แต่งงานห้าปี เจียงซู่ทำหน้าที่คุณผู้หญิงโจวอย่างดี โดยไม่ขาดตกบกพร่อง แต่กลับไม่เคยได้รับการยอมรับต่อหน้าทุกคนเลยแม้แต่คำเดียว ในขณะที่รักแรกของโจวซือเหย่ แค่ทำตัวออดอ้อนนิดหน่อยก็ได้รับทั้งสิทธิ์และความห่วงใยทั้งหมดที่คุณผู้หญิงโจวควรจะได้รับ ตอนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขายิ่งไปกันใหญ่ ทิ้งเธอไปช่วยชู้รัก โดยไม่สนใจชีวิตของเธอเลย เจียงซู่หมดหวังอย่างสิ้นเชิง วันหนึ่ง เธอแกล้งตายแล้วหลบหนีจากทุกอย่าง ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว เธอไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว! ต่อมา เมื่อได้พบกันอีกครั้ง โจวซือเหย่ ผู้ที่เคยรักศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์ที่สุด กลับเหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งอ่อนแอและหวาดกลัว พูดด้วยเสียงสะอื้นทั้งดวงตาแดงก่ำว่า “ที่รัก กลับบ้านกับผมนะ?”
ดูเพิ่มเติมเจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ
“พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา
“ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น
ในที่สุดเจียงซู่ก็เข้าใจแล้ว ไอ้ที่เรียกว่าคางคกเกาะอยู่บนฝ่าเท้า ไม่กัดคน มันน่ารำคาญจริง ๆ จริง ๆ แล้วเป็นเธอเองที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เธอกลับทำหน้าตาที่รู้สึกอึดอัดน้อยใจให้ใครดูกัน?ในที่สุดเจียงซู่ก็หันไปมองโจวซือเหย่แบบตรง ๆ พลางเอ่ยถาม “คุณก็คิดแบบเดียวกันใช่ไหม?”โจวซือเหย่ “เป็นปัญหาของผมเอง”ได้ยินแบบนั้น เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นแล้วก็เผยสีหน้าแววตาเยาะเย้ยออกมา นี่ก็รับผิดชอบเต็มที่แล้วยังเข้าข้างกันอีกมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ใบหน้าที่เคยทำให้เธอหลงใหลจนเกือบจะลืมตัว อยู่ ๆ เจียงซู่ก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันทีเธอไม่อยากฟังมันอีกแล้ว“ออกไปซะ”เจียงซู่พูดด้วยความเย็นชา “พาเธอออกไปซะ!”โจวซือเหย่ตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะมีท่าทีแบบนี้เวิงอี๋ “พี่เจียง ฉันอยากบอกพี่ด้วยความจริงใจฉันว่าขอ… อ๊าย”เวิงอี๋ยังไม่ทันพูดจบ เจียงซู่ก็คว้าไม้เท้าที่อยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดไปทางเวิงอี๋ ทำเอาเธอตกใจจนต้องเอามือมาบังที่หัวไว้ไม้เท้ายังไม่ทันฟาดไปถึงเธอ เพราะว่าโจวซือเหย่เอาร่างของตัวเองเข้ามาบังไว้ก่อน“เจียงซู่ คุณจะทำอะไร?”โจวซือเหย่แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกม
การที่มีคนมาห่วงใยแบบนี้ทำให้เจียงซู่รู้สึกอุ่นใจขึ้น นั่นมันหมายถึงเธอก็ไม่ได้ล้มเหลวไปซะหมดเธอตบหลังของเขาเบา ๆ พลางเอ่ยปลอบใจว่า “ฉันดวงแข็ง ไม่ตายง่าย ๆ หรอกค่ะ”เว่ยชิงหางคลายอ้อมกอดออกจากเธอ “คุณหมอว่ายังไงบ้าง? เป็นอะไรมากไหม?”เจียงซู่พูดความจริง “นอกจากกระดูกที่เท้าหักแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็เป็นแค่แผลถลอกเท่านั้น”สามารถรอดจากอุบัติเหตุรถชนที่รุนแรงแบบนั้นมาได้ อาจจะเป็นเพราะว่าท่านพญายมก็คิดว่าเธอน่าสงสารเลยให้เธอรอดชีวิตกลับมาเมื่อโจวซือเหย่มา เจียงซู่ก็เพิ่งเข้าห้องน้ำเสร็จ เป็นครั้งแรกที่ใช้ไม้เท้า เธอใช้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ยังต้องการความช่วยเหลือจากเว่ยชิงหางให้ค่อยพยุงไว้“ช้า ๆ หน่อย”เว่ยชิงหางประคองเธอให้มาถึงเตียงด้วยความระมัดระวัง เจียงซู่ยังไม่ทันได้นอนลง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักออกมองโจวซือเหย่ที่เดินเข้ามา เจียงซู่คิดว่าอารมณ์ของตัวเองจะระเบิดออกมาแน่ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองกลับสงบนิ่งได้อย่างน่าประหลาดใจใจที่เย็นชาไปแล้วอย่างแท้จริง มันมักจะไม่มีการเอะอะโวยวายเสียงดังเธอมองไปที่เขาด้วยความนิ่งสงบ และก็ละสายตาด้วยความนิ่งเช่นกันในสายตาของโจวซือเหย่
เจียงซู่ยกไวน์แดงที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา เธอแหงนหน้าขึ้นดื่มมันหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ยังคิดว่ามันเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติหวานหอมอยู่เลย ตอนนี้มันกลับเหลือแค่รสชาติขมฝาดเท่านั้นดอกกุหลาบยังเต็มไปด้วยหยดน้ำ ทำให้ดูสดใสและชุ่มฉ่ำ แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครชื่นชม เหลือเพียงความเหี่ยวเฉาแม้จะสื่อสารด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจกัน แต่สีหน้าและท่าทางของผู้คนกลับเหมือนกันจากสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉากลายเป็นความครึกครื้น เพียงแต่มีเวิงอี๋ที่เพิ่มเข้ามา เพราะการปรากฏตัวของเธอ ทำให้เจียงซู่กลายเป็นตัวตลกในสายตาของพวกเขาเจียงซู่วางแก้วไวน์ลง แล้วเธอก็เดินออกจากร้านอาหารด้วยอารมณ์ที่หดหู่ตอนแรกอากาศยังดูสดใส พริบตาเดียวกลับเปลี่ยนเป็นมีทั้งลมและฝน พระเจ้าเหมือนจะเข้าใจอารมณ์ของเธอในตอนนี้เป็นอย่างดีเจียงซู่ปล่อยให้สายฝนตกลงบนตัว ใบหน้าของเธอเปียกชื้นทันที น้ำฝนผสมกับน้ำตา แบบนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่“เลิกวุ่นวายได้แล้ว กลับไปซะ”เจียงซู่คิดว่าพวกเขาทั้งคู่ออกไปตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ายังยืนแสดงละครน้ำเน่าอยู่ตรงนี้โจวซือเหย่ดึงมือเวิงอี๋ให้ขึ้นรถใบหน้าที่ไร้เดียงสา
ความคิดเห็น