Share

บทที่ 690

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้า แล้วปลอบโยนอีกว่า “ที่จริงเจ้ามิต้องกังวลมากนักก็ได้ สำนักจันทราโรหิตนอกจากมหาปุโรหิตผู้นั้นแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นพวกกระจอก มิได้น่ากลัวกระไร ยิ่งไปกว่านั้นถึงกาลนั้นข้าจะให้ของดีเจ้าอีกอย่าง รับรองว่าการรับมือพวกนั้นย่อมไม่เป็นปัญหาแน่นอน”

“หวังว่าจะง่ายอย่างที่เจ้าว่า แต่ไฉนข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ายังปิดบังกระไรข้าอยู่?”

เมื่อฉงชูโม่พูดจบ ก็มองตู๋กูโฉ่วเยวี่ยด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม

อีกฝ่ายลูบจมูก จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่มีแล้วจริง ๆ ข้าบอกเจ้าทั้งหมดเท่าที่ข้ารู้แล้ว”

“ดี ข้าจะเชื่อเจ้า แต่หากเจ้ากล้าหลอกข้า ถึงคราวคิดบัญชีก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

มองอย่างไรตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็ดูมีพิรุธ

พวกเขาพักผ่อนกันในถ้ำครู่หนึ่งแล้วออกเดินทางกันต่อ

ครึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดทั้งสามก็เดินออกจากป่าที่หนาวชื้นแห่งนี้ได้

สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือขุนเขาสูงใหญ่เบื้องหน้า

จากตีนเขาขึ้นไป ตัวภูเขาส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ทำให้มองมิออกว่าภูเขาลูกนี้สูงเพียงใด

จู้หรงชี้ไปยังเชิงเขาที่ถูกเมฆหมอกบดบัง แล้วกล่าวว่า “ที่นี่คือเขาหัวสิงห์ ที่ตั
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 814

    แววตาของซ่างกวนอวิ๋นซีวูบไหวเล็กน้อย นางกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะพูดตรง ๆ แล้วกัน เคล็ดวิชานี้เดิมทีก็สร้างขึ้นมาเพื่อสายเลือดแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ เหมาะที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าฝึกฝน เหตุที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้า ก็เพราะอยากคบเจ้าเป็นสหาย ภายภาคหน้าอาจจะมีเรื่องที่จำต้องพึ่งพาเจ้าก็เป็นได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกฉงนใจอยู่บ้าง"ข้าในยามนี้อยู่เพียงระดับสวรรค์ขั้นต้น แม้จะมีสายเลือดอะไรที่ท่านว่านั้นอยู่ในกาย พลังของข้าก็มิอาจทะลวงขึ้นไปได้ในชั่วพริบตา ข้าจะมีความสามารถอะไรไปช่วยท่านได้เล่า""เรื่องของวันข้างหน้า ใครเล่าจะรู้ได้ ถือว่าข้าเดิมพันกับเจ้าครั้งหนึ่งก็แล้วกัน"ได้ยินเช่นนี้ฉงชูโม่ก็เงียบมิพูดอะไรอีก“จงตรึกตรองให้ดีเถิด อ้อ จริงสิ หากเจ้าหมายจะฝึกเคล็ดวิชานี้ให้สำเร็จ เจ้าจะต้องรักษาร่างบริสุทธิ์นี้ไว้ มิเช่นนั้น พลังของเจ้าจะหยุดอยู่ที่ระดับสวรรค์ตลอดไป และจะมิอาจก้าวหน้าได้แม้แต่น้อย”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนใส่มือของฉงชูโม่“ป้ายนี้เจ้าจงเก็บไว้ให้ดี หากมีเรื่องจำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 813

    หลังจากที่ซ่างกวนอวิ๋นซีฝึกตนเสร็จ นางก็มาที่หน้าต่างพลางยืดเส้นยืดสายขณะนั้นเอง นางชำเลืองมองไปยังคฤหาสน์ที่อยู่อีกฟากของคูเมืองจากระยะไกล!ที่หน้าลานเรือน ฉงชูโม่กำลังดูแลดอกไม้และต้นหญ้าอยู่ตรงนั้นซ่างกวนอวิ๋นซีหรี่ตามองนางครู่หนึ่ง ใบหน้าอันงดงามก็เผยสีหน้าตกใจอย่างเหลือเชื่อออกมาในทันที!จากนั้นร่างของนางพลันไหววูบ พริบตาเดียวก็หายไปจากที่เดิมแล้วที่ลานหน้าคฤหาสน์นั้นฉงชูโม่รู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีใครบางคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณทันใดนั้น ก็เห็นเงาร่างงามกำลังเดินเข้ามาช้า ๆ จากทางประตูสตรีผู้นี้งดงามปานล่มเมือง รูปร่างก็โดดเด่นน่าชื่นชม!ในวันที่หนาวจัดเช่นนี้ นางกลับสวมเพียงกระโปรงยาวสีแดงตัวเดียว ดูเหมือนจะมิรู้จักความหนาวเย็นจัดนั้นเลยฉงชูโม่หยุดมือพร้อมกับเผยสีหน้าประหลาดใจ นางเลิกคิ้วและถามว่า "ท่านเป็นเจ้าสำนักหอดารารักษ์ใช่หรือไม่?"ซ่างกวนอวิ๋นซีพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับพินิจพิจารณานางอย่างมิแสดงอารมณ์ใด "ฉินซูมิได้อยู่ที่นี่ ท่านคงมาเสียเที่ยวแล้ว"ฉงชูโม่มิได้สนใจนางมากนัก พูดจบก็ยังคงจัดการกับต้นกุหลาบสองสามต้นนั้นต่อไปแต่ซ่างกวนอวิ๋นซี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 812

    มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวต่อ “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ แค่กำลังพลเพียงหมื่นนายเขาก็สามารถทำลายล้างแคว้นศัตรูลงได้ กลศึกทั้งบุ๋นและบู๊ของเขาเหนือกว่าคนธรรมดายิ่งนัก เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่เก่งกาจทั้งในสนามรบและการปกครอง! และที่สำคัญที่สุดคือ สถานะของเขายังสูงส่งมาก นับว่าเหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง!”เมื่อเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าแย้มยิ้มยินดี ความอยากรู้อยากเห็นของมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ถูกกระตุ้นขึ้น“เสด็จพ่อ ผู้ที่พระองค์ตรัสถึงคือผู้ใดหรือเพคะ? เขามีสามเศียรหกกร[footnoteRef:0]หรือเพคะ? มิเช่นนั้นเขาจะเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร?!” [0: สามเศียรหกกร อุปมาถึง เก่งกาจ มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป] มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คนผู้นี้ก็คือ ฉินซู องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน!”มู่หรงอวิ๋นเจิงชะงักเล็กน้อย และอุทานด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ พระองค์ประสงค์ให้ลูกแต่งงานกับฉินซูหรือเพคะ”“เหตุใดเล่า เจ้ามิเต็มใจรึ?”“แต่ลูกได้ยินมาว่า รัชทายาทแห่งต้าเหยียนเป็นคนไร้ประโยชน์ รู้เพียงแต่หมกมุ่นกับสุรานารี...”“เฮ้อ ข่าวพวกนั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้น หากฉินซูเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ เจ้าสำนักหอดาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 811

    “ก่อนที่จะอุทิศตนรับใช้อ๋องฉี กระหม่อมได้เดินทางท่องเที่ยวสำรวจในยุทธจักรอยู่เป็นนิจ จึงได้ผูกมิตรภาพกับเหล่าสหายมากหลายจากต้าเหยียน บางคนเป็นจอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพ และบางคนก็เป็นผู้ทรงเกียรติจากตระกูลราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในคราที่กระหม่อมตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาทั้งหลายต่างยื่นไมตรีให้แก่กระหม่อม เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดผู้นั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไป กระหม่อมมิอยากลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วย จึงจำใจต้องหนีมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพูดโดยมิลังเลมู่หรงหัวได้ฟังคำพูดนั้น ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตนเลือกคนมิผิดจริง ๆ คนที่ดำรงอยู่ในยุทธภพได้อย่างเสรีเช่นนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกันเล่า!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ปลอบใจว่า "ท่านหาได้ต้องกังวลไม่ พี่ฉินผู้นี้ ข้าเคยได้พบกับเขามาแล้ว เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ มิเหมือนคนประเภทที่แค้นฝังหุ่นเยี่ยงนั้น!เขาเคยบอกกับข้าไว้ว่า เขามิเคยถือโทษท่านเลย อีกทั้งยังบอกด้วยว่า หากข้าตามหาท่านพบแล้วก็ให้รีบแจ้งเขา เขาจะได้มาทำความรู้จักกับท่านสักครั้ง"ใบหน้าของฉินซูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาโบกมือปฏิเสธ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 810

    มู่หรงหัวปลอบใจว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ สิ่งที่ตัวข้าพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทุกประการ อีกทั้งหากมีข้าอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องท่านแน่!""กระหม่อมหาได้เคยพบกับองค์ชายสามมาก่อนไม่ มิทราบว่าเหตุใดท่านจึงประสงค์จะเป็นที่พึ่งแก่กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่หรงหัวยิ้มและไม่พูดอะไร ส่วนชีเหวยก็เอ่ยปากอธิบายว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ ในเมื่อท่านได้รับความไว้วางใจจากอ๋องฉี ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าท่านมีความสามารถโดดเด่นเพียงใดองค์ชายของพวกเราทรงรักและให้ค่ากับผู้มีความสามารถมาโดยตลอด จึงมิอยากเห็นท่านผู้มีความสามารถเช่นนี้ต้องถูกคนของศาลต้าหลี่จับกุมตัวกลับแคว้นต้าเหยียนไป ดังนั้นจึงเสด็จมาพบท่านด้วยพระองค์เองขอรับ!หากท่านมิรังเกียจ เหตุใดมิอุทิศตนรับใช้องค์ชายของเราเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านดูเล่า?"เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉินซูก็มิได้แสดงท่าทีใด ๆ ในทันที หากแต่จงใจก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆมู่หรงหัวเห็นดังนั้นก็มิได้เร่งเร้ากระไร และเพียงรออย่างเงียบ ๆผ่านไปครู่ใหญ่ ฉินซูก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย "พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 809

    “บ่าวเพิ่งได้รับรายงานข่าวว่า มีชายคนหนึ่งสวมงอบเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเทียนหลงเมื่อหนึ่งเค่อก่อน รูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับภาพวาดของท่านผู้อาวุโสจูเก๋อถึงเจ็ดแปดส่วนทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่งคนไปจับตาดูให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไปที่นั่น!”“น้อมรับพระบัญชา!”เมื่อบ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้ว มู่หรงหัวก็กลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา จากนั้นก็พาคนสองสามคนออกจากจวนมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมเทียนหลงหลังจากมาถึงโรงเตี๊ยมเทียนหลงแล้ว มู่หรงหัวก็สั่งว่า “พวกเจ้าคอยเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนที่มิเกี่ยวข้องเข้ามาได้ ชีเหวย เจ้าตามตัวข้าเข้าไป!”“ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ทันทีที่มู่หรงหัวเข้าไป เถ้าแก่ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที!“คุณชาย มิทราบว่าท่านจะกินอาหารหรือพักค้างแรมหรือขอรับ?”มู่หรงหัวหยิบภาพเหมือนออกมาจากอกเสื้อแล้วถามว่า “คนผู้นี้อยู่ที่ใด?”“คนผู้นี้...” เถ้าแก่เหลือบมองภาพเหมือนผาดหนึ่ง จากนั้นก็ลังเลที่จะพูดออกมามู่หรงหัวชำเลืองมองชีเหวย อีกฝ่ายก็หยิบก้อนเงินหนึ่งก้อนออกมาจากอกทันที!ดวงตาของเถ้าแก่เป็นประกายขึ้นทันใด เขากล่าวพร้อมยิ้มประจบเอาใจ "คุณชาย คนผู้นี้อยู่ที่ห้องส่วนตัวชั้นส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status