“กลับมาแล้วค่ะ” ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน ร่างบางตรงเข้าไปหาบิดามารดา ที่นั่งรอเธออยู่ที่ห้องรับแขก ก่อนจะหอมแก้มท่านทั้งสองแล้วยิ้มหวานให้ท่าน
“กลับมาเร็วจังล่ะลูก แม่คิดว่าจะถึงบ้านดึกกว่านี้” กานดา มารดาของหญิงสาวถามเสียงหวาน พร้อมกับยิ้มให้เธอ
“รถไม่ติดค่ะแม่ แล้วนี่ลุงชลิตยังไม่มาเหรอคะ”
“น่าจะอีกสักพักนะ อ้าว…..พูดถึงก็มาพอดีเลย”
หลังจากกานดาพูดจบ ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในบ้านของ ตามด้วยชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นตา เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ ในขณะที่ทำเพียงแค่มองสบตาเธอเงียบๆ
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอยกมือพนมพร้อมกล่าวทักทายผู้ใหญ่ที่มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม
“ไหนดูซิ เด็กหญิงตัวน้อยๆของลุงโตเป็นสาวแล้วหรือเนี่ย มาให้ลุงกอดหน่อยมา”
ชายวัยกลางคนที่มาใหม่ อ้าแขนรอรับหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด ลลัลนายิ้มหวานด้วยความชอบใจก่อนจะโผไปกอดคุณลุงผู้ใจดีของเธอ ที่เมื่อสมัยเธอเด็กๆคุณลุงชลิตผู้ใจดีชอบแวะมารับเธอไปเที่ยว มีขนมมาฝากเธอเสมอเวลาที่คุณลุงมาหาคุณพ่อของเธอ
“เอาล่ะ คุณลุงคุณหลาน แสดงความคิดถึงกันพอละ แนะนำใครอีกคนด้วยสิ” ศรัญ บิดาของหญิงสาวพูดด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าไปทางใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เออใช่ หนูลัล หนูจำพี่นัทได้มั้ย ลูกชายลุงที่ชอบชวนหนูไปทานไอศกรีมกันไงลูก พี่เขากลับมาจากอังกฤษแล้วนะ” ลลัลนามองตามมือของคุณลุงชลิตของเธอ ที่ชี้ไปทางเจ้าของชื่อ ชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่เธอเพิ่งพบเจอเขาเมื่อตอนกลางวัน
“สวัสดีค่ะ” เธอพนมมือไหว้ระดับอก ก่อนจะหันไปกอดคุณลุงชลิตผู้ใจดีของเธอต่อ
“ทักทายกันเสร็จแล้วเนอะ ไปทานข้าวกันดีกว่า” ศรัญกล่าวขัดจังหวะขึ้น ก่อนจะชวนทุกคนเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร
“คุณลุงสบายดีมั้ยคะ ไม่เห็นมาหาลัลบ้างเลย” ลลัลนาพูดคุยออดอ้อนคุณลุงชลิตของเธอ พร้อมกับกอดแขนท่านระหว่างเดินไปห้องรับประทานอาหาร
“ลุงยุ่งๆเรื่องที่บริษัท อยู่ในช่วงเปลี่ยนตำแหน่งน่ะ ลุงเกษียณตัวเองแล้วให้นัทดูแลต่อ ลุงแก่แล้ว จะพักแล้ว จะได้มีเวลามาหาหนูลัลบ่อยๆไง” ชายวัยกลางคนตอบเอาใจลูกสาวของเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม
บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนต่างนั่งคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่หญิงสาวหน้าหวานได้แต่นั่งทานข้าวเงียบๆพร้อมกับหลบสายตาของชายหนุ่มที่นั่งมองเธออย่างเปิดเผย
“หนูลัลเรียนใกล้จบหรือยัง”
“ปีสุดท้ายแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีสิ…”
หลังจากที่ลลัลนาตอบคำตอบชลิตไป เธอก็รู้สึกผิดสังเกตที่ผู้ใหญ่นั่งมองหน้ากันยิ้มๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“จะได้จัดงานหมั้นไว้ก่อนไงจ๊ะ” กานดาตอบบุตรสาวยิ้มๆ
“งานหมั้นอะไรคะ ใครหมั้น” ลลัลนาถามมารดาออกไปงงๆ
“ก็หนูกับพี่นัทไง” มารดาของหญิงสาวตอบพร้อมกับสบตา
“นี่พวกนายไม่เคยบอกหนูลัลหรือ” ชลิตเอ่ยถามออกมา
“บอกอะไรคะ”
“ก็หนูกับนัทหมั้นกันตั้งแต่เกิดแล้วนะ” ชลิตตอบหญิงสาวรุ่นลูกออกไป น้ำเสียงใจดี
“คะ!!” ลลัลนาตกใจ ในขณะที่ ‘เขา’ ยังนั่งมองหน้าเธอเงียบๆ เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่นั่งรับประทานอาหารไปเงียบๆ พลางคิดในใจว่าเรื่องนี้ใครจะอธิบายให้เธอฟังได้บ้าง
มื้ออาหารที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้ใหญ่จบลงด้วยของหวานเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะพากันเดินออกมาจากห้องรับประทานอาหาร
“เดี๋ยวลัลกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ลัลมีเรียนตอนเช้าค่ะ สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ สวัสดีค่ะคุณลุง”
หญิงสาวบอกกล่าวผู้ใหญ่พร้อมกับเดินไปกอดบิดามารดาของเธอ มือเรียวสวยพนมมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้ง 3 ท่านที่อยู่ ณ ที่นั่น ชั่งใจสักพักก็พนมมือระดับอกไหว้ชายหนุ่ม ที่ยกมือรับไหว้เธอในระดับเดียวกัน ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกจากบ้านไปที่รถและขับออกไป
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้มีบรรยายครับ” นัทธีพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากพ้นหลังของลลัลนาไป
“แกจะรีบไปไหนล่ะเจ้านัท ไม่อยู่คุยเรื่องงานหมั้นก่อนหรือ” บิดาของเขาเอ่ยถามออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ลิต เด็กมันมีหน้าที่การงาน นัททำงานอะไรล่ะจ๊ะ” กานดาถามเขาด้วยน้ำเสียงใจดี
“ผมดูแลบริษัทต่อจากคุณพ่อครับ ถ้ามีเวลาว่างผมก็รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย…ครับ”
“อ้าว ที่เดียวกับที่ยัยลัลเรียนเลย ได้เจอน้องมั้ย”
“เจอครับ” เขาตอบกานดา เสียงเรียบสีหน้าสงบ
“มิน่าล่ะ วันนี้ถึงนั่งเงียบไม่มีอาการต่อต้าน” ชายหนุ่มสบตาบิดาของเขา โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“แล้วคอนโดเป็นไง โอเคมั้ย พวกคุณดูนะ ผมให้อยู่ที่บ้านไม่อยู่อยากไปอยู่คอนโด บอกสะดวกกว่า แอบไปซื้อคอนโดอยู่เองซะเฉยๆ ทิ้งให้คนแก่อยู่บ้านคนเดียว”
นัทธีได้ฟังสิ่งที่บิดาพูดก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ถ้ามีใครทันสังเกตสักหน่อย ก็จะได้เห็นว่ามีรอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นที่มุมปากของเขา
“งั้นผมกลับเลยนะครับ” ร่างสูงยกมือพนมเพื่อลาผู้ใหญ่ ก่อนจะขับรถออกไป
ก๊อก ก๊อก
ลลัลนาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กำลังจะหาน้ำดื่มก่อนเข้านอน ชะงักด้วยความแปลกใจ เพราะคนที่รู้ที่อยู่ของเธอ นอกจากบิดามารดา ก็มีแค่ฟางข้าวเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้น เพราะเธอเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ถ้าเธอไม่สนิทกับใครจริงๆเธอจะค่อนข้างไว้ตัว
ลลัลนาเดินมาเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอแวะมานอนด้วย แต่ก็ต้องตกใจ เพราะคนที่มาเคาะประตูห้องของเธอคือชายหนุ่มที่เพิ่งไปเจอกันที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาผู้มีสถานะ ‘ว่าที่คู่หมั้น’
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามเขา หลังจากยืนอึ้งไปสักพักใหญ่
“เปล่า” ร่างสูงตอบเจ้าของร่างเล็กเสียงเรียบ แต่กลับแทรกตัวเดินเข้ามาในห้องของหญิงสาว เจ้าของห้องอย่างลลัลนาจึงทำได้แค่เดินตามหลังเขามางงๆหลังจากเห็นเขามองสำรวจห้องของเธอ ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งที่โซฟา
“มาคุยกันหน่อยสิ” เขาพูดพลางพยักหน้าไปที่โซฟาข้างๆ แต่เธอเลือกที่จะเดินไปนั่งโซฟาตัวเล็กอีกตัวหนึ่งแทน
“มีอะไรคะ” ชายหนุ่มเหลือบตามองเธอเล็กน้อย แต่ลลัลนาไม่สนใจ
“ไม่พอใจ?”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่ต้องหมั้นกับฉัน”
“ก็เปล่านี่คะ”
“งั้นเหรอ…” ดวงตาคมมองสบกับหญิงสาวเงียบๆและเธอเองก็ไม่ได้หลบตาเขา เขามองเธออยู่สักพักก็ลุกขึ้นก่อนจะขยี้ศีรษะเธอเบาๆแล้วเปิดประตูออกจากห้องไป หญิงสาวมองตามหลังเขาไปพลางคิดอะไรบางอย่างในใจ ‘บางอย่าง’ ที่ไม่เคยมีใครรู้
ช่างแต่งหน้าจับ สองสาวแยกกันแต่งหน้าแต่งตัว ลลัลนา โดนจับแต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ ใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ดวงตากลมโต จมูกโด่งปลายเชิดนิดๆ บ่งบอกความรั้นของเจ้าของใบหน้า ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ถูกแต่งแต้มให้ดูหวานละมุนจับใจ ชุดเดรสเกาะอกกระโปรงยาวสีขาว ถูกนำมาสวมใส่ ความสวยหวานลงตัว น่ามองจนไม่อาจละสายตาได้“โห แกสวยมากเลยว่ะลัล สวยหวานเลย” ฟางข้าวที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสสีฟ้าอ่อนเดินออกมาพอดี ได้พูดขึ้น“แก ฉันรู้สึกแปลกๆว่ะ” ลลัลนาพูดกับเพื่อนสนิท หลังรู้สึกว่าการแต่งหน้าแต่งตัวของเธอ มันมากกว่าปกติ“แกเพิ่งรู้สึกเหรอ เสร็จแล้วก็ไปเถอะ” ฟางข้าวพูดพลางดึงข้อมือลลัลนาออกจากห้องสองสาวลงมาข้างล่าง ก็พบว่าทุกคนกำลังรออยู่แล้ว“มาเลยลูก ใกล้ได้เวลาแล้ว” กานดาลุกขึ้นไปจูงมือลลัลนา มานั่งที่ตรงหน้าของนัทธี วินาทีนี้ ลลัลนารู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นลลัลนามองหน้าเขาเคืองๆที่ไม่ยอมบอกอะไรเธอ ทั้งที่เขารู้ว่าวันนี้เขาพาเธอมาที่บ้านทำไม“ได้เวลาสวมแหวนแล้ว” ชลิตบอกกับทุกคน นัทธีจึงหยิบแหวนขึ้นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้กับลลัลนา หลังสวมแหวนเสร็จ ลลัลนาพนมมือไหว้เขาตามพิธี เขารับไหว้พร้อมกับมอง
ที่มหาวิทยาลัย“แก ไปซื้อของเป็นเพื่อนฉันหน่อย พรุ่งนี้วันเกิดคุณแม่ ท่านบอกว่าปีนี้ไม่จัดงาน ฉันเลยอยากหาของขวัญให้ท่านสักหน่อย” ฟางข้าวคล้องแขนลลัลนาพลางเอ่ยเสียงอ้อนๆระหว่างกำลังเดินออกมาหน้าอาคารเรียน“ลัล”“คะ”ขณะที่กำลังพากันเดินไปที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย ได้มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น สองสาวชะงัก แล้วหันกลับไปมองตามที่มาของเสียง ก่อนจะเห็นว่านัทธียืนพิงรถมองพวกเธออยู่“…..” นัทธียืนสบตาลลัลนาเงียบๆ“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“เรียกชื่อฉัน” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามเธอ แต่เอ่ยบอกในสิ่งที่เขาต้องการด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“มีอะไรหรือเปล่าคะ…พี่นัท” ลลัลนาทำตามที่เขาต้องการอย่างว่าง่ายพลางถอนหายใจเบาๆ สรรพนามที่ลลัลนาใช้เรียกชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ฟางข้าวแปลกใจ“ไปธุระด้วยกันหน่อย พาเพื่อนเธอไปด้วยก็ได้นะ”“แต่ลัลจะไปทำธุระกับข้าวค่ะ”“ไปด้วยกัน แล้วเดี๋ยวฉันพาไปทำธุระ”“แต่ลัลขับรถมาค่ะ”“จะแคร์อะไร ในเมื่อเธอก็มามหาลัยพร้อมฉันได้” เขาพูดดักคอหญิงสาว จนเธอเงียบลงไปในที่สุด“ขอโทษนะข้าว แกไปกับฉันก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวฉันไปซื้อของเป็นเพื่อน” ลลัลนาหันไปบอกเพื่อนสนิทน้ำเสียงเซ็งๆ“ไม่มีปัญหา” ฟางข้าวตอบพล
“กลับมาแล้วค่ะ” ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน ร่างบางตรงเข้าไปหาบิดามารดา ที่นั่งรอเธออยู่ที่ห้องรับแขก ก่อนจะหอมแก้มท่านทั้งสองแล้วยิ้มหวานให้ท่าน“กลับมาเร็วจังล่ะลูก แม่คิดว่าจะถึงบ้านดึกกว่านี้” กานดา มารดาของหญิงสาวถามเสียงหวาน พร้อมกับยิ้มให้เธอ“รถไม่ติดค่ะแม่ แล้วนี่ลุงชลิตยังไม่มาเหรอคะ”“น่าจะอีกสักพักนะ อ้าว…..พูดถึงก็มาพอดีเลย”หลังจากกานดาพูดจบ ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในบ้านของ ตามด้วยชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นตา เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ ในขณะที่ทำเพียงแค่มองสบตาเธอเงียบๆ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอยกมือพนมพร้อมกล่าวทักทายผู้ใหญ่ที่มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม“ไหนดูซิ เด็กหญิงตัวน้อยๆของลุงโตเป็นสาวแล้วหรือเนี่ย มาให้ลุงกอดหน่อยมา”ชายวัยกลางคนที่มาใหม่ อ้าแขนรอรับหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด ลลัลนายิ้มหวานด้วยความชอบใจก่อนจะโผไปกอดคุณลุงผู้ใจดีของเธอ ที่เมื่อสมัยเธอเด็กๆคุณลุงชลิตผู้ใจดีชอบแวะมารับเธอไปเที่ยว มีขนมมาฝากเธอเสมอเวลาที่คุณลุงมาหาคุณพ่อของเธอ“เอาล่ะ คุณลุงคุณหลาน แสดงความคิดถึงกันพอละ แนะนำใครอีกคนด้วยสิ” ศรัญ บิดาของหญิงสาวพูดด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าไปทางใครอีกคนที่ยืนอยู
ใจกลางเมืองอันแสนวุ่นวาย ลลัลนา หญิงสาวใบหน้าหวานดวงตากลมโต ผมตรงยาวสลวย ผิวขาวเหลืองสุขภาพดี กำลังฝ่ารถติดเพื่อที่จะไปให้ทันเวลาเข้าเรียน เธอไม่เคยขาดเรียน หรือไปสายเลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆหญิงสาวถอนหายใจเบื่อหน่ายกับรถติด ถึงแม้ว่าเธอจะออกจากที่พักเร็วขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นต้องเผชิญกับปัญหานี้อยู่ดี ดวงตากลมโตมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเธอหลังจอดรถเรียบร้อย มือบางหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดของเธอ พร้อมกับหอบเอกสารประกอบการเรียน เดินตรงไปยังโต๊ะที่เธอและเพื่อนสนิทนั่งกันเป็นประจำ และเหมือนดังเช่นทุกวัน ที่ฟางข้าวเพื่อนสนิทของเธอจะมาถึงก่อนและนั่งรอเธออยู่“ตกลงแกรู้หรือยัง ว่าจะทำธีสิสเกี่ยวกับอะไร” เสียงหวานใสของฟางข้าวดังขึ้นถามเธอ หลังจากนั่งคุยไร้สาระกันมาพักใหญ่ๆ“ยังไม่รู้เลยอะ” ลลัลนาตอบเสียงเบื่อหน่าย“เดี๋ยวก็เสร็จไม่ทันหรอก”“ทันแหละ”“แกเนี่ยนะ ไม่เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ”“เอาน่า ไม่มีเวลาหานี่นา”เสียงการสนทนาของหญิงสาวสองคนดังขึ้นที่โต๊ะหินใต้อาคารเรียน ระหว่างรอเวลาขึ้นชั้นเรียน ยิ่งใกล้ช่วงเวลาเรียนจบ นักศึกษาแต่ละคนก