยู่ใกล้กันเกินไป เขากระดกเหล้าในแก้วจนหมดในรวดเดียวก่อนจะวางกระแทกลงบนโต๊ะ
เฟิร์นที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นอาการของเขาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอ?”
เชษไม่ตอบ เขาลุกขึ้นทันที พร้อมจับมือเฟิร์นดึงให้ตามไป
“ไปเต้นกัน”
เฟิร์นชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยอมลุกตามอย่างว่าง่าย เชษพาเธอตรงไปยังฟลอร์เต้นรำ ไม่ห่างจากที่เจษและเจนกำลังเต้นเพลงช้า
ขณะที่เขาและเฟิร์นเริ่มเต้นตามจังหวะเพลง ชายหนุ่มก็ขยับเข้าไปใกล้คู่ของเจษและเจน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่เด็ดขาด
“ขอโทษนะ ขอเปลี่ยนตัวคู่เต้นหน่อย”
ทั้งเจษและเจนชะงัก เจนเงยหน้ามองเชษด้วยความแปลกใจ
“อะไรของนาย?”
เชษไม่ได้ตอบ แต่เขาคว้ามือเจนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงเธอออกจากเจษ
“เฮ้ เชษ! นายทำอะไร?” เจษถามเสียงไม่พอใจ
เชษยิ้มเย็น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เจือแววท้าทาย
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่เต้นกับเพื่อนร่วมมหาลัย”
เขาพูดเน้นคำว่า’ ร่วม’ อย่างจงใจ พลางโอบเอวเจนเข้ามาใกล้
เจนเบิกตากว้างเล็กน้อย เมื่อเห็นแววตาของเชษ
“มันจะมากไป...”
“ไม่เป็นไร ก็แค่เต้นน่ะ” เจนหันไปห้ามเจษด้วยเสียงที่พยายามสงบ ก่อนจะปล่อยให้เชษจูงเธอไป ทิ้งให้เจษยืนฮึดฮัดอยู่กับเฟิร์นที่มองตามด้วยสายตาไม่พอใจเช่นกัน
“เต้นกับฉันให้เหมือนเต้นกับมันหน่อยดิ” เชษกระซิบข้างหูเจนด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะจับแขนเรียวของเธอให้โอบรอบคอของเขา มือหนาของเขาเลื่อนมาโอบเอวบางไว้แน่นจนหน้าอกของเธอเบียดกับอกแกร่งของเขา
“นายต้องการอะไร?” เจนถามเสียงเข้ม พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต้นแรงจนแทบสงบไม่ได้
เชษก้มลงมองเธอ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเธออย่างแน่วแน่ ก่อนจะตอบเรียบๆ แต่หนักแน่น
“..เธอไง”
เจนชะงัก รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ
“นายพูดบ้าอะไร...”
“ไม่บ้า” เชษพูดต่อ น้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“ฉันหมายความตามนั้น ฉันไม่ชอบเห็นเธออยู่ใกล้กับคนอื่นแบบนั้น...”
คำพูดของเขาทำให้เจนอึ้งและไม่พอใจในคราวเดียวกัน เธอสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติ
“นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน”
เชษกระตุกยิ้มร้าย ดึงเธอเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบที่ข้างหูของเธอ น้ำเสียงเจือแววเจ้าเล่ห์
“เธอลืมอะไรไปรึเปล่า? ว่าเราสองคนน่ะ...”
เจนตัวแข็งทื่อ มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาดุดัน
“อย่ามาตลก มันก็แค่วันไนท์” เจนกระซิบเสียงเข้ม
คำพูดของเธอเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง แต่แทนที่เชษจะสะทกสะท้าน เขากลับหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมพราวระยับ
“เหรอ? แค่วันไนท์? แต่ดูเหมือนเธอยังจำได้ดีนี่...”
เจนเม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าเขากำลังใช้คำพูดยั่วอารมณ์ แต่ยิ่งพยายามสะกดความโกรธ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ
“ฉันลืมไปหมดแล้ว” เธอพูดเสียงเย็น ดันตัวเขาออกแล้วหมุนตัวเดินหนี
แต่เชษไม่ปล่อยง่ายๆ เขาคว้าข้อมือเธอไว้ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบอีกครั้ง
“ถ้าเธอลืม ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง”
“เธอไม่สนนาย แล้วนายจะรั้งเธอไว้ทำไม” เสียงหวานของเฟิร์นดังขึ้น ก่อนจะดึงแขนของเชษออกมาให้ห่างจากตัวเจน
เชษหันไปมองเฟิร์นที่เดินเข้ามาแทรกอย่างไม่พอใจ ดวงตาคมวาวโรจน์ในความมืดของแสงไฟสลัว
“มันไม่เกี่ยวกับเธอ” น้ำเสียงเขาติดจะเย็นชา ขณะที่ข้อมือยังจับเจนไว้แน่น
“เกี่ยว เพราะฉันอยู่กับนาย” เฟิร์นพูดเสียงนิ่ง แต่สายตาที่มองเจนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เจนสะบัดข้อมือออกแรงๆ ก่อนจะก้าวถอยห่าง
“เลิกยุ่งกับฉันซะที” พูดจบเธอก็เดินหายไปในฝูงชน
เฟิร์นมองตามเจนด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันกลับมาหาเชษ
“นายจริงจังรึไง?”
เชษยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาคมจ้องไปยังทิศทางที่เจนจากไป ก่อนจะถอนหายใจยาว
“ฉันว่า เรากลับกันเถอะ”
“เชษ!” เฟิร์นเรียกเขาเสียงดัง รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่วิ่งพล่านในอก
“ฉันถามว่า นายจริงจังกับเธอเหรอ?”
เชษมองหน้าเฟิร์นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถึงเราจะนอนด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันนะ”
“นาย!” พูดจบเชษก็เดินหนีทิ้งให้เฟิร์นยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน