สินบน?ฮ่องเต้หวู่จ้องมองตู้เหวินหยวนด้วยโทสะ พูดด้วยความโกรธ “บุตรชายตอบแทนข้า! เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าติดสินบนหรือ? เจ้า เจ้า เจ้า... เจ้าอยากให้ข้าโกรธตายหรือ?”ตู้เหวินหยวนพูดอย่างใจเย็น “บุตรชายตอบแทนข้า การไม่ขอสิ่งใด ทำทุกสิ่งเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูเขามา นี่จึงถือเป็นความกตัญญู!"“หากเช่นนี้ นับเป็นการติดสินบน!”“เมื่อครู่กระหม่อมเพิ่งร้องเรียนเรื่ององค์ชายเก้าไป จากนั้นเขาก็ส่งเงินออกมามากมายเช่นนี้”“หากไม่ใช่สินบนแล้วจะเป็นสิ่งใดได้พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่พูดไม่ออกหลี่หลงหลินมอบเงินออกมาผิดเวลาแล้วฮ่องเต้หวู่มองไปที่หลี่หลงหลินแล้วถอนหายใจ “เจ้าเก้า ความกตัญญูของเจ้าข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว! แต่เจ้าเอาเงินสี่แสนตำลึงนี้กลับไปเถอะ! ไร้บุญคุณไม่รับรางวัล! จะได้ไม่ต้องมีคนมาวิจารณ์เจ้า!”หลี่หลงหลินยิ้มแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ หากพระองค์มีบุญคุณเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ตกใจ ถามด้วยความสับสน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่หลงหลินอธิบายว่า “เสด็จพ่อ หรือท่านลืมไปพ่ะย่ะค่ะ! ท่านมอบเงินลงทุนให้ลูกมาสองส่วน ไม่ว่าลูกจะหาเงินได้เท่าไร ควรให้เงินปันผลเสด็จพ่อสองส่วน!”“พอดีกับที่
เรื่องเล็กที่ไม่แม้จะใหญ่เรื่องนี้ พวกเจ้ากลับรวมหัวกันมากล่าวโทษข้า?ถ้าบอกว่า ข้าตัดต้นไม้สองสามต้นในเขาประจิม ก็กำลังทำชั่วแล้วละก็แล้วพวกเจ้าเล่า?พวกเจ้าปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม ฮุบเอามาเป็นส่วนตัว แล้วสร้างเรือนพักแสนงดงามขึ้นมาควรรับโทษใด?นี่ชัดเจนแล้วว่า อนุญาตให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ประชาชนก่อไฟ[footnoteRef:1]! [1: อธิบายถึง ผู้ปกครองสามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้ แต่คำพูดและการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายของประชาชนนั้น ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดทั้งหลาย] สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินโกรธที่สุดคือถ้าตู้เหวินหยวนแค่อยากจะตำหนิตัวเองสักสองสามคำ กู้หน้าตัวเองกลับมาหลี่หลงหลินย่อมยอมทนให้ได้!เพราะอย่างไรเสีย หากเขาเฉียบแหลมเกินไป ถูกองค์ชายองค์อื่นเกลียดเอาได้ง่าย!ยิ่งชื่อเสียงย่ำแย่ หลี่หลงหลินก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นด้วยวิธีนี้เท่านั้น ภายใต้ชื่อเสียงที่ย่ำแย่ไม่น่าอภิรมย์ เขาจึงสามารถแกล้งเป็นหมูกินเสือ สร้างรายได้มหาศาลอย่างเงียบๆ ได้ผลลัพธ์เล่าตู้เหวินหยวนกลับขอให้เสด็จพ่อโบยเขาแปดสิบไม้!นี่มันจะเอาชีวิตเขาชัดๆ!โหดเหี้ยมนัก!“ดี ดียิ่ง...”“จะเล่นไม้นี้เช่
“นี่...”ฮ่องเต้หวู่ดูเขินอายข้าเพิ่งได้ยินว่าตัวเองยกเขาประจิมให้เจ้าเก้าไปก็วันนี้จะไปเอาหลักฐานที่ไหนมาให้เล่า?หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ และพูดว่า “วันนั้นขันทีเว่ยเองก็อยู่ด้วย สามารถเป็นพยานให้ได้!”ควั่บ!สายตาของทุกคน จับจ้องไปที่เว่ยซวิน รอคำตอบของเขาเว่ยซวินสาปแช่งมารดาอยู่ในใจองค์ชายเก้า!ท่านหลอกใช้ข้าอีกแล้ว!เดิมทีนี่คือการต่อสู้ระหว่างองค์ชายเก้าและกลุ่มขุนนาง ดังนั้นเขายืนดูเรื่องสนุกอยู่ข้างสนามก็ดีอยู่แล้วแต่คราวนี้ ถึงเวลาเลือกข้างเสียได้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตนเองเลือกได้เพียงข้างฮ่องเต้ นั่นก็คือฝั่งองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน!การผลักอุทกภัยไปทางบูรพา[footnoteRef:1]ครั้งนี้ กลับเอาไฟสงครามมาราดลงบนตัวเสียแล้ว [1: หมายถึง การใช้วิธีบางอย่างเพื่อป้องกันตนเองจากการสูญเสีย และปล่อยให้ผู้อื่นแบกรับความสูญเสียแทนตนเอง] และในสายตาของขุนนางเช่นตู้เหวินหยวน เขาก็คือแรงหนุนขององค์ชายเก้า!เมื่อถึงเวลา ตัวเองก็จะกลายเป็นโล่ขององค์ชายเก้า รับพลังโจมตีอยู่ทางด้านหน้า ทำให้เขาอยู่ห่างจากภัยร้ายได้องค์ชายเก้าร้ายกาจถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!ฮ่องเต้หวู่มองดูเว่ยซวินแล้วพู
ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดลง จ้องมองไปที่ตู้เหวินหยวน “อะไรนะ? พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าเขาประจิมเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ เจ้าเก้าแค่ตัดต้นไม้ไปสองสามต้น พวกเจ้ากลับลุกลี้ลุกลนอยู่กันไม่สุข!”“ทว่า พวกเจ้ากลับปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม...”“เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือ?”ขิงยิ่งแก่ขิงเผ็ดความตื่นตระหนกบนใบหน้าของตู้เหวินหยวนหายไปในทันที แทนที่ด้วยความสงบ พยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นตู้เหวินหยวนสารภาพอย่างตรงไปตรงมา เขาก็โกรธขึ้นกว่าเดิม “เจ้าควรอธิบายเหตุผลที่ฟังเข้าหูให้ข้านะ!”ตู้เหวินหยวนพูดอย่างใจเย็น “องค์ชายเก้าพูดเกินจริงแล้วพ่ะย่ะค่ะ! สิ่งที่พวกกระหม่อมสร้างในเขาประจิม หาใช่เรือนพักงดงาม แต่เป็นเพียงเพิงบ้านชั่วคราวสำหรับการล่าสัตว์!”“แม้ว่าเขาประจิมจะถูกทิ้งร้างมาหลายปี แต่พวกกระหม่อมก็ยังไปที่เขาประจิมล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้ง เพื่อเตือนตัวเองว่าอย่าลืมวิชายุทธ์อันโด่งดังของบรรพบุรุษแห่งต้าเซี่ย...”“เพราะอย่างไรเสีย ขุนเขาแห่งต้าเซี่ยนี้ ก็เป็นบรรพบุรุษที่ยึดครองมาได้!”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งชื่อของเขาคือหวู่[footnoteRef:1] และสิ่
ขุนนางทั้งหมดออกไปกับความโกรธฮ่องเต้หวู่เชิดศีรษะ อกผายไหล่ผึ่ง เหมือนแม่ทัพที่ชนะสงครามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกขุนนางกดขี่อย่างอนาถมาตลอด!ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเช่นนี้มานานแล้ว!ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าเก้า!ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า ตามข้ามา! ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง!”หลี่หลงหลินพยักหน้า เดินตามฮ่องเต้หวู่เข้าไปในตำหนักหยั่งซินฮ่องเต้หวู่ก้าวถอยหลังปิดประตู แล้วบอกให้เว่ยซวินเฝ้าประตู จากนั้นก็พูดว่า “เจ้าเก้า เจ้าสร้างความดีครั้งใหญ่ได้อีกครั้งแล้ว! เจ้าต้องการรางวัลอันใดหรือ? แต่ยังคงเป็นกฎเดิม...”หลี่หลงหลินกลอกตาเอาอีกแล้ว?หนึ่ง ไม่ให้เงิน และสอง ไม่เลื่อนตำแหน่ง!หากพูดตรงๆ ก็คือ ชมเชยด้วยวาจานี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี!คราวนี้ หลี่หลงหลินเตรียมตัวมาอย่างดี “เสด็จพ่อ ลูกต้องการตำแหน่งทหาร!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ข้าเพิ่งแต่งตั้งให้เจ้าเป็นโหว หากได้รับตำแหน่งทางทหารไปอีก เกรงว่าจะไม่เหมาะสม! นอกจากนี้ การเลื่อนตำแหน่ง จะต้องผ่านสำนักเลขาธิการและกรมขุนนาง เจ้าคิดว่าตู้เหวินหยวนจะยอมเห็นด้วยหรือ?”“ข้าจะแนะนำเจ้าหนึ่งคำ อย่าโลภมาก”คำนี้ เทียบเท่าก
ถ้าไม่ได้เพราะเขามอบเงินสี่แสนตำลึงให้กับฮ่องเต้หวู่เขาไม่มีทางตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้หลี่หลงหลินกลัวว่าฮ่องเต้หวู่จะเสียใจภายหลัง จึงโค้งคำนับแล้วกล่าวลา “ลูกไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ขอทูลลา”“เดี๋ยวก่อน...”ฮ่องเต้หวู่ยื่นมือออกไปหยุดหลี่หลงหลินหัวใจของหลี่หลงหลินเต้นรัว ฮ่องเต้หวู่คิดได้เร็วขนาดนี้เลย?ฮ่องเต้หวู่ชี้ไปที่ธนบัตรเงินสี่แสนตำลึงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “เอานี่กลับไปด้วย”หลี่หลงหลินตกตะลึงฮ่องเต้หวู่จะไม่รับเงินพวกนี้ไว้หรือ?เขานึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ!หลี่หลงหลินฝืนยิ้มบนใบหน้า “เสด็จพ่อ เงินนี้เป็นความกตัญญูที่ลูกมีต่อท่าน...”ฮ่องเต้หวู่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าซาบซึ้งในความกตัญญูของเจ้า! แต่เงินนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้!”หลี่หลงหลินงงงวย “เพราะเหตุใดขอรับ?”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “มีเงินย่อมเป็นเรื่องดี! และข้าก็ขาดแคลนเงินจริงๆ! แต่เจ้าก็ได้เห็นสีหน้าของตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนางแล้ว! เจ้าเพียงตัดต้นไม้แค่สองสามต้น พวกเขาก็เข้าแถวมาบอกว่าเรื่องยิ่งใหญ่ภัยร้าย!”“หากข้ารับเงินของเจ้ามา พวกเขาจะใส่ร้ายเจ้าอย่างไรอีก?”“พวกเขาจะแพร่งพรายเรื่องนี้ไปทั่วทิศ บอกว่าเจ้า
หลี่หลงหลินออกจากวัง กลับไปที่จวนตระกูลซูโดยไม่หยุดพักซูเฟิ่งหลิงกำลังฝึกหอกอยู่ในลาน แทงหุ่นจำลองที่ใส่หน้ากากหน้าหลี่หลงหลินอย่างแรง ไร้ความปรานีเวลานี้ หลี่หลงหลินก็บุกเข้ามาเมื่อนึกถึงเรื่องไร้สาระเมื่อคืนนี้ ซูเฟิ่งหลิงก็หน้าแดงแจ๋ ทิ้งหอกในมือแล้วหันหลังเดินหนีหลี่หลงหลินคว้ามือเรียวยาวของนางไว้แล้วขมวดคิ้ว “ข้าเป็นผีหรืออย่างไร? เข้าเห็นถ้าแล้วถึงได้วิ่งหนีเช่นนี้?”ซูเฟิ่งหลิงรีบสะบัดมือของหลี่หลงหลินออกอย่างรีบร้อน ท่าทางเขินอาย “ปล่อยนะ! คนอื่นมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “สองเราเป็นสามีภรรยากัน จูบกันก็ทำมาแล้ว แค่จับมือไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย!”ซูเฟิ่งหลิงจับหอกเงินแน่นขึ้น จ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน “ถ้าเจ้าอยากตายจริงๆ! ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง...”เมื่อเห็นว่าซูเฟิ่งหลิงกำลังจะโกรธอีกครั้ง หลี่หลงหลินก็รีบพูดว่า “วันนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าหรอกนะ! เสด็จพ่อยกเขาประจิมให้ข้าแล้ว...”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง ดวงตาจ้องมองตรงไปที่หลี่หลงหลินเจ้าคนนี้ทำน้ำแกงเสน่ห์อะไรไปให้ฮ่องเต้กินกัน?เขาประจิมมีรัศมีแปดร้อยลี้ พื้นที่ใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้บอกจะยกให้ก็ยกให
“ขอเพียงข้าเขียนชื่อของพวกเจ้าลงไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะเคยทำอะไรมาก่อน หรือมีภูมิหลังครอบครัวอย่างไร ก็จะไม่ใช่ทหารปลายแถวไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่เป็นผู้บัญชาการทหาร!”“แต่การจะเป็นขั้นเก้าหรือขั้นหกนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเจ้าเอง!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบลง ทหารที่เหลือก็ระเบิดทันทีผู้บัญชาการทหาร!พวกเขาแม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝันแม้ว่าแต่ละคนจะอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้ว ปีนออกมาจากภูเขาซากศพ ทำภารกิจทหารมานับไม่ถ้วนแต่ตำแหน่งทหารที่ว่าง ล้วนถูกขุนนางฉกฉวยเอาไปไม่ว่าพวกเขาจะทำดีมามากเพียงใด เสียเลือดมากแค่ไหน ล้วนแต่เป็นลูกล้อที่ต่ำต้อยการเป็นผู้บัญชาการทหาร ก็เหมือนควันที่ลอยขึ้นมาจากหลุมศพของบรรพบุรุษ[footnoteRef:1] [1: สิ่งที่เป็นไปไม่ได้] ส่วนตำแหน่งที่สูงกว่ารองผู้บัญชาการ อย่าเพิ่งพูดถึงชีวิตนี้ แม้แต่ชีวิตหน้าก็ยังไม่กล้าฝันถึงหากได้เป็นผู้บัญชาการทหารจริงๆ ก็จะสามารถกินอาหารรสเลิศของในวังได้ ในชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยอีก!ชั่วครู่หนึ่ง ทหารที่เหลืออยู่ต่างปลาบปลื้ม ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายสดใสทว่า พวกเขากลับไม่มีใครลุกขึ้นมาหลี่หลงหลินคิดว่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค