“กลัวทำไม มันเป็นเรื่องปกติ ฉันจะสอนเธอให้รู้ทุกอย่าง ให้รับรู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง ตำแหน่งเมียของเธอสำหรับฉันแล้ว มีหน้าที่แค่นอนแผ่บำเรอร่างกายให้ฉันเท่านั้น”
“ไม่! อย่ามาทำแบบนี้กับหนูนะ” อินนัดดากลัวขึ้นมาจับใจ เขาเป็นบ้าอะไรกัน ดวงตาดุดันและหน้าตาเอาเรื่องนั่น ทำให้หญิงสาวหวาดกลัว
"ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต" เสียงทุ้มแผดลั่น ขณะที่ร่างใหญ่โตก้าวย่างช้าๆ
เข้าหาร่างเล็กที่นั่งขดตัวอยู่บนเตียงกว้าง ซึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่ เตียงสำหรับคู่บ่าวสาวในคืนแต่งงานคืนแรก
"แล้วหนูไปเกี่ยวอะไรด้วย หนูไม่เคยทำร้ายใคร คุณจะมาทำร้ายหนูทำไม" อินนัดดาตอบโต้ด้วยเสียงไม่เบานักเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงหงอๆที่จะยอมใครไปเสียทุกเรื่องหรอกนะ ที่ยอมแต่งงานด้วยก็เพราะเหตุผลทางธุรกิจตามที่คุณอาขอร้อง ก็เหมือนคู่อื่นทั่วไปที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ และต้องอาศัยเกื้อกูลกันเท่านั้นแหละ
"เพราะเธอเป็นครอบครัวเดียวกับมัน" ปัณณธรหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์ผิดเล็กน้อย เพราะจากที่คิดว่าอินนัดดาจะพูดแล้วเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่เธอกลับโวยวายไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
"เอ๊ะ! นี่คุณ! มันจะพาลเกินไปแล้วนะ หนูไม่อยู่กับคุณแล้ว หนูจะกลับบ้าน" ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง รวบจับกระโปรงถลกขึ้นแล้วกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว
"เธอเป็นเมียฉันแล้วเธอต้องอยู่ที่นี่ จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น" ปัณณธรยืนจังก้าขวางทางหญิงสาวไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะตรงไปยังประตูได้อย่างต้องการ
"หนูยังไม่ได้เป็นเมียคุณ และจะไม่มีวันเป็นด้วย ถอยไป หนูจะกลับบ้าน" เจ้าสาวหมาดๆเงยหน้าจนคอตั้งตะเบ็งเสียงเถียงเจ้าบ่าวตัวโตที่ยืนขวางทางกลับบ้านของตน
"คิดว่าจะก้าวออกจากที่นี่ได้ง่ายๆเหรอ" มือใหญ่จับแขนเล็กบีบแน่น จ้องมองเธอด้วยความไม่พอใจ
"คุณจะทำอะไร ปล่อยหนู หนูเจ็บนะ" อินนัดดาใช้มืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระทุบซ้ำๆที่มือใหญ่ซึ่งบีบแขนตัวเองอยู่ เธอเจ็บจริงๆนะ
"ทำให้เธอเป็นเมียฉันจริงๆไง" ปัณณธรรำคาญเสียงเล็กที่ตวาดแว้ดๆ เขารวบเอวเจ้าสาวที่ถูกต้องตามนิตินัยไว้แน่น ซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอนุ่มหอมกรุ่นรวดเร็วอย่างเอาแต่ใจ
"กรี๊ด!!!”
เสียงซิปที่ถูกรูดลงทำให้อินนัดดาดิ้นรนทุบตีบ่ากว้างแรงขึ้น แต่มันไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดกับเธอเลย แรงน้อยนิดไม่สามารถทำให้คนตัวโตรู้สึกรู้สาอะไร ครู่เดียวชุดเจ้าสาวก็กองลงไปอยู่ที่เท้า ร่างเล็กขาวโพลนเหลือเพียงผ้าชิ้นบางตัวเดียวปกปิดสิ่งที่หวงแหนไว้ แต่ปัณณธรกลับใจร้ายดึงกระชากมันจนขาดวิ่น ร่างของอินนัดดาจึงเปล่าเปลือยในทันที
“ช่วยด้วย ช่วยดะ...” ริมฝีปากหยักได้รูปกดทับดูดซับทุกเสียงโวยวายจากหญิงสาว เอวคอดของเธอถูกรวบไว้แน่นด้วยวงแขนเพียงข้างเดียว ปัณณธรบดเบียดร่างแนบชิดกายสาว จนอินนัดดาแอ่นโค้งตัวไปด้านหลัง ชายหนุ่มตวัดแขนรัดร่างเล็กแน่นขึ้น พาไปทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง โดยที่ยังกอดเกี่ยวร่างนุ่มนิ่มไว้ อินนัดดาจุกเล็กน้อยเมื่อถูกร่างใหญ่ทาบทับไว้ทั้งตัว ใบหน้าสากเลื่อนลงมาซุกไซ้ลำคอระหง ขบเม้มดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ
“ปล่อยๆ ไอ้โรคจิต อ๊า!” อินนัดดาหลุดครางเสียงหวานเมื่อยอดอกสีสวยถูกครอบครอง ลิ้นร้อนชื้นป่ายปัดสร้างความซ่านกระสัน ปัณณธรกดข้อมือเล็กสองข้างแนบไปกับที่นอนนุ่ม ตรึงร่างเจ้าสาวโดยการโถมทับไว้ทั้งตัวด้วยร่างใหญ่ของตนเอง เขาดูดดื่มทรวงอกอวบรุนแรง รวบดูดแล้วคาย ขบเม้มปลายยอดสลับไปมาทั้งสองข้าง ใบหน้าสากระคายที่ถูไถไปกับผิวเนื้อบอบบาง ก่อเกิดอารมณ์ร้อนที่ยากจะห้ามปราม ไม่นานนักเสียงโวยวายก็เงียบหายไป อินนัดดากัดริมฝีปากแน่น ความเสียวกระสันที่ก่อตัวขึ้นทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“อุ๊ย!” อารมณ์หวามสะดุดเมื่อผิวขาวนวลที่ลำคอถูกขบเม้มอย่างจงใจ
“อื๊อ! เจ็บนะ ปล่อยๆ” เสียงหวานตวาดแว้ด กำปั้นเล็กทุบบ่าแกร่งรัว กระเสือกกระสนพยายามดันตัวเองให้หลุดพ้นจากการรุกราน
“อินนัดดา...” ปัณณธรซุกหน้าอยู่กับลำคอหอมกรุ่นกดเสียงต่ำเตือนให้หญิงสาวหยุดดิ้นรน
“ฉันเป็นคนมีความอดทนต่ำ”
“คุณไม่จำเป็นต้องอดทนอะไร ปล่อยหนูไปสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นสบตาคนที่อยู่เบื้องล่างตนเอง ปัณณธรยิ้มร้ายกาจ ดวงตาคมเข้มดุดันจนคนที่สบตาด้วยรู้สึกกลัว
“หยุดความคิดที่จะให้ฉันปล่อยเธอไปได้เลยอินนัดดา หยุดเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
“หนูจะเอาสินสอดทั้งหมดมาคืนให้คุณ จ่ายค่าจัดงานคืนให้คุณทั้งหมด เราไม่ต้องเป็นเอ่อ...เป็นผัวเมียกันแล้ว หนูอยากกลับบ้าน หนูกลัว” ถ้อยคำสุดท้ายแผ่วเบานัก
“คิดว่าจะมีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นมาคืนฉันได้เหรอ”
“ได้สิ...หนูถือหุ้นในบริษัทอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หนูจะขายแล้วเอาเงินมาให้คุณ” ปัณณธรยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อถือ
“บริษัทที่กำลังจะเป็นของฉันนั่นเหรอ หึๆ...อินนัดดา...บริษัทของเธอกำลังจะเป็นของฉันทั้งหมดแล้ว เธอไม่เหลืออะไรแล้ว” หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจ เป็นไปไม่ได้...อาเพ็ญบอกว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของบิดา หลังจากบิดาเสียชีวิตมันจึงตกมาเป็นของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าไปบริหารดูแลเองก็ตามเพราะต้องเรียนหนังสือ แต่ชื่อเจ้าของหุ้นนั้นมันก็ต้องยังเป็นของเธอสิ มันกำลังจะกลายไปเป็นของเขาได้ยังไง
หากแต่เมื่อเขาใช้มือใหญ่กดตรึงสะโพกกลมกลึงของตนไว้ และสามีเริ่มส่ายวนบดเบียดช้าๆ หญิงสาวก็หลงลืมตัวขยับรับเขาอย่างรู้งาน ก้องภพหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่ปานรักรู้ว่าเขาพอใจที่ชักนำเธอให้หลงติดกับดักได้ แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน เธอก็พร้อมและเต็มใจกระโจนเข้าสู่กับดักของเขาทุกทีสิน่า หญิงสาวหลับตาแน่น ซึมซับความเร่าร้อนที่สาดซัดเข้าสู่ร่างอย่างไม่เกี่ยงงอน เขาต้องการเธอ เธอต้องการเขา ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนสัมผัสแห่งรักที่มอบให้กันยังจะงดงามอยู่เสมอ เพราะมั่นใจว่าไม่ว่าจะเนิ่นนานเพียงใด หัวใจรักของเขาและเธอก็จะมีเพียงกันและกันตลอดไป“ไง...ไอเสือปัณ ลูกแกมาเกิดหรือยัง” เช้าวันสุดท้ายก่อนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมของน้องเขย ปัณณธรถูกต้นตะวันแซวถาม ชายหนุ่มตวัดค้อนให้ภรรยาที่นั่งป้อนอาหารเช้าให้บุตรชายอยู่ข้างๆกัน ภายในโซนห้องอาหารริมทะเลแบบเอาท์ดอร์ของโรงแรม“อย่าให้ถึงทีกูนะ ไอ้หมอ” ปัณณธรตอบกลับเพื่อนด้วยเสียงรอดไรฟัน อินนัดดาไม่สนใจสามีนัก ที่จริงเธอไม่ได้กินยาคุมกำเนิดมาตั้งนานแล้ว และประจำเดือนก็ขาดไปสองเดือนแล้ว คุณสามีเธอก็ช่างไม่สังเกตเอาเสียเลย
“ปานนึกว่าพี่ก้องจะพาไปเล่นน้ำทะเลเสียอีก” หญิงสาวจูงมือสามีเดินมานั่งหย่อนขาลงในสระน้ำ“เรื่องอะไรจะให้เมียใส่ชุดแบบนี้ไปโชว์คนอื่น พี่จะเก็บไว้ดูคนเดียวครับ” ปานรักหันมาค้อนให้สามี“ค่า...ขอบคุณมากนะคะพี่ก้อง” ปานรักจุ๊บปากสามีเบาๆ แล้วเคลื่อนตัวลงสระ ก้องภพมองตามยิ้มๆ แล้วเคลื่อนตัวลงไปอยู่ในสระกับภรรยา ชายหนุ่มนั่งอยู่ในส่วนที่ตื้นของสระมองดูภรรยาว่ายโผไปมาอย่างมีความสุข เมื่อตะวันใกล้จะลาลับจากขอบฟ้า เขาก็เรียกภรรยาให้มานั่งซ้อนบนตัก โอบกอดร่างบางไว้อย่างแสนรัก“หิวหรือยังครับ” ปานรักส่ายหน้าแทนคำตอบ“ไม่อยากลงไปทำงานช่วยคุณแม่แล้วเหรอ” เสียงกระเซ้าถามไม่จริงจังทำให้ปานรักเบี่ยงหน้ากลับจิกสายตามองสามี“แล้วใครที่ทำให้ปานต้องมาติดแหง็กอยู่บนนี้ ไม่ได้ลงไปเจอผู้คนเลย ป่านนี้พี่ปัณกับพี่อินกลับหรือยังไม่รู้ ไม่เห็นมีใครโทรหาปานบ้างเลย” ก้องภพหัวเราะในลำคอ ก้มหน้าสบตาภรรยา ยิ้มแพรวพราว“ช่วงเวลาโปรโมชั่นแบบนี้ ไม่มีใครเขาโทรหาคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันหรอก”“เมื่อก่อนปานคิดว่าพี่ก้องเป็นคนเงียบๆนะคะ”“แล้วตอนนี้ค
“พี่สระผมให้นะครับ” แล้วจะปฏิเสธยังไงล่ะ ปานรักจึงได้แต่พยักหน้ารับ ชายหนุ่มปรนนิบัติเธอราวกับว่าเป็นเจ้าหญิง เขาใส่ใจทุกรายละเอียดของร่างกายเธอ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีสักตารางนิ้วที่จะรอดพ้นการลูบไล้ทำความสะอาดให้อย่างใส่ใจ จนเมื่อก้องภพกระซิบเบาๆที่ใบหูเล็ก หญิงสาวจึงลืมตาขึ้น“เรียบร้อยแล้วครับ ทีนี้ก็...เป็นทีของน้องปานอาบให้พี่บ้าง” ปานรักมองค้อน นั่นไงผิดจากที่คิดไว้ซะที่ไหน เขาขยับกายเข้าใกล้ จับมือบางวางทาบบนอกแกร่ง มือเล็กไล้วนอย่างกล้าๆกลัวๆ“โอย...น้องปานครับ” ก้องภพครางกระเส่า จับบ่าบอบบางแน่น ปานรักเงยหน้ามองสามีอย่างไม่เข้าใจ“ปะ...เป็นอะไรคะพี่ก้อง” หญิงสาวคิดว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะเสียงสั่นและใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาก็แสดงออกมาราวกับว่าเจ็บปวดนักหนา“ไม่ไหวแล้วครับ น้องปานช่วยพี่ด้วยนะครับ” วงแขนแกร่งกอดรัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก“ชะ...ช่วยยังไงคะ พี่ก้องปล่อยก่อนค่ะ เป็นอะไรไปคะ” ปานรักถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย ยิ่งตัวเขาสั่นสะท้านแนบตัวเธออยู่อย่างนี้ หญิงสาวก็ใจไม่ดี หรือเขาจะใช้กำลังมากไป ก็เมื่อคืนกวนเธอทั้งคืนกว่าจะได้หลับไ
“อืม...พี่ก้อง พี่ก้อง” ปานรักเงยหน้าครวญครางเรียกชื่อสามีแผ่วเบา ด้วยความซ่านเสียวไปทั้งร่าง ริมฝีปากหยักได้รูป ดูดกลืนยอดอกที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะกรุมตะกราม มือใหญ่ขยับสะโพกมนให้เข้ากับจังหวะที่ตนเองแอ่นสะโพกสอดเสยขึ้น จนเมื่อปานรักเริ่มเรียนรู้ที่จะรุกรับอย่างคนหัวไว ก้องภพจึงเคลื่อนมือขึ้นบีบเคล้นอกอวบนุ่มหยุ่นมือ จับฐานอกอวบบีบป้อนเข้าปากตัวเองดูดกลืนขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนไล้วนตวัดรอบเม็ดทับทิมสีหวาน รวบดูดรุนแรง ใบหน้าหล่อเหลากดแนบไปกับอกอวบ ซุกไซ้อย่างหลงใหล“อื้อ...พี่ก้อง” ปานรักโหมสะโพกแรงตามอารมณ์หวามที่ทะยานจนใกล้ถึงปลายทาง หญิงสาวครางแว่วหวาน สลับการการเรียกชื่อสามี ใบหน้างามส่ายสะบัดจนผมยาวสยายเต็มหลัง ก้องภพละมือจากอกอวบ รวบเอวคอดไว้แน่น ขณะที่ทั้งเขาและภรรยาขยับโยกในจังหวะรุกรับรุนแรง ชายหนุ่มซุกใบหน้าลงคลุกเคล้ากับอกอวบดีดเด้งตรงหน้า สูดดมและขบเม้มเบาๆ เพิ่มความเสียวปลาบให้ร่างเล็กจนต้องครวญครางซ้ำ บทเพลงรักบรรเลงไปตามท่วงทำนองร้อนเร่า ต่างเติมเต็มให้กันและกันด้วยไฟปรารถนา“ปานน่ารักที่สุด ที่รักของพี่...อา” ก้องภพเกร็งสะโพกรับการโห
“ไม่เหนื่อยสักนิดครับ แต่คิดถึงเมียแทบขาดใจ” แก้มสาวแดงเรื่อท่ามกลางแสงไฟสลัวภายในห้อง ปานรักจึงพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้ หนีแววตาคมปลาบที่จ้องมองไม่วางตานั้น ก้องภพเอนตัวลงสอดกายลงใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกับภรรยา เขาวาดวงแขนไปโอบกอดร่างเล็กที่นอนหันหลังให้“น้องปานบอกว่าจะตามใจพี่ทุกอย่าง” ปฏิบัติการทวงสัญญาขาหื่นเริ่มขึ้น พูดจบก็เป่าลมร้อนใส่หูเล็ก พร้อมทั้งขบเม้มเบาๆสร้างความปั่นป่วนให้คนที่นอนใจเต้นแรงอยู่อย่างห้ามไม่ได้ ปานรักหดคอเล็กน้อย“ใครสัญญาอะไรหรือคะ ปานไม่เห็นรู้เรื่อง” หญิงสาวอมยิ้มขณะที่ตอบกลับมา“หืมมม...จำไม่ได้จริงๆเหรอ” ก้องภพพลิกกายขึ้นทาบทับภรรยา สบตายตาถามเอาคำตอบ“จำไม่ได้ค่ะ” ปานรักเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา กายสาววูบวาบ แก้มนวลร้อนผ่าว“แน่ใจเหรอว่าจำไม่ได้” ขาแกร่งบดเบียดขาเรียวจนแยกกว้าง ก้องภพแทรกตัวเองไปอยู่ระหว่างขาเรียวนั้น บดเบียดความแข็งขึงกับกลางร่างสาว ในนาทีนั้นเองที่ปานรักเพิ่งสังเกตว่าสามีของเธออยู่ในสภาพเปลือยกาย เขาถอดกางเกงออกตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย หญิงสาวทุบบ่ากว้างเบาๆ หันมาสบสาย
เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าหอ บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็พากันกล่าวคำอวยพร และคำอวยพรที่เจ้าสาวต้องหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก เห็นจะหนีไม่พ้น ขอให้มีลูกเร็วๆ และขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนั่นแหละ“พ่อฝากน้องด้วยนะก้อง พ่อเชื่อว่าป้องจะดูแลปานแทนพวกเราได้ ขอบใจมากที่ช่วยทำให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขอีกครั้ง” อานนท์ตบบ่าลูกเขยที่นั่งคู่กับลูกสาวอยู่บนพื้นห้องเบาๆ“ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องปานด้วยชีวิตของผมครับ” ก้องภพสบตาผู้สูงวัยกว่าด้วยแววตาแน่วแน่“หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก” ปรางทิพย์เอ่ยสำทับ คู่บ่าวสาวก้มลงกราบผู้สูงวัยทั้งสองที่ออกจากห้องหอทีหลังสุด ถึงแม้จะเคยอวยพรเคยกล่าวคำฝากฝังลูกสาวมาแล้วในพิธีการครั้งแรก แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังอยากย้ำอีกครั้ง ด้วยความที่ลูกสาวเจอะเจอเรื่องราวร้ายแรงมา จนแทบไม่ยอมรับรู้เรื่องราวอะไรรอบกาย แต่เพราะผู้ชายใจดีตรงหน้าเฝ้าถนอมและดูแลกันมาจนปานรักหายขาดจากอาการป่วย อานนท์และปรางทิพย์จึงไม่ลังเลสักนิดที่จะยกลูกสาวให้ชายหนุ่มดูแลสองหนุ่มสาวนั่งสบตากันบนพื้นห้องสวีตชั้นสูงสุดของโรงแรม ซึ่งถูกจัดแต่งเป็นห้องหอ อบอ
ก้องภพจับมือนุ่มของภรรยาเดินกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ปานรักยิ้มเขินเมื่อถูกเอ่ยแซวจากญาติสนิท แก้มสาวแดงเรื่อแววตาเขินอายสบสายตาสามีเป็นระยะ เขาและเธอเข้าพิธีแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากวันที่ก้องภพคุกเข่าขอแต่งงานเพียงสองเดือนเท่านั้น พิธีแต่งงานแบบไทยที่เรียบง่ายถูกจัดขึ้นที่บ้านณปาย ตามความประสงค์ของบิดาและมารดาของฝ่ายเจ้าสาว หากแต่มารดาของเจ้าบ่าวอยากจัดพิธีฉลองสมรสที่โรงแรมของตนด้วย สามีภรรยาป้ายแดงจึงต้องทำตามความประสงค์ของมารดาอย่างเลี่ยงไม่ได้“เหนื่อยไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างห่วงใย เจ้าสาวยิ้มหวานส่ายหน้าแทนคำตอบ“คุณแม่เตรียมห้องสวีตไว้ให้ใช้เป็นห้องหอ เมื่อไหร่จะถึงเวลาส่งตัวเข้าหอสักทีนะ” นิ้วเรียวเล็กบิดเบาๆที่เอวของคนถามหาเวลาเข้าหอ สีหน้าเจ็บเกินจริงของเขาช่างหน้าหมั่นไส้นัก“ใจร้าย ทำร้ายร่างกายสามี” ก้องภพโอดเบาๆ“จะมาพูดถึงเวลาเข้าหออะไรตอนนี้ งานเพิ่งเริ่มเองนะคะ”“ก็พี่อยากเข้าหอกับน้องปานแล้วนี่”“บ้า ไม่ใช่เข้าหอครั้งแรกสักหน่อย” แก้มสาวแดงเรื่ออุบอิบเถียงสามี“จะครั้งไหนพี
“พี่รักม่อน พี่รักม่อน” ต้นตะวันถอดถอนกายออกแล้วพลิกร่างภรรยากลับมากอดไว้แน่น บอกรักขณะที่ริมฝีปากทั้งสองอยู่ชิดกัน มุทิตาโอบรอบลำคอหนา ก้มหน้าหนีริมฝีปากช่างจูบเอาแต่ใจนั้น หญิงสาวซุกหน้ากับอกกว้าง รอยยิ้มเปื้อนเต็มดวงหน้าหวาน“ม่อนก็รักพี่หมอค่ะ” มุทิตาบอกรักสามีเสียงหวานคืนนั้นที่เธอตกเป็นของเขา มันไม่ใช่การพลาดพลั้ง แต่มันคือพรหมลิขิตต่างหาก พรหมลิขิตที่ชักนำให้สองหัวใจผูกพัน จนกลายเป็นความรักที่สวยงาม“หลับหรือยังครับที่รัก” ปัณณธรเอนตัวลงนอนเคียงข้างภรรยา แล้วกระซิบถาม อินนัดดาพลิกตัวกลับมายิ้มให้สามี“หลับแล้วค่ะ” นิ้วเรียวดีดหน้าผากมนเบาๆ แต่กระนั้นก็เรียกเสียงโอดโอยจากคนโดนกระทำได้“โอ๊ย! พี่ปัณอ่ะ หนูเจ็บนะ” ปัณณธรยิ้มแล้วจูบหน้าผากมนแผ่วเบา“ก็อินกวนนี่นา” วงแขนแกร่งกอดร่างเล็กแน่น อินนัดดาดิ้นรน เพราะเธอสัมผัสได้ว่าสามีกำลังจะทำมิดีร้ายกับตัวเอง“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องโปรดตื่น” ปัณณธรหัวเราะเบาๆ“นิดเดียวนะ พี่ใจจะขาด” ชายหนุ่มผละจากร่างนุ่มนิ่ม ลงไปยืนข้างเตียง แล้วดึงผ้าห่มลงไปปูที่พื้นหน้าตาเฉย“พี่ปัณ!” อิ
“ที่จริงบ้านสวนมึงก็มีนะ วันหลังเชิญไปพักที่บ้านตัวเองเลย” ปัณณธรยังไม่วายจิกกัดเพื่อต่อ จึงโดนภรรยาตีที่แขนเบาๆ“พี่ปัณพอแล้วค่ะ คุยกันดีๆไม่เป็นหรือไง”“ใช่ค่ะ เจอกันทีไรก็อย่างนี้ตลอด ทีหลังม่อนจะไม่มาด้วยแล้ว” ต้นตะวันกอดร่างภรรยาแน่นขึ้น โยกตัวช้าๆราวกับจะปลอบใจ“โอ๋ๆ ไม่กัดกันแล้วครับ อย่างอนนะที่รัก” มุทิตาถอนหายใจกับท่าทางเอาใจของสามี เขาไม่เคยอายที่จะสาดความหวานใส่เธอ แต่คนโดนปฏิบัตินี่สิ อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้วหนุ่มสาวสองคู่นั่งคุยกันเรื่อยๆ จนก้องภพและปานรักขึ้นมาสมทบ หนุ่มสาวคู่ใหม่ที่ร่วมโต๊ะ ดูกระอักกระอ่วนใจที่ต้องมานั่งมอง ภาพคู่สามีภรรยาสวีตกันแบบไม่เกรงใจฟ้าดิน อินนัดดากับมุทิตาเกรงใจและหน้าไม่หนาพอเท่าสามี จึงพากันขอตัวเลี่ยงไปดูลูกที่นอนหลับอยู่ในห้อง ก้องภพและปานรักนั่งร่วมโต๊ะอยู่ครู่เดียวก็พากันขอตัวแยกย้ายไปนอน“ไม่น่าเชื่อว่ะ” ต้นตะวันยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบแล้ววางลงที่โต๊ะ“อะไรไม่น่าเชื่อ”“อ้าว...ก็มึงกับอินไง กูเห็นขึ้นต้นแค้นแทบตาย แต่มาลงท้ายว่ารักหมดใจเนี่ย” ปัณณธรหัวเราะชอบใจกับคำพูดของเพื่อน