LOGIN“ว่าแล้วไงทำไมโทรม พี่เจทำตัวไม่น่ารักเลย ถ้าย่าหญิงเห็นสภาพนี้ต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ” เด็กสาวพูดขึ้นอย่างแง่งอนทำแก้มป่องส่งให้อย่างแง่งอน
‘แล้วเด็กแถวนี้ห่วงพี่หรือเปล่า’ ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ
“หึ! ขนาดตัวเองยังไม่ห่วงแล้วทำไมซีต้องห่วงด้วยล่ะ ขนาดให้เช็กอินก็แค่อ่านไม่ใส่ใจกันเลยแล้วยังมีหน้ามาถามว่าห่วงมั้ย” เด็กขี้บ่นว่าให้แต่คำพูดของเธอก็ทำเอาคนฟังยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู
‘โห ขี้บ่นจริงว่ะ เออ... ต่อไปจะตั้งเวลากินข้าวเลยแบบกำลังเย็บ ๆ อยู่พอนาฬิกาดังแล้วพี่จะวางเข็มมานั่งกินข้าวก่อนเลย’ คนอารมณ์ดีหยอกล้อน้องสาวพลางยกมือไหว้รุ่นพี่ที่วางถาดใส่ข้าวผัดกับน้ำเปล่าให้
“บ้า! ก็ทำให้เสร็จก่อนมั้ยคงไม่ต้องเย็บทั้งตัวหรอกมั้ง”
‘ปีใหม่อยากให้กลับบ้านจังจะได้ฉลองกันพร้อมหน้า’ ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องขณะทานข้าวไปด้วย
“งั้นก็โทรตามพี่ทอยมาด้วยสิจะได้พร้อมหน้า”
‘มันคงมาหรอก ขนาดวันก่อนพี่โทรหามันยังคุยด้วยไม่ถึง 3 นาทีเลย’
“ชิ! มีเวลาให้เพื่อนแต่ไ
เย็นวันศุกร์...รถเก๋งยุโรปสีดำคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดในที่จอดรถโรงพยาบาลด้านหลังที่สามารถมองเห็นคนเข้าออกประตูหอพักแพทย์ได้ สาวสวยผมยาวปะบ่าสีน้ำตาลอ่อนลดกระจกลงมองหน้าประตูอาคารฉุกเฉินและประตูหอพักแพทย์สลับกันทางก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนเชิงปรึกษา“พี่เจลงเวร 5 โมงเย็นจริงนะ”น้องน้ำหนึ่งหนึ่งถามเพื่อนเหมือนไม่มั่นใจนัก“อืม...พี่ซันบอกว่ายังงั้นแหละ ดูตารางมาแล้ว” น้องซีพยักหน้ายืนยันขณะที่ตามองหน้าประตูทางออกฉุกเฉิน“พี่เจบอกซีมั้ยว่าจะไปไหน” น้องน้ำหนึ่งถามขึ้น“จะบอกกูเพื่อ? แต่รู้ว่าร้านเพื่อนนอกเมือง ก็น่าจะโบว่ามั้ยวะ” เด็กสาวหันมาปรึกษากับเพื่อนสีหน้าจริงจัง“งั้นน้าเวชว่าเราไปรอที่ทางเข้าโบว่าดีกว่านะครับคุณหนู ถ้าคุณหมอเธอขับมอเตอร์ไซค์ไปเราตามไม่ทันหรอก” น้าเวชคนขับรถของบ้านน้องน้ำหนึ่งพูดขึ้น“แล้วถ้าไม่ใช่โบว่าล่ะน้าเวช” น้องซีถามขึ้น“เพื่อความมั่นใจ หนึ่งโทรหาพี่คริสดีกว่า” น้องน้ำหนึ่งพูดขึ้นพลางล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า“รู้เบอร์หรือมีไลน์” “แหะ ไม่มีแต่เรามีเฟสพี่เจไง” เด็กสาวว่าพลางกดเข้าแอปหารายชื่อเพื่อ
สัปดาห์ต่อมาโรงพยาบาล H“เจคะ” เสียงหวานเรียกตามหลังขณะที่ชายหนุ่มรีบเดินเข้ามาที่แผนกตัวเองเป็นเวลาเกือบถึงเวลาทำงานของวันแรกที่เข้าทำงานในปีนี้ คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วหันกลับไปมองก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ หยุดรอตามมารยาท“หือ?...” “เอื้อมจะมาคุยเรื่องงานเลี้ยงรุ่นพวกเราศุกร์หน้าค่ะ เอื้อมจะมาขอติดรถเจไปด้วย” หญิงสาวพูดเสียงดังเหมือนจงใจให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ยินด้วยในขณะที่สายตาที่มองชายหนุ่มหยาดเยิ้มอย่างเปิดเผยงาน เลี้ยงรุ่นปีนี้เธอเป็นคนนัดเพื่อนในกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอก่อนเมื่อตกลงกันได้จึงบอกกลุ่มใหญ่ โดยบอกกลุ่มใหญ่ว่าเป็นงานเลี้ยงรุ่นและฉลองปีใหม่ย้อนหลัง และฉลองที่เพื่อนหลายคนเรียนจบปริญญาโทในปีนี้ ซึ่งตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีแยกย้ายกันไปยังไม่มีโอกาสรวมกันเลยสักครั้ง ซึ่งเธอเลือกเวลาเป็นวันศุกร์หน้าเพราะเธอดูตารางเวรของเจเดนมาแล้วว่าชายหนุ่มขึ้นเวรกลางวันและวันเสาร์หยุด“ศุกร์หน้า?” คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เข้าโซเซียล ไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มและปิดแจ้งเตือนกลุ่มนี้ไว้ตั้งแต่เลิกกับเอื้อมจันทร์เลยไม่รู้อะไรมากนักเพราะหากมีอะไรด่วนเพื่อนสนิทจะโทรหากันซะเป็น
“เจ้าเจนี่เวลามันยิ้มหน้ามันสวยกว่าพี่มันอีกนะแต่ช่วงนี้ดูซูบลงไปเยอะเลย” คุณมาร์คพูดขึ้นหลังจากที่พากันย้ายห้องอาหารมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น แล้วมองกลุ่มเด็ก ๆ ที่กำลังนั่งดื่มกันที่หน้าบ้าน โดยมีน้องซีกับน้องน้ำหนึ่งนั่งร่วมด้วยแต่ดื่มได้แค่น้ำผลไม้ตามคำสั่งของคุณพ่อ“เจมันเหมือนแม่ โคลงหน้ามันคมเหมือนพี่จี” ดอกเตอร์ศิลาสนับสนุนคำพูดเพื่อน“ช่วงนี้พี่ว่าเจเครียดเกินไป ขนาดวันนั้นไปนอนบ้านคุณย่าก็ค้างสายกับน้องไปตั้งแต่ร้านตัดผมให้คุณย่าคุยกับน้อง พอวางสายก็นิ่งจนคุณย่าไม่สบายใจไปด้วย” คุณจีน่าพูดขึ้นพลางมองลูกชายคนเล็กที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นมือกีตาร์ให้น้อง ๆ“ผมก็ให้คนหาหลักฐานอยู่พี่แต่มันยังไม่ชัดเจน เพราะนามสกุลเด็กนั่นไม่ตรงกับผู้ถือหุ้น แล้วจากลายเซ็นรับเข้าถึงจะรู้ว่าปลอมแต่เราก็ยังจับมือใครดมไม่ได้ ตอนนี้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าก็ยังไม่ได้เพราะเรายังไม่ไว้ใจใครแต่ผมก็บอกหลานให้อดทนไปก่อนนั่นแหละเงียบไว้เผื่อหางจะโผล่” ดอกเตอร์ศิลาพูดขึ้นพลางยกแก้วขึ้นจิบ“ก็รีบหน่อย สงสารหลาน” คุณโรมว่าขึ้น“รีบอยู่แต่ไม่มีใครมีพิรุธ มึงจะสงสัยใครได้ไอ้บ้า” คุณศิ
หน้าแผนกฉุกเฉินคุณหมอหนุ่มต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นคนขับรถที่บ้านของดอกเตอร์ศิลามายืนรอที่หน้าห้อง“ลุงเติมมีอะไรครับ ใครเป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีใครเป็นอะไรครับ หมอเจใกล้ลงเวรหรือยังครับ” ลุงเติมถามยิ้ม ๆ มองสีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มก่อนจะแอบถอนหายใจเบา ๆ“อืม...(ดูนาฬิกา) ใกล้แล้วล่ะแต่ผมต้องส่งเวรก่อนน่าจะซักชั่วโมงได้”“ดอกเตอร์ให้มาเชิญทานข้าวเย็นที่บ้านครับ บอกว่ามีธุระจะคุยด้วยครับ”“อ๋อ...” ชายหนุ่มพยักหน้าไม่สงสัยเพราะก่อนหน้าเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเอื้อมจันทร์และคนที่พาเธอเข้ามาทำงาน และอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะมีการประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้นและบอร์ดบริหารของโรงพยาบาล ซึ่งชายหนุ่มเข้าใจว่าต้องเป็นเรื่องนั้นเพราะใจอยากให้จบเรื่องเอื้อมจันทร์เต็มที “งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปส่งเวรเลยแล้วกัน ลุงเติมกลับก่อนก็ได้ครับผมจะเอามอเตอร์ไซค์เข้าไปเอง” บอกคนขับรถยิ้ม ๆ ที่บอกว่าจะเอารถไปเองเพราะตั้งใจว่าจะแค่ไปคุยงานและทานข้าวเท่านั้นเพราะเขาต้องกลับมาเตรียมตัวเดินทางในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า“ครับงั้นเจอกันที่บ้านครับ” ลุงเติมพูดยิ้ม ๆ หันหลังเ
“ว่าแล้วไงทำไมโทรม พี่เจทำตัวไม่น่ารักเลย ถ้าย่าหญิงเห็นสภาพนี้ต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ” เด็กสาวพูดขึ้นอย่างแง่งอนทำแก้มป่องส่งให้อย่างแง่งอน‘แล้วเด็กแถวนี้ห่วงพี่หรือเปล่า’ ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ“หึ! ขนาดตัวเองยังไม่ห่วงแล้วทำไมซีต้องห่วงด้วยล่ะ ขนาดให้เช็กอินก็แค่อ่านไม่ใส่ใจกันเลยแล้วยังมีหน้ามาถามว่าห่วงมั้ย” เด็กขี้บ่นว่าให้แต่คำพูดของเธอก็ทำเอาคนฟังยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู‘โห ขี้บ่นจริงว่ะ เออ... ต่อไปจะตั้งเวลากินข้าวเลยแบบกำลังเย็บ ๆ อยู่พอนาฬิกาดังแล้วพี่จะวางเข็มมานั่งกินข้าวก่อนเลย’ คนอารมณ์ดีหยอกล้อน้องสาวพลางยกมือไหว้รุ่นพี่ที่วางถาดใส่ข้าวผัดกับน้ำเปล่าให้“บ้า! ก็ทำให้เสร็จก่อนมั้ยคงไม่ต้องเย็บทั้งตัวหรอกมั้ง”‘ปีใหม่อยากให้กลับบ้านจังจะได้ฉลองกันพร้อมหน้า’ ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องขณะทานข้าวไปด้วย“งั้นก็โทรตามพี่ทอยมาด้วยสิจะได้พร้อมหน้า”‘มันคงมาหรอก ขนาดวันก่อนพี่โทรหามันยังคุยด้วยไม่ถึง 3 นาทีเลย’“ชิ! มีเวลาให้เพื่อนแต่ไ
‘ฮัลโหล’ เสียงแหบห้วนรับสายไม่ดังนักหลังจากเสียงเรียกเข้ารอนานจน 2 เพื่อนมองหน้ากัน“สวัสดีค่ะพี่หมอเจ” 2 สาวประสานกันเสียงใสอย่างร่าเริง‘สวัสดีครับ ขอโทษทีพี่ติดเคสอยู่’ ชายหนุ่มรีบปรับน้ำเสียงอีกโทนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างทันทีกับเสียงที่แสนคิดถึงจนพยาบาลที่อยู่ใกล้มองหน้า ก่อนที่เขาจะชี้ให้เธอไปดูแลคนไข้ต่อส่วนตัวเองเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางสายตางวยงงของหมอและพยาบาลที่ขึ้นเวรร่วมที่มองตามตาปริบ ๆ กับการเปลี่ยนโหมดกระทันหันของคุณหมอที่จริงที่เขาไม่อยากรับสายแต่แรกเพราะเข้าใจว่าเป็นเอื้อมจันทร์โทรมาชวนทานข้าวในเวลาเที่ยงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งชายหนุ่มเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก ทั้งที่เขาบอกกับเพื่อนร่วมงานในแผนกไปแล้วว่าตัวเองมีแฟนที่คบหากันมานานและตอนนี้เธออยู่ต่างประเทศแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่สนใจและบอกกับผู้อื่นว่าตัวเองเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากมาก่อนเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหมอและพยาบาลในแผนกต่างก็เห็นใจคุณหมอหนุ่มเพราะเข้าใจว่าที่เขาตอบโต้อะไรกับการกระทำของเอื้อมจันทร์ไม่ได้เพราะเธอเป็นญาติของผู้ถือหุ้นที่เขา







