ชิงชิง สาวน้อยลูกครึ่งไทย-จีนที่มีโอกาสติดตามอาป๊ากลับไปไหว้สุสานบรรพบุรุษที่ประเทศจีนและบังเอิญเก็บแหวนหยกสีเลือดวงหนึ่งได้จากหน้าฮวงซุ้ย ในขณะที่กำลังจะถามหาเจ้าของ แหวนวงนั้นดันหายไปจากฝ่ามือ
view moreชิงชิง สาวน้อยลูกครึ่งไทย-จีนที่มีโอกาสติดตามอาป๊ากลับไปไหว้สุสานบรรพบุรุษที่ประเทศจีนและบังเอิญเก็บแหวนหยกสีเลือดวงหนึ่งได้จากหน้าฮวงซุ้ย ในขณะที่กำลังจะถามหาเจ้าของ แหวนวงนั้นดันหายไปจากฝ่ามือและมาปรากฏเป็นแดงรอบนิ้วกลางมือขวาของเธอแทน ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรอาป๊ากลับรีบจูงเธอไปขึ้นรถทันทีเพราะดันนึกได้ว่าอีกแค่สองชั่วโมงเครื่องจะออกแล้ว เนื่องจากผู้คนแห่กันมาไหว้บรรพบุรุษวันนี้กันเยอะมาก กว่าที่พวกเธอจะมาถึงสุสานก็หมดเวลาไปกับการจราจรอันคับคั่งจนต้องรีบกลับแบบสายฟ้าแลบ ดีที่ขากลับมีสภาพคล่องมาก เพราะฝูงชนยังออกันอยู่ที่สุสานเพราะปีนึงจะได้มารวมตัวกันสักที เหล่าลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่จึงอาศัยเวลานี้อัพเดตข่าวสารซึ่งกันและกัน
กว่าจะมีเวลาได้คิดถึงแหวนอีกครั้งก็เป็นอีกสามวันหลังจากกลับมาจากเมืองจีน และเคลียงานที่คั่งค้างไว้ช่วงที่เธอไม่อยู่ รวมถึงหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิตที่ซื้อตั๋วเครื่องบินพาอาป๊าไปไหว้สุสานบรรพบุรุษ หากไม่รีบใช้หนี้และมัวแต่ชำระขั้นต่ำดอกเบี้ยบัตรเครดิตคงพอกพูนจนเป็นปัญหาให้ชิงชิงตามแก้จนปวดหัวอีกแน่ๆ
ครอบครัวของชิงชิงมีอาชีพเก็บของเก่าขาย หรือหลายคนเรียกว่าคนเก็บขยะ เพราะตอนหนุ่มพ่อติดการพนันจนธุรกิจร้านอาหารจีนที่สืบทอดมาจากอากงต้องปิดตัวลง แม่ที่เป็นแม่ครัวในร้านและจบการศึกษาเพียงประถมหกจึงเริ่มเก็บของเก่าที่นำไปรีไซเคิลได้ไปขายตามร้านรับซื้อของเก่าเจ้าใหญ่ๆ เพียงแค่สอง ปีแม่ก็เก็บหอมรอมริบจนสามารถเปิดร้านรับซื้อของเก่าเป็นของตนเองได้ โดยมีพ่อที่กลับตัวกลับใจเลิกเล่นการพนันได้อย่างเด็ดขาดเข้ามาช่วยกันทำงาน
หลังจากที่แม่จากไปตอนที่ชิงชิงเพิ่งเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งพ่อของเธอก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเงินส่งชิงชิงเรียนแต่เพียงผู้เดียว เพราะอยากได้เงินมากๆ พ่อจึงเริ่มร่วมหุ้นกับเพื่อนในวงการค้าของเก่า ด้วยการออกไปรับซื้อซากคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์เทคโนโลยี หรือรับทำความสะอาดร้านช่างทองแล้วนำมาเข้ากระบวนการเพื่อสกัดเอาทองคำออกมา แต่กลับมาถูกโกงเพราะที่ร้านไม่มีโรงหลอม
เมื่อเอาไปผ่านกระบวนการที่โรงงานของคนอื่นเขาก็ไม่บอกยอดตามความเป็นจริง ส่วนแบ่งที่ได้เลยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเพื่อนมาชวนไปลงทุนอีกครั้งชิงชิงเลยทัดทานอาป๊าไว้ ตอนนี้สภาพคล่องในบ้านจึงน้อยลงไปจนสองพ่อลูกต้องรัดเข็มขัด ถ้าหากอาป๊าไม่ติดเชื้อโควิดจนป่วยหนักและฝันเห็นเตี่ยของอาป๊าหรือก็คือปู่ของชิงชิงก็คงไม่คิดกลับไปไหว้สุสานบรรพบุรุษ ชิงชิงเองก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินก้อนใหญ่เพราะเธอคิดว่าอาป๊าคงแค่อุปทานเพราะอาการป่วย ด้วยคิดว่าตนเองอกตัญญูเพราะตั้งแต่อากงตายไปได้สั่งเสียไว้ว่าให้อาป๊ากลับไปไหว้สุสานบรรพบุรุษก็ยังไม่เคยกลับไปเลยสักครั้ง หากมาเสียชีวิตเพราะโควิดก็จะไม่มีหน้าไปพบอากงในปรโลก เพื่อความสบายใจของอาป๊าชิงชิงเลยยอมเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนใหญ่เพื่อการนี้
แม้ว่าจะเรียนจบการตลาดมาได้ 1 ปีแล้ว ชิงชิงก็ไม่เคยคิดจะเข้ามาบริหารร้านรับซื้อของเก่าของอาป๊าเพราะเพื่อนที่โรงเรียนมักเรียกเธอว่าเด็กขยะ จากโรงเรียนเอกชนชื่อดังเธอต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนวัดเพราะอาป๊าเล่นการพนันแม้ท่านจะเลิกได้แล้วแต่อาชีพเก็บขยะของครอบครัวมันเป็นปมด้อยในใจของเธอเสมอมา ด้วยเหตุนี้เองหลังจากเรียนจบชิงชิงจึงเลือกที่จะทำงานกับซุปเปอร์มาเก็ตชื่อดังในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านของเธอแทน
หลังจากกลับจากที่ทำงานชิงชิงที่มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ก็รีบไปอาบน้ำทันที เพราะวันนี้มีการจัดบู๊ทประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นประจำเดือนใหม่ สินค้าแทบทุกตัวในซุปเปอร์มาเก็ตมีการเปลี่ยนแปลงราคาและรายการส่งเสริมการขาย ของจากจะต้องตรวจสอบป้ายราคาและป้ายโปรโมชั่นว่าตรงกับที่แผนกการตลาดจัดไว้หรือไม่ยังต้องไปสำรวจร้านค้าปลีกในห้องสรรพสินค้าที่มีสินค้าชนิดเดียวกันวางขายว่ามีราคาใกล้เคียงหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดอีกด้วย เพื่อที่จะได้สามารถปรับแก้ให้ไม่ต่างกันไปนักได้ทัน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องทำหลังเวลาปิดทำการพนักงานทั้งในห้างฯ และซุปเปอร์ต่างก็ต้องผลัดกันรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้เพราะต้องทำเดือนละครั้ง
“โอย ค่อยยังชั่วหน่อย อาบน้ำฉ่ำปอดจนหายร้อน เหลือแต่ท้องนี่แหล่ะที่ยังหิว สงสัยข้าวกล่องลดราคาที่ซื้อมาไว้กินพรุ่งนี้คงไม่รอดละมั้ง ดีนะที่ยังไม่ได้เอาเข้าตู้เย็น ไม่งั้นต้องอุ่นใหม่เสียเวลาเป่าให้หายร้อนไปอีกซื้อมาตั้งสามกล่อง ตอนนี้ดึกแล้วกินแค่กล่องเดียวก็พอที่เหลือก็เก็บเข้าตู้เย็นไปก่อนดีนะที่มีตู้เย็นไว้แช่ขนม น้ำดื่ม และเครื่องสำอางในห้องนอน” บ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วชิงชิงก็เดินไปคว้าข้าวกล่องจากซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ในกระเป๋าเป้ที่มักพกไปทำงานเป็นประจำทุกวัน
‘ฮ่า ชื่นใจจัง’ หลังจากดูดน้ำอัดลมในแก้วเก็บความเย็นเสร็จก็ต้องออกเสียงแสดงความพึงพอใจออกมา คราแรกกะจะลุกไปแปรงฟันแล้วมาเข้านอนทันทีเพราะความเพลียแต่ก็นึกได้ว่าพฤติกรรมกินแล้วนอนทันทีอาจจะทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบกลับมาได้ชิงชิงจึงต้องหากิจกรรมอะไรมาทำเพื่อถ่วงเวลาให้อาหารที่เพิ่งกินเข้าไปเดินทางไปสู่กระเพาะอาหารสักหน่อยว่าแล้วก็ตัดแต่งเล็บดีกว่า ถ้าจะให้ดีทาสีเล็บไปเลยเพราะวันนี้ทั้งงัดทั้งแงะป้ายราคาเก่า แกะแถบกระดาษกาวสองหน้าเล็บที่ไม่มีเวลาดูแลสีสันที่ทาไว้ตั้งแต่เดือนก่อนก็ลอกล่อนจนแทบจะหาสีเดิมไม่ได้อยู่แล้ว
‘ก่อนอื่นทาครีมทามือกับทาปิโตเลียมเจลที่จมูกเล็บก่อนตัดหนังละกัน’ คิดได้อย่างนั้นชิงชิงก็เดินไปนั่งหน้าโต๊ะที่จัดไว้สำหรับอุปกรณ์ทำเล็บโดยเฉพาะ เพราะเธอขอบการแต่งแต้มสีเล็บเป็นอย่างมากจากงานอดิเรกตอนมัธยมปลายก็กลายเป็นอาชีพหารายได้ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยของเธอมาตลอดสี่ปี ถ้าหากไม่มีสถานการณ์โรคโควิดระบาดเธอคงจะเปิดร้านทำเล็บตามตลาดนัดแทนการทำงานประจำไปแล้ว
‘เอ๊ะ รอยแดงนี่ยังอยู่รึ’ ขณะที่กำลังทาครีมสำหรับบำรุงผิวมืออยู่นั้นสายตาก็ดันไปสะดุดกับรอยแดงรอบนิ้วกลางข้างขวาจนทำให้นึกถึงแหวนหยกสีเลือดวงนั้นขึ้นมาได้ แม้ว่าเดิมจะตั้งใจตัดแต่งเล็บแต่ชิงชิงกลับเดินเหม่อมองรอยแดงรอบนิ้วไปทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม สิ่งแรกที่สะดุดตาคือลายเส้นดำๆ ที่อยู่ในรอยแถบสีแดงที่มีขนาดเท่าแหวนวงที่เธอเก็บได้กะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็น่าจะราวสักครึ่งเซนติเมตร ว่าแต่มันมาอยู่บนนิ้วเธอได้อย่างไรแล้วมันทำงานอย่างไร
“เสี่ยวชิง พี่กลับมาแล้วดูนี่สิหนังสือรับรองการตั้งตระกูลจินสายปักกิ่งกับเอกสารยืนยันตัวตนของพี่ นายจินหมิงเต๋อ ฟังดูดีมั้ยล่ะ” หลังจากกลับมาจากสำนักงานกิจการพลเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ยินดีด้วยพี่จินหมิงเต๋อแล้วเรื่องทางบ้านพี่จะทำยังงัยต่อคะ”“เมื่อวานพี่ได้แอบไปไปพบลุงใหญ่หวงแล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปรอบหนึ่งเขาก็ยินดีลบชื่อพี่ออกจากผังตระกูลแถมยังยินดีเป็นคนตัวแทนนำเงินกตัญญูก้อนสุดท้ายของพี่ไปให้แม่แล้วยังช่วยพูดให้แม่ยอมรับการตัดสินใจของพี่อีกด้วย เห็นแกบอกว่าแม่ไม่พูดอะไรเลยคว้าเงินมัดนั้นได้ก็หันหลังเข้าบ้านแม่คงเสียใจมากเลยหล่ะ” จินหมิงเต๋อท่าทีหงอยเหงาลงกว่าเมื่อสักครู่ในยามที่เอ่ยถึงมารดา แม้ว่าจะอยากไปดูอาการของแม่สักหน่อยแต่ลุงใหญ่หวงก็บอกให้เขาให้แม่ได้มีเวลาทำใจสักหน่อย ไว้ต่อไม่เขาค่อยกลับไปเยี่ยมแม่บ้างเป็นครั้งคราวก็ยังได้ใช้ว่าความสัมพันธ์แม่ลูกจะถูกลบเลือนได้ง่ายเหมือนชื่อในผังตระกูลเสียที่ไหน เขาจึงได้ยอมจากมา“ในเมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้วพี่ก็เผื่อใจไว้บ้างเถอะค่ะ ถ้ามีโอกาสก็กลับไปเยี่ยมเธอบ้างหรือจะส่งเงินกลับไปบ้างหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่อย่าให
“นี่แม่พูดอะไรออกมา ตระกูลจินเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังงัย”“แล้วแม่ไม่ใช่ผู้มีพระคุณของแกรึงัย แม่ให้เวลาแกหนึ่งเดือนรีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าแกเห็นแก่ตระกูลจินอะไรนั่นมากกว่าตระกูลหวงก็เลิกใช้นามสกุลหวงไปซะ แล้วอย่ามาเรียกชั้นว่าแม่อีกต่อไป” หลังจากพูดจบนางหวงก็ลุกขึ้นสะบัดตัวจากไปโดยลืมที่จะมาซื้อเป็ดปักกิ่งกลับไปฝากหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเสียสนิทเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้สิ่งที่หวงหมิงเต๋อและชิงชิงวางแผนไว้ว่าจะแยกย้ายกันไปทำในช่วงบ่ายก็พลอยถูกยกเลิกไปโดยปริยายทั้งสองคนพากันปั่นจักรยานกลับโรงแรมโดยเข้าทางประตูหลังที่ใกล้ส่วนที่พักส่วนตัวมากที่สุด“พี่หมิงเต๋ออย่ากลับห้องไปอยู่คนเดียวเลยค่ะ หาอะไรมากินเล่นแล้วนั่งคุยกับหนูที่ห้องกินข้าวนี้แหล่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้” เสี่ยวชิงเอ่ยกับหวงหมิงเต๋อที่เดินคอตกเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจทั้งท่าจะกลับเข้าห้องนอนส่วนตัวไปคิดมากอยู่คนเดียวจึงเสนอให้เขามานั่งพูดคุยกับเธอเสียยังจะดีกว่า เพราะการที่เธอลุกไปเข้าห้องน้ำน่าจะทำให้เธอพลาดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พี่หมิงเต๋อมีสภาพแบบนี้ไปได้หลังจากเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วชิงชิงก็ยกหูโ
หลังจากได้ข้อตกลงร่วมกันในวันนั้นเสี่ยวชิงก็เดินหน้าสร้างรากฐานธุรกิจอย่างเต็มที่โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการเป็นอย่างดี โอยมีพี่หมิงเต๋อเป็นคนประสานงาน เรื่องสี่ประสานถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พักอันทันสมัยแต่ก็รักษากลิ่นอายดั้งเดิมของเรือนสี่ประสานในยุคโบราณ แขกที่มากพักส่วนมากเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติและเศรษฐีใหม่ในกรุงปักกิ่งที่อยากสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมที่ห่างหายไปนาน คนงานในโรงแรมล้วนเป็นพี่จงหัวช่วยคัดสรรคนที่ฉลาดเฉลียวและซื่อสัตย์มาให้เสี่ยวชิงหาครูชาวต่างชาติมาช่วยภาษาให้ทุกทำให้หมดปัญหาเรื่องแกแพงภาษา มู่กิมฮัวที่คลอดลูกชายได้ไม่นานก็เข้าร่วมการสอบครั้งแรกที่กลับมาเปิดรับนักศึกษาอีกครั้ง โชคดีที่ปีแรกนี้ยังไม่มีการสอบภาษาอังกฤษเธอเลยสอบผ่านมาอย่างง่ายได้ แม้ว่าจะมีสามีที่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถทำเรื่องขอพักนอกมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ปีการศึกษาที่หนึ่งแต่เสี่ยวชิงแนะนำว่ามู่กิมฮัวควรได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาและได้ลองใช้ชีวิตวันรุ่นให้สมวัย หวงหมิงเหอจึงได้ทำตามคำแนะนำของเธอและยอมให้ภรรยาไปพักในหอพักของมหาวิทยาลัยได้ ในระหว่างนั้นเด็กน้อยหวงหงเ
นอกจากหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดขาด ด้วยความช่วยเหลือจากลุงใหญ่หวงผู้นำหมู่บ้าน หวงหมิงเต๋อก็ยังได้ส่วนแบ่งธัญพืชมาอีกสิบจิน เมื่อมาส่งลุงใหญ่หวงที่หน้าบ้านอาเต๋อพยายามมอบธัญพืชห้าจินให้ลุงใหญ่หวงเพื่อแสดงการขอบคุณ แต่ลุงใหญ่หวงไม่กล้าเอาเปรียบชายหนุ่มที่น่าสงสารตรงหน้าจึงไม่ยินดีที่จะรับไว้ แถมยังเข้าบ้านไปเอาไข่ไก่มามอบให้เขาเอาไปบำรุงร่างกายอีกสิบใบ หวงหมิงเต๋อได้แต่จดจำน้ำใจนี้ไว้ยังมีเวลาอีกนานที่จะตอบแทนเขาจึงได้แต่กล่าวขอบคุณแล้วจากมา เมื่อหวงหมิงเต๋อกลับมาถึงในตอนบ่ายแก่โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึกหรือกินข้าวจากบ้านเดิมมาสักคำ ดีที่ชิงชิงให้ป้าหม่าช่วยเตรียมซาลาเปาไส้หมูใส่กล่องอาหารและกระติกน้ำซุกไปในห่อผ้าเก่าๆ นั่นเมื่อออกมาจากหมู่บ้านเสี่ยวเกาจึงรีบเอาออกมาแบ่งกันกินรองท้องกับเจ้านายและคนขับเกวียน หลังจากเห็นเขากลับมาถึงแล้วจึงถูกภรรยาและเสี่ยวชิงไล่ให้ไปอาบน้ำและมานั่งกินข้าวจนอิ่มหนำแล้วเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านจนท้ายที่สุดชิงชิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ไม่เป็นอะไรใช้มั้ยคะ” “ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวชิงพี่ทำใจไว้ตั้งแต่คุยกับเธอเมื่
“เธอพูดมาเถอะ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่มีทางออก” เมื่อมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีเรื่องลำบากใจลุงใหญ่หวงจึงเอ่ยสำทับออกมาอีกหนึ่งประโยค “ในการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดผมได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้ขยับร่างกายส่วนร่างไม่ได้ชั่วคราวตอนนี้ทางหน่วยงานเลยสั่งพักงานผมชั่วคราวเพื่อให้ผมมารักษาตัวแต่ว่าในช่วงนี้ผมก็จะไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน” “ได้ยังงัยกันแล้วแกจะเอาเงินที่ไหนใช้ แล้วส่วนที่จะต้องส่งให้แม่อีกล่ะ” แม่หวงรีบเอ่ยขัดลูกชายขึ้นกลางคันเมื่อได้ยินว่าลูกชายถูกระงับการจ่ายเงินเดือน “ใจเย็นๆ ครับแม่ ผมยังมีเงินรางวัลจากภารกิจอยู่หนึ่งร้อยหยวน แต่ว่าหากผมจะรักษาตัวให้หายก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้ในการผ่าตัดแต่หมอก็ไม่ได้รับประกันว่าจะหายแน่นอน” “งั้นแกก็ไม่ต้องผ้าต่งผ่าตัดอะไรนั่นแล้ว เอาเงินหนึ่งร้อยหยวนนั่นมาแล้วกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านเรานี่แหล่ะ หมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านเราก็มีให้เค้ามาจัดยาให้แกไม่กี่เทียบก็ใช้ได้แล้ว” แม่หวงที่ตอนนี้ในสมองมีแต่เงินหนึ่งร้อยหยวนรีบเอ่ยตัดบทลูกชายทันที “เดิมทีผมก็คิดแบบนั้น แต่ก่อน
“พี่หมิงเต๋อครับเกวียนที่พี่ให้ไปเรียกมาแล้วครับ” เสี่ยวเกาที่ถูกใช้ให้ไปตามเกวียนวัวโดยสารเข้ามาบอกกับเจ้านาย แล้วรีบไปขนฟูกนอนหลังเก่าผ้าห่มผืนบางที่เมื่อวานออกไปหาซื้อมาจากคนงานแบกหามในเขตท่าเรือขึ้นไปปูไว้บนพื้นเกวียนตามที่ได้รับคำสั่งซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายเท่าไรนัก “เสี่ยวชิงฝากดูแลกิมฮัวด้วยนะ พี่น่าจะกลับมาไม่เกินตะวันตกดิน ถ้ามาช้าตอนเย็นไม่ต้องรอกินข้าว แค่ตักแบ่งส่วนของพี่กับเสี่ยวเกาไว้ก็พอ” หวงหมิงเต๋อในเสื้อผ้าเก่าที่เสี่ยวเก่าไปหาซื้อมาพร้อมฟูกและผ้าห่มเมื่อวาน แถมยังมีห่อเสื้อผ้าเก่าๆ ห่อใหญ่อยู่ในมือ “พี่หมิงเต๋อไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะคะ รีบเดินทางเถอะค่ะเดี๋ยวสายแล้วจะร้อนเอาได้” ชิงชิงตอบชายหนุ่มก่อนจะโบกมือให้สองหนุ่มรีบออกเดินทางก่อนที่พี่กิมฮัวจะกลับมาจากตลาดสด เธออุตส่าห์ออกอุบายให้ป้าหม่าชวนเธอไปเดินจ่ายตลาดเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากให้พี่สาวเห็นสภาพของสามีตอนออกจากบ้าน หลายวันก่อนพี่หมิงเต๋อเรียกเธอเข้าไปปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับทางบ้าน หลังจากเขาไปรายงานตัวกับตันสังกัดทั้งยังเข้าพบท่าน
Mga Comments