LOGINแม้แก้แค้นสิบปีไม่สาย ทว่านางไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น ผู้ต้องสงสัยเป็นถึงรัชทายาทแล้วอย่างไร นางหาได้กลัวไม่ ท้ายที่สุด นางกลับเสียท่าให้ศัตรู แต่โชคดีที่คนผู้หนึ่งช่วยไว้ได้ทัน ทว่าเขาผู้นั้นกลับเป็นถึงท่านอ๋อง เป็นน้องชายของรัชทายาทชั่ว และที่เลวร้ายที่สุด คือเขาพาตัวนางมากักขังในอ้อมแขน ใช้วิธีทรมานอันแสนสุขสมทุกค่ำคืน... #เนื้อหาไม่หนัก เน้นรักโรแมนติก เล่มเดียวจบ
View Moreม่านเตียงพลิ้วไหว กรุ่นกลิ่นรัญจวนกำจาย ร่างเปลือยสองสายขยับขึ้นลงตามแรงอารมณ์
การเสพสมเกิดขึ้นเนิ่นนานท่ามกลางพายุเพลิงในแววตา เวลาล่วงเลยเกือบรุ่งสางทีเดียวกว่าความปรารถนาจะค่อยๆ สงบลงจนลมหายใจกลับมาผสานกันในจังหวะปกติ
บุรุษได้ปลดปล่อยสตรีได้รับการเติมเต็ม คำนี้อาจใช้มิได้กับชายหญิงบนเตียงนอน
แม้จะเต็มอิ่มในรสเสน่หาอันเย้ายวนทว่าฝ่ามือหนายังคงลูบไล้วนเวียนบนผิวเนียนนุ่มอย่างไม่รู้จักพอ
สัดส่วนโค้งเว้างดงาม เอวคอดอ่อนไหว เนินอกอวบกลมกลึง ทุกอณูยิ่งตราตรึงใจ ใครว่ากามารมย์ผ่านพ้นเป็นบุรุษได้ปลดปล่อย เห็นได้ชัดว่าตัวเขายิ่งถูกเติมเต็มก็ยิ่งเกิดช่องว่างจนมิอาจปล่อยวาง ถูกนางพันธนาการแน่นหนามากกว่าเดิม
“ทำอีกได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มถามเสียงแหบพร่า ใบหน้าคลอเคลียชิดใกล้ ท้ายที่สุดเขาไม่รอคำตอบใด จมูกโด่งสันฝังลงซอกคอนาง
ต่อให้เป็นครั้งแรกของนาง ต่อให้เห็นเลือดบนที่นอน แล้วอย่างไร...
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม หญิงสาวปรือตาฉ่ำน้ำมองอย่างกังขาแฝงความไม่ยินยอมที่แสนอ่อนจาง
อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ยังตกค้างมิทันเจือจางหรืออาจเป็นเพราะความคุ้นเคยอันไร้เหตุผล หญิงสาวที่ขัดขืนปฏิเสธในทีแรก กลับค่อยๆ โอนอ่อนแทบละลายเพื่อหลอมรวม
เสียงเสียดสีผิวเนื้อเข้ากันได้ดีกับผ้าปูเตียง
เขาเลื่อนมือลูบไล้อย่างเอาแต่ใจ เอียงหน้าจุมพิตนาง ริมฝีปากค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ ฝังใบหน้าลงทุกส่วนบนร่างของนาง จุมพิตเบาๆ แล้วดูดเม้มบดคลึง ฝ่ามือสากระคายร้อนระอุของเขาลากไล้หนักสลับเบาตรงหน้าท้องแบนราบ รับทุกสัมผัสเนียนลื่นเอาไว้ใต้ฝ่ามือใหญ่ ปลายนิ้วร้ายล้วงลึกตรงจุดไวต่อสัมผัส
การทำตามใจชอบของเขา ท้ายที่สุดก็ทำนางตัวสั่นเทา เอวนุ่มโยกไหว ก่อนจะโอนอ่อนผ่อนตามอารมณ์หวามอันเป็นครรลองของสัญชาตญาณที่เป็นธรรมชาติในมนุษย์ทุกคน
นางพ่ายแพ้ต่อบุรุษผู้นี้หรือแค่ยอมรับในชะตากรรมกันแน่?
เพลิงปรารถนาถูกจุดอีกครั้ง ติดและลุกไหม้ลามเลีย จากนั้นก็โหมกระพืออย่างรวดเร็ว
การขยับเคลื่อนไหวตามแรงอารมณ์ที่ลุกโชนถูกบรรเลงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรัญจวนชวนลืมเวลา
รอบสุดท้ายคือฟ้าสาง แรงปรารถนาคลายลง หญิงสาวพาดลำตัวอ่อนนุ่มอยู่บนร่างกายแข็งแกร่งของชายหนุ่ม นางขยุ้มผ้าปูเตียงอ้าปากเล็กกัดลำคอของเขาอย่างเข่นเขี้ยว คำรามอู้อี้ว่า “ข้าอยากฆ่าท่านวันละร้อยหน”
แต่คนถูกขู่ฆ่ากลับไม่นำพา เขาหัวเราะเยาะเสียงเบาแทบไม่ได้ยินพลางจับข้อมือนางมากุมไว้ ความเนียนลื่นดุจเคลือบไขพลันถูกกอบกุมด้วยมือใหญ่ ข้อมืออันนิ่มนวลชวนถนอมถูกบีบอย่างแรงจนขึ้นปื้นแดง ก่อนเปลี่ยนมาจับใบหน้าเล็กให้หันมาแล้วบีบปลายคาง บังคับจูบนางอย่างหนักหน่วง ส่งปลายลิ้นพัวพันนานครู่หนึ่งจึงปล่อย แล้วเอ่ยเสียงแหบห้วน “เจ้าทำได้ก็ลองดู”
ว่าพลางงับกลีบปากนางเป็นการส่งท้ายบทลงทัณฑ์ พูดเสียงพร่าแนบชิดอีกว่า “แต่คนที่เจ้าฆ่าได้ ย่อมเป็นข้าเท่านั้น”
หญิงสาวจิกเล็บลงบนบ่าหนากว้าง นางพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง คร่อมทับเอวสอบในท่วงท่าน่าอาย “ถ้าฆ่าได้ ข้าฆ่าท่านแน่นอน”
รอยยิ้มร้ายหยักยกขึ้นตรงมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาเผยความเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มพลิกตัวกดร่างนางลงด้านล่าง เม้มติ่งหูที่บวมแดงนั้น เอ่ยอย่างขัดเคือง “เจ้าไม่ควรเป็นนักฆ่า”
“ทำไมจะเป็นไม่ได้”
นางกัดฟันเถียง แม้เสียงจะสั่นแต่ยังเผยความดื้อรั้นเต็มที่
เขาระอา “จุดจบของนักฆ่าเป็นอย่างไร เจ้าควรรู้”
นางแค่นเสียงลอดไรฟัน “แค่ตาย ข้าไม่กลัว”
แววตาบุรุษเริ่มร้อนแรงแฝงอารมณ์ปรารถนาที่ก่อตัวยิ่งขึ้น “ดี...ข้าจะให้เจ้าตายในอ้อมแขนข้าอย่างช้าๆ ตายด้วยน้ำมือข้าเท่านั้น”
กล่าวจบยอดถันสีชมพูพลันถูกปลายลิ้นร้อนหยอกเหย้า เขาก้มหน้างับสองเต้าสลับกัน สองมือที่เท้าแขนเมื่อครู่เคลื่อนมาสอดเข้าใต้เนื้อนุ่มแล้วโอบอุ้มเข้าหาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มกอดรัดฟัดเหวี่ยงหญิงสาวอย่างคุมแรงไว้ไม่อยู่ การทรมานอย่างสุขสมจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
เนิ่นนานผ่านไปกระทั่งขันทีหน้าห้องส่งเสียงบอกเวลาใกล้เข้าประชุมเช้า สังเวียนสวาทบนเตียงนอนจึงหยุดลงจริงๆ เสียที
ก่อนจากไป ดวงตาลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้งของชายหนุ่มยังคงทอดนิ่งที่หญิงสาวอย่างเย็นชา “จงเป็นเด็กดี รอข้าอยู่ที่นี่”
สิ้นคำสั่งเขา นางเบ้ปาก ดึงผ้าห่มคลุมใบหน้าเล็กไว้จนมิด ไม่คิดเจรจา
คืนก่อนเป็นเช่นไร คืนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
เรือนร่างสูงสง่าซึ่งซุกซ่อนความองอาจผึ่งผายไม่มิดค่อยๆ ก้าวเท้าพ้นประตูเข้ามา สตรีผู้หนึ่งที่ยามนี้ไร้กำลังวังชาจะต่อกร เหลือเพียงเรี่ยวแรงเฉกสาวน้อยสามัญได้แต่นอนมองคนตัวโตที่โถมกายเข้าหาอย่างคนหื่นกระหายคล้ายอดอยากปากแห้งนับสิบปี
ตั้งแต่พลบค่ำ จากฟ้ามืดจนฟ้าสว่าง บทเพลงสวรรค์มิได้หยุดบรรเลงแม้แต่น้อย
นางที่พ่ายแพ้ยับเยินก็เพียงแต่ต้องยอมรับชะตากรรม
ท่านจะกลืนกินข้าอย่างหิวโหยเอาแต่ใจแบบนี้ทุกคืนมิได้นะ!
ติงอี้เทากล่าวเสียงเนิบช้า ทว่าฟังดูทุ้มต่ำทรงพลังดุดัน “ข้าไม่แปลกใจว่าเพราะเหตุใดหนิงเอ๋อร์จึงปักใจรักเพียงเจ้า”ชายชราถอนหายใจ แววตาดุดันแฝงแววจนใจ“น่าเสียดายที่ความรักมักทำให้คนขาดสติด้อยปัญญา แต่เอาเถิด เรื่องที่จวนอ๋องของเจ้า ข้าจะไม่รื้อฟื้นหรือกล่าวโทษใด ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องที่ข้าติงอี้เทาเข้าใจได้ แต่เจ้าลองมองดู”ติงอี้เทาเอ่ยขึ้นขณะหันหน้าออกไปที่บานหน้าต่างดังเดิม จ้าวเฟิ่งมองตาม เบื้องหน้าในระยะสายตาของทั้งสองคือเส้นทางทอดยาวอันไกลโพ้นมองไม่เห็นปลายอีกฝั่งมิอาจประเมินระยะทางได้แม่นยำ แต่กลับมองออกว่าเป็นทางกลับไปเมืองหลวงแคว้นจิน“ไกลมากใช่หรือไม่?” ติงอี้เทาเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเยือกเย็น “นอกจากไกลแล้วยังสูงส่งเกินเอื้อมอีกด้วย”เมื่อวาจายืดยาวเอ่ยถึงตรงนี้ จ้าวเฟิ่งที่ฟังอยู่ถึงกับชะงัก ติงอี้เทาค่อยๆ ผินใบหน้ากลับมามองอ๋องหนุ่ม สุ้มเสียงยังคงเนิบนาบเชื่องช้าไม่เร่งร้อน “หากเป็นชายหญิงทั่วไปเมื่อใจรักระยะทางใกล้ไกลย่อมไร้ปัญหา ฐานะที่แตกต่างล้วนนำพาซึ่งชื่อเสียงหน้าตา ส่งตัวตนขึ้นเหนือคนในวงสังคมอย่างไร้เงื่อนไข เพียงแต่ ตัวท่านที่เป็นถึงอ๋องย่อมไม่อาจทำตามแ
เขาเปิดประตูเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เชิญท่าน...ตามข้ามา” เขาปรายตามองจ้าวเฟิ่งปราดหนึ่ง “แค่ท่านคนเดียว ผู้อื่นไม่เกี่ยว”เหล่าองครักษ์ถึงขั้นกระชับดาบข้างเอว สายตามองข่มขวัญสื่อนัยวาจาว่า‘บังอาจ’ถ้วนหน้า พวกเขาล้วนเป็นคนสนิทข้างกายและตายแทนได้ เคยห่างจากผู้เป็นนายเสียที่ใด หาไม่ หากเฉิงอ๋องตกอยู่ในอันตรายหรือเป็นอะไรไป พวกเขามีสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด แววตาคมกริบขององครักษ์กับแววตามืดดำของสมุนยวี้จู๋พลันเปล่งประกายพร้อมปะทะ บรรยากาศตึงเครียดยิ่งจ้าวเฟิ่งจึงยกมือปราม ทุกคนถึงได้สงบลงเมื่ออ๋องหนุ่มพ้นบานประตู บุรุษร่างใหญ่กำยำผู้หนึ่งพลันเดินเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม สีหน้าเคร่งขรึม เมื่อเข้ามายืนอยู่ตรงด้านหน้าของจ้าวเฟิ่งก็เพียงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มใหญ่เฉยชาว่า “เชิญทางนี้ ท่านประมุขกำลังรอท่านอยู่”จ้าวเฟิ่งตอบรับเสียงอืมในลำคอค่อยกล่าว “เชิญนำทาง”ชายหนุ่มเดินตามการเชื้อเชิญของบุรุษตัวโตด้วยท่าทีลุ่มลึก มิได้รู้สึกขัดเคืองหรือมีโทสะอันใดกับการปฏิบัติแบบไม่เกียรตินี้ เพราะเพียงคิดถึงการกระทำอันเอาแต่ใจของตนที่ผ่านมายามปฏิบัติต่อเพ่ยหนิงก็ตระหนักได้ว่าสมควร
ที่โต๊ะริมหน้าต่างอันเป็นที่ประจำของเพ่ยหนิง จ้าวเฟิ่งนั่งมองเตากำยานอย่างเหม่อลอย ครั้นได้สติก็เพียงหลับตา ยกนิ้วคลึงหว่างคิ้วช้าๆ สีหน้าเคร่งเครียด นึกปวดใจยิ่งจ้าวไท่หรงค่อยๆ เยื้องย่างเดินเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง ด้วยรู้ตัวดีว่าตนอาจเป็นต้นเหตุเภทภัยในรักของน้องชาย จึงไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงรบกวนทว่าจ้าวเฟิ่งมีหรือจะไม่รู้ถึงการมาเยือน เขาค่อยๆ ลืมตา เอ่ยเสียงเนิบช้า“พี่ใหญ่สมควรตอบรับสมรสพระราชทานไปเสีย เลิกคิดเรื่องสตรีของข้า ไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด ท่านไม่ควรใส่ใจทั้งสิ้น”จ้าวไท่หรงยกมือขึ้นเบื้องหน้าอันหมายความว่าเขายอมแพ้ แต่ปากกลับบอก “แต่พี่ใหญ่ไม่ได้ชอบลู่ซือฉี พี่ใหญ่ชอบเพ่ยหนิง”เมื่อได้ยินคำพูดไร้ยางอายไม่เสื่อมคลายของคนเป็นพี่ชาย จ้าวเฟิ่งพลันหน้าบึ้งตึง เอ่ยเสียงเยียบเย็น ไม่ไว้หน้า“นางเป็นภรรยาของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าคิดหมายปอง”คราวนี้จ้าวไท่หรงไม่เพียงเบิกตาโพลง ยังเงียบกริบทันทีรัชทายาทหนุ่มนึกไม่ถึงว่าน้องชายผู้รักษาจารีตเคร่งครัด ไม่เคยปล่อยตัวไปกับอารมณ์กำหนัดจะรวบรัดคนเขาแล้วน้องสี่ เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก...นอกเขตเมืองหลวง จากภูชมมังกรมองเห็นทิ
ติงอี้เทาบันดาลโทสะกับโต๊ะไม้โบราณตัวโปรดเสร็จก็ลุกขึ้นอย่างโกรธา หนวดเคราสีขาวกระพือด้วยแรงอารมณ์ที่พ่นออกมาเป็นลมหายใจร้อนผ่าวราวเปลวเพลิงทางจมูกเขาผิดเองที่รักและตามใจหลานสาวคนเดียวผู้นี้มากเกินไป ดูแลฟูมฟักอย่างดีล้นเหลือจนแทบจะประคับประคองในอุ้งมือ กระทั่งอีกฝ่ายแข็งแรงเพียงภายนอกแต่กลับอ่อนต่อโลกไปทั้งจิตใจเช่นนี้เขายังจะเอาหน้าเหี่ยวๆ ไปพบเขยแซ่เพ่ยกับลูกสาวในปรโลกอย่างไรไหวติงอี้เทานึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ทั้งยังโกรธจ้าวเฟิ่งจนแทบหลั่งน้ำตาเจ้าอ๋องน่าตาย...หานตงเห็นอาจารย์เคียดแค้นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยเสียงเข้มขรึม“ขออาจารย์โปรดอย่าเข้าใจในตัวเฉิงอ๋องในทางเลวร้าย ประเมินดูแล้วทุกฝ่ายล้วนเข้าใจผิดต่อกัน แต่ทั้งที่เข้าใจผิดปานนั้น หนิงเอ๋อร์อยู่ในฐานะนักโทษไม่ต่างจากเชลยด้วยซ้ำ คนจะให้ปรนเปรออย่างทรมานเช่นไรก็ย่อมได้ จะรังแกหรือเอาเปรียบก่อนฆ่าทิ้งก็ไม่นับว่าผิดแผก ทว่าเฉิงอ๋องกลับดูแลทะนุถนอมอย่างดี ลอบปกป้องนางจากพี่ชายเสเพลเต็มที่ มองแล้วพวกเขาก็เป็นเแค่คู่รักที่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้น ยามนี้ขอเพียงทั้งสองได้พบหน้าพูดคุย ทุกอย่างย่อมคลี่คลาย”แม้หานตงจะพูดจามีหลักการและเหต