공유

บทที่ 1137

작가: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หวังเยว่จางเงียบ หยิบกาสุราขึ้นมาแล้วกระดกอึกใหญ่ จากนั้นเก็บไข่มุกราตรีกลับไป ห่อมันอย่างดีแล้วใส่ลงไปในกล่อง แสงโดยรอบพลันก็หายไป เหลือเพียงพระจันทร์เสี้ยวและดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า

เสิ่นว่านจือไม่คิดมาก่อนเลยว่าหวังเยว่จางจะมีประสบการณ์ชีวิตเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินซีซีพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

ในอดีตมักที่จะชอบไปหอเริงรมย์ ไม่ใช่ไปเพื่อฟังแม่นางเหล่านั้นขับร้อง แต่เป็นเป่าเพลงให้แม่นางทั้งหลายฟัง บุคลิกที่เสเพลนั้นของเขา จะเป็นคุณชายจากจวนป๋อได้อย่างไร?

ในขณะที่เขานิ่งเงียบ เสิ่นว่านจือก็จินตนาการบทงิ้วชิงความโปรดปรานในเรือนหลังไปร้อยแปดพันเก้าแล้ว

เขาบอกว่าตอนที่เขาเกิด เป็นเขาที่ดวงเสริมบิดา เช่นนั้นย่อมต้องได้รับความโปรดปรานอย่างมาก บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาคนหนึ่งได้รับความโปรดปราน นั่นก็หมายความว่ากำลังท้าทายท่านแม่ใหญ่และบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินเอก ส่วนเรื่องที่ว่ามารดาเล็กเป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้ชั่วคราว แต่ก็คิดว่าไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอะไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้เจ้าห้าหวังออกมาระเห็ดระเหินอยู่ข้างนอก มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้

“เป็นฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีไม่ให้เจ้ากลั
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1138

    หวังเยว่จางกลับไม่พูดแล้ว เพียงร่ำสุราอย่างเงียบๆ ดื่มหมดไปหนึ่งกา ยังคิดที่จะแย่งของเสิ่นว่านจือ เสิ่นว่านจือรู้สึกว่าเขาดื่มมากเกินไปแล้ว จะอย่างไรก็ไม่ยอมให้ ทั้งสองคนจึงเริ่มไล่กันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกว่างจิงแห่งนี้ บรรยากาศในตอนนี้จึงมิได้อึมครึมเหมือนเมื่อสักครู่อีกสุดท้ายเสิ่นว่านจือก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ซีซี แม้ว่านางจะไม่ได้สัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่เนื่องจากหวังเยว่จางไม่อยากให้คนอื่นรู้ ยังลากนางมานั่งปรับทุกข์ บ่นให้ฟังอย่างกับเป็นสหายสตรีกัน ชาวยุทธ์ ไม่มีใครมาพูดไร้สาระแบบนี้หรอกนะอย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่วันนี้หวังเยว่จางมักจะไปเตร็ดเตร่แถวจวนป๋อผิงซี ดึงดูดความสนใจของค่ายลาดตระเวนเมื่อลู่เจินนำเรื่องนี้มาบอกแก่ซ่งซีซี ซ่งซีซีก็รู้สึกแปลกๆ เหตุใดศิษย์พี่ห้าจึงมักจะไปเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น? เพราะมีคนรู้จัก?ในคืนนั้นเมื่ออีกฝ่ายกลับมาทานอาหารเย็น นางก็ถามหวังเยว่จาง "ศิษย์พี่ห้า พักนี้ท่านกำลังยุ่งอะไรอยู่?"หวังเยว่จางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่เดินเล่นไปเรื่อย"“ไปเดินเล่นแถวจวนป๋อผิงซีเป็นประจำน่ะหรือ?”ทันใดนั้นหวังเยว่จางก็ตวัดสายตาไปจ้องเส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1139

    หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีก็ลากเสิ่นชิงเหอเข้าไปในห้องหนังสือ ทั้งสองคนขนาบชิดทั้งฝั่งซ้ายและขวา ไม่ให้เขาเหลือหนทางได้ซ่อนตัว ถูกผลักเข้าไปในห้องหนังสือทั้งแบบนี้“ไม่เป็นสุภาพชน ช่างไม่เป็นสุภาพชนเอามากๆ” ตอนนี้เสิ่นชิงเหอเป็นอาจารย์แล้ว คำพูดในบางครั้งที่พูดออกมาจึงไปทางอวดรู้ “อย่าผลักๆ ดันๆ กัน”แต่เสิ่นชิงเหอก็ยังคงถูกกดลงบนเก้าอี้ไม้ ถูกศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงมองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น เขาพูดด้วยความโกรธว่า “อยากถามอะไรก็ถามมาตรงๆ”เซี่ยหลูโม่ถามขึ้นก่อน "คำถามแรก ที่พักนี้ศิษย์พี่ห้ามักจะไปเตร็ดเตรแถวจวนป๋อผิงซี เป็นเพราะได้รับคำสั่งใดจากศิษย์อาหรือว่าท่านอาจารย์หรือไม่? หรือว่าสืบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหวังเบียวได้แล้ว?”ซ่งซีซีถามขึ้นอย่างจริงจังมากกว่า “คำถามที่สอง ข้ารู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าสายตาที่ศิษย์พี่ห้าใช้มองจือจือในคืนนี้มันไม่ปกติเอามากๆ แถมท่านยังไม่ทะเลาะกับจือจือแล้วด้วย นี่ผิดปกติเล็กน้อยจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?"ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มีจุดดีอยู่ข้อหนึ่ง รู้ว่าอะไรควรและไม่ควรพูด มีขอบเขตอยู่ในใจยกตัวอย่างเช่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1140

    เสิ่นชิงเหอเล่าเรื่องที่เหลือออกมาหลังจากที่หวังเจียวเจียวถูกโยนออกไป นักพรตปีศาจก็คิดว่าเขาไม่รอดแล้ว แม้จะยังไม่ตาย แต่เมื่อถึงเวลาก็จะถูกหมาป่าลากไปกิน แทะจนไม่เหลือกระดูกอยู่ดีเขาไม่ได้รู้เลยว่าเหรินหยางอวิ๋นบังเอิญเดินผ่านไปแถวนั้น และได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาของเด็กทารกในเวลากลางคืน ด้วยความสนใจที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา คิดว่าตัวเองได้พบกับผีแล้ว จึงมุ่งหน้าตรงไปยังที่มาของเสียงร้องไห้นั้นหลังจากเห็นว่าเป็นหวังเจียวเจียว เขาก็ผิดหวังมากก่อนอื่น นี่ไม่ใช่เด็กทารก แต่เป็นเด็กอายุห้าถึงหกขวบคนหนึ่งเรื่องที่สอง นี่ไม่ใช่ผี แต่เป็นเด็กที่มีขนาดตัวเพียงสามถึงสี่ขวบที่ป่วยหนักและกำลังจะตาย แถมไม่รู้ว่าถูกโยนทิ้งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว เท้าข้างหนึ่งของเขาถูกหนูแทะจนเละ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดนอกจากนี้ยังมีงูพิษอยู่ใกล้ๆ โชคดีที่หวังเจียวเจียวกำลังจะตายด้วยอาการป่วยและไม่ขยับเขยื้อน งูจึงไม่โจมตีเขาเหตุใดถึงไม่บอกว่าเด็กคนนี้โชคดีมากเล่า? เขากำลังจะตายแล้ว แต่กลับถูกเหรินหยางอวิ๋นพากลับไป ป้อนน้ำข้าวให้เขาดื่มหลายวันติด ถึงให้เขาเปลี่ยนไปกินอาหารยาติดต่อกันสองมื้อ เขาจึงกลับมามีชีวิตอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1141

    เสิ่นชิงเหอกลับไม่รู้เรื่องนี้ “หวังจั่นไม่ได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์งั้นหรือ หรือว่าคนที่อาจารย์ส่งไปตรวจสอบ ตรวจสอบผิดพลาด?”“ถามอาจารย์หยูก็จะรู้เอง” เซี่ยหลูโม่กล่าวทันทีอาจารย์หยูได้รับเชิญให้มาที่ห้องหนังสือ ถามไถ่ถึงเรื่องจวนป๋อผิงซีในปีนั้น ซึ่งเขาก็ทราบจริงๆ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละครอบครัวของบรรดาขุนนางชั้นสูง ตั้งแต่รุ่นที่สามขึ้นไป เขารู้บ้างเพียงเล็กน้อย ใช่ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“หวังจั่นไม่เคยเป็นจริงๆ ในเวลานั้นท่านผู้เฒ่าป๋อยังป่วยอยู่ ไม่ได้สืบทอดตำแหน่งซื่อจื่อ หลังจากที่เขาคว้าชัยในการรบกลับมา ก็ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เขาเป็นซื่อจื่อ หลังจากที่เขาเป็นซื่อจื่อแล้ว สุขภาพของท่านผู้เฒ่าป๋อก็ค่อยๆ ดีขึ้น ในที่สุดก็หายดี จึงเลื่อนเรื่องสืบทอดบรรดาศักดิ์ออกไป ต่อมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายท่านผู้เฒ่าป๋อก็ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้หลานชายคนโตหวังเบียวเป็นซื่อซุน ซึ่งเห็นชัดเจนว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่นี่ แต่คนนอกไม่รู้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผู้ที่รู้เรื่องอาจมีแค่ป๋อผิงซีผู้หลักผู้ใหญ่เท่านั้นที่รู้ และฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีคนปัจจุบันก็คงรู้เช่นกัน”เรื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1142

    อาจารย์หยูและหัวหน้าลู่ใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อถามไถ่เรื่องราวในอดีตนี้เริ่มต้นจากการสอบถามไปยังญาติผู้ใหญ่ในสายตระกูลป๋อผิงซี ถามแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่าเด็กคนนั้นถูกไฟคลอกตาย บอกว่าฮูหยินหวังจั่นเศร้าใจเพราะเรื่องนี้มาเป็นเวลานานเห็นได้ชัดว่า นี่คือเรื่องที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เหรินหยางอวิ๋นสืบมาได้ในตอนแรก ซึ่งมันเป็นเพียงส่วนที่ปรากฏให้เห็นภายนอกเท่านั้นจากการสอบสวนทางนี้ จ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูได้แยกทางกันแล้ว ทั้งคู่ต่างสบายดี และการหย่าร้างเป็นไปด้วยดีทั้งสองฝ่ายต่างตกลงกัน ไม่มีข้อพิพาทใดๆ นำสินเดิมกลับคืน ตอนนั้นที่แต่งงานอยากจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจในเมืองหลวงใจแทบขาด แต่ตอนนี้อยากจะทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ดังนั้นนางจึงบอกนางจีว่า รู้เรื่องที่จวนแม่ทัพประสบปัญหายากลำบาก ดังนั้นจึงไม่ต้องการของชิ้นใหญ่ๆ ไม่เอากองผ้าห่ม กล่อง และหีบใส่ของพวกนั้นไป ต้องการเพียงสิ่งของที่อ่อนนุ่ม เครื่องประดับผ้าไหม เป็นต้น ส่วนทรัพย์สินที่เป็นสินเดิมนั้น นางให้คนนำออกมาก่อนแล้วนางจีไม่ได้ลงมือทำเอง แต่แค่ส่งให้ดูแลบ้านไปเท่านั้นแม่สามีกับหวังชิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1143

    ที่นางลู่จะมาโวยวายถึงที่ ความจริงแล้วก็มีสาเหตุสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะข้างนอกมีข่าวลือมากเกินไป หลายคนรู้ว่าลู่ซื่อชินรับผิดชอบด้านวัตถุดิบตัวยาในร้านขายยาเย่าหวัง ทุกวันมีคนเยอะมากจนเป็นปัญหา ซึ่งปัญหาไม่ได้เกิดจากคนไข้ แต่ทั้งหมดล้วนเกิดจากลู่ซื่อชิน ที่สบประมาทผู้อื่นสิ่งนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร้านขายยาเย่าหวัง คนไข้ถึงกับเบียดเสียดกันเข้าไปไม่ได้เลย ด้วยความจำใจ หมอมหัศจรรย์ดันที่เพิ่งกลับมาจากการเก็บยาได้ประกาศด้วยตัวเองว่า ลู่ซื่อชินจะถูกไล่ออกจาก นับจากนี้ไปเขาจะไม่ได้เป็นคนของร้านขายยาเย่าหวังอีกอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ในที่สุดตระกูลฝางก็ตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง ลู่ซูเหรินแม่ของเจ้าสิบเอ็ดฝางพึงพอใจมาก และฝ่ายหญิงก็เห็นพ้องต้องกัน แค่รอเจ้าสิบเอ็ดฝางยอมรับก็สามารถทำการหมั้นหมายได้แล้วพวกเขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ครอบครัวของฝ่ายหญิงก็ส่งแม่สื่อมาถึงที่ ขอยกเลิกเรื่องนี้ ให้ถือว่าไม่เคยคุยกันเรื่องการแต่งงานของลูกๆ ในอดีตทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อดื่มชาและพูดคุยลู่ซูเหรินโกรธมากจนนางต้องบึ่งกลับไปบ้านเดิม ให้ผู้อาวุโสของตระกูลลู่ทวงความเป็นธรรมให้ผู้อาว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1144

    ตอนนี้อวิ๋นเซียงเยว่ไม่สนใจเรื่องอื้อฉาวของครอบครัว แต่นางก็ตกใจเพราะคำข่มขู่ของซ่งซีซี กลั้นน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ และภายใต้การชี้บอกของซ่งซีซี จึงพาแม่ พี่สะใภ้ ป้าๆ น้าๆ เดินไปที่ห้องโถงของจวนป๋อผิงซีในจวนป๋อผิงซี หวังเชียงยังไม่เลิกงาน มีเพียงนางหลานที่เป็นคนนำเหล่าสาวใช้และหญิงรับใช้มาเผชิญหน้ากับพวกนางหลายคนนางไม่เคยเผชิญกับการต่อสู้เช่นนี้ ดังนั้นจึงส่งคนไปเชิญหวังชิงหลู แต่หวังชิงหลูได้ยินว่าซ่งซีซีมา นางยิ่งไม่เต็มใจที่จะออกมาในท้ายที่สุด นางจีก็รู้เรื่อง ออกมาควบคุมสถานการณ์แม้ว่าจะมีไข้สูงก็ตามเมื่อซ่งซีซีเห็นนาง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร ไม่ได้เจอนางแค่ไม่กี่วัน นางซูบผอมไปมาก สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแดงก่ำเพราะพิษไข้ แค่เดินยังต้องมีคนช่วยพยุง ท่าทางอิดโรยอ่อนแอมากในอดีตซ่งซีซีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางจี ตอนนี้เมื่อรู้ว่านางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของศิษย์พี่ห้า ก็ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับนางมากขึ้น เมื่อเห็นว่านางไม่สบายขนาดนี้ ยังต้องออกมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงของหวังชิงหลู จึงพูดว่า “ถ้าคุณหนูสามไม่ออกมา งั้นก็เชิญฮูหยินผู้เฒ่าออกมาเถอะ จะให้คนป่วยออกมากำกับดูแลได้อย่างไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1145

    เมื่อนางจีเห็นนางร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ก็เห็นใจในความทุกข์ของนางที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในใจรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักนางรู้ว่าถ้าหากเซียงเยว่ไม่ถูกบีบจนสิ้นหวัง นางคงไม่มาโวยวายให้เป็นที่ขายหน้าถึงที่นี่สีหน้าของนางเข้มขึ้นพูดว่า “ไปพาคุณหนูสามออกมา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม”จิ่นซิ่วพาหญิงรับใช้อีกหลายคนไปที่นั่น ทันทีที่พวกนางออกไป นางจีมองไปที่อวิ๋นเซียงเยว่แล้วพูดว่า “เจ้ามาที่นี่ เพื่อให้คำอธิบายกับตัวเอง ดังนั้นไม่ว่านางจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือเรื่องโกหก เจ้าจงใช้ความรู้สึกของตัวเองแยกแยะผิดถูกก็พอ เมื่อแยกแยะได้แล้ว เจ้าจะมีคำอธิบายสำหรับตัวเอง และรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรต่อ”อวิ๋นเซียงเยว่เช็ดน้ำตา เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียว นางไม่ได้สวยมาก แต่ก็มีความหยิ่งในตัวเอง “ขอบคุณป๋อผิงซีฮูหยินมากเจ้าค่ะ”นางเหลียงยังอธิบายให้นางจีและซ่งซีซีฟังอีกว่า พวกนางรู้สึกเสียใจกับลูกสาว บวกกับที่มีญาติมามากมาย เพราะต้องการความยุติธรรมจริงๆพวกนางไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างลู่ซื่อชินกับหวังชิงหลู ต่อมาเซียงเยว่ก็รู้เรื่อง กลับมาบอกที่บ้าน ทางบ้านพูดโน้มน้าวว่ามันเป็นเพียงควา

최신 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status