ฉันเพิ่งเคยเห็นหลิวหลงถิงปกป้องผู้หญิงแบบนี้เป็นครั้งแรก และความอิจฉาริษยาก็ผุดขึ้นในใจฉันทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงศพก็ตามเฟิ้งฉีเทียนเห็นว่าหลิวหลงถิงพูดอย่างเคร่งขรึม จึงเดินไปหาเขา “ขอดูหน่อยว่ามีสาเหตุมากน้อยแค่ไหน เป็นไปได้ไหมที่นางจะเป็นหวางมู่เหนียงเหนียงจากสรวงสวรรค์?”หลิวหลงถิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเฟิ้งฉีเทียน แล้วยิ้มออกมา “งั้นถ้าข้าว่าใช่ เจ้าจะกล้ายุ่งไหม?”ที่จริงเฟิ้งฉีเทียนแค่จะล้อเล่น แต่คำพูดของหลิวหลงถิงนั้นเป็นจริงแค่ครึ่งเดียว ซึ่งทำให้เฟิ้งฉีเทียนอับอายเล็กน้อย ถ้าหลิวหลงถิงไม่แค้นเขามาก่อน ก็คงจะเป็นเซียนที่มาจากพื้นที่เดียวกัน เขาแค่ต้องการทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นณ เวลานี้แม่หมออิงได้สวมบทเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราตกลงที่จะเปลี่ยนฮวงจุ้ย หากทำพลาดไป ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังทำให้ตระกูลเซียนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ดังนั้นจึงถามหลิวหลงถิงว่าใครอยู่ในโลงนี้? อาจเป็นอดีตนางสนมเอกหรือเจ้าแม่อะไรสักอย่าง? เพราะการแต่งตัวของหญิงผู้นี้ ก็ไม่เหมือนหญิงธรรมดาทั่วไปในสมัยก่อน“ถ้าเป็นคนธรรมดา ข้าคงไม่ห้ามให้พวกเจ้าแตะต้อง ข้ารู้ว
เมื่อหลิวหลงถิงเห็นแม่หมออิงเดินมา จึงผละออกจากริมฝีปากของฉัน แล้วมองไปทางแม่หมออิง ก่อนจะเอื้อมมือยกฉันขึ้นจากพื้น พลางตบฝุ่นที่หัวเข่าของฉันเบา ๆเพราะฉันกับหลิวหลงถิงกำลังมองเธออยู่ แม่หมออิงจึงเปลี่ยนสีหน้า แต่กลับเป็นฉันที่ไม่สบายใจ เธอเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับกล่องสองใบในมือของเธอ และบอกกับฉันว่า “พวกเจ้าควรระวังหน่อย แม้ว่าไม่มีข้อห้ามสำหรับเซียนและร่างทรงเรื่องความสัมพันธ์ แต่นี่เป็นกฎที่คนในย่อมรู้ดี ถ้าเซียนคนอื่น ๆ เห็นเข้า ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง!”ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในบ้านของแม่หมออิง ถูกเธอเห็นเข้าแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิด แค่อยากบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แค่บังเอิญ เท่านั้นเองจริง ๆ ไม่พูดจะดีกว่า พูดแบบนี้ พลังหยินบนหน้าของแม่หมออิงจะยิ่งแรงขึ้น หลิวหลงถิงเองก็ไม่อายอะไร เขายังจับมือฉันแล้วนวดเล่น พลางพูดกับแม่หมออิงว่า “คาดไม่ถึงว่าแม่หมออิงที่อายุมากขนาดนี้ จะยังไม่เห็นสิ่งนี้”“ไม่ใช่ว่าข้ามองไม่เห็น…” แม่หมออิงต้องการจะอธิบาย แต่หลัง ๆ รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น เธอจึงวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะแล้วบอกกับฉันว่า “ข้าไม่ต้องการของมีค่าสองชิ้นนี้แล้ว ข้าให้เจ้า ลอ
ทันทีที่เฟิ้งฉีเทียนกลับมา เขาพูดอย่างไม่รู้ถูกผิดว่าฉันหักหลังเขา ฉันจึงบอกทันทีว่าร่างทรงคนก่อนกลับมาหาเขาแล้ว ฉันไม่ต้องการหักหลังเขา แต่กำลังช่วยเขาอยู่ต่างหากเซียเทียนเจ๋อดูเหมือนจะใส่ใจความรู้สึกของเฟิ้งฉีเทียนเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเฟิ้งฉีเทียนไม่ต้องการกลับไป เขาจึงขอโทษเฟิ้งฉีเทียนทันที “ฉีเทียน ผมผิดเอง ผมไม่ได้มารับคุณตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้ผมมาขออภัย กลับไปกับผมเถอะ คุณเป็นถึงเทพระดับสูง มาอยู่ในที่เช่นนี้ได้อย่างไร ผมเตรียมทุกอย่างที่คุณชอบไว้หมดแล้ว กลับบ้านกับผมเถอะ”สิ่งที่เซียนเทียเอ๋อพูดในตอนนี้ทำให้ฉันไม่มีความสุขเท่าไหร่ อะไรคืออยู่ในสถานที่เช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร? ตอนนี้บ้านของคนเฒ่าคนแก่ในจีน ก็แทบจะเหมือนบ้านวัยรุ่นทั่วไปอย่างฉันแล้วไม่ใช่เหรอ? เซียเทียนเจ๋อพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?“ตลอดชีวิตนี้ ตอนข้าเห็นเจ้ายังคงทุกข์ทรมานอยู่ข้างล่างเพียงลำพัง ข้าแค่อยากลงมาช่วยเจ้า แต่ข้าพบป๋ายจิงระหว่างทาง มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ที่ข้ามั่นใจคือ ชะตากรรมของเราหมดลงแล้ว ในชาติก่อนเจ้าไม่รู้จักรักษาทุกสิ่งที่ข้าให้ไป ตอนนี้ข้าเจอคนที่น่าสนใจกว่าเจ้าแล้ว ข้าก็เ
ฉันตามหาบนท้องถนนมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวหลงถิงเลย เมื่อกลางวันฉันไม่ได้กินอะไรมากนัก และตอนนี้ก็ทุ่มสองทุ่มแล้ว ตอนฉันออกมา ก็ไม่ได้นำเงินมาด้วย แต่ความจริงแล้วฉันก็ไม่มีเงินแหละ ตอนนี้ฉันทั้งหิวทั้งกระหายน้ำ หลิวหลงถิงช่วยทำตัวเปิดเผยเหมือนฉันหน่อยได้ไหม อย่างเมื่อตอนกลางวันที่เขามัวแต่สนใจเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของศพหญิงในโลงศพ ฉันหึงมาก ฉันยังถามเขาออกไปอย่างเปิดเผยเลยถ้าหลิวหลงถิงถามฉันอย่างเปิดเผยว่าตอนนั้นฉันรู้สึกอย่างไร ฉันจะอธิบายว่าเมื่อครู่มันเป็นแค่การกอดกันระหว่างเพื่อน และไม่มีความหมายอื่นใด อีกทั้งอยากบอกเขาว่าอย่าไปคิดมาก ตอนนี้ฉันหาเขาในที่ในมืด ๆ ที่นี่คนเดียว เขาไม่กลัวว่าฉันจะเจอพวกอันธพาลบ้างเหรอ?ฉันเลี้ยวเข้าไปในสวนสาธารณะ และยังคงหาเขาไปเกือบครึ่งสวน นอกจากนี้ฉันยังถามผู้คนบนถนนด้วยว่าเห็นหนุ่มหล่อสูงราว ๆ ร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร สวมชุดสีขาวเดินผ่านมาทางนี้บ้างไหม ทุกคนในสวนสาธารณะบอกว่าไม่เห็น จนสุดท้ายฉันก็เหนื่อยและหมดเรี่ยวแรง จึงเอนตัวนอนลงบนม้านั่งสะอาดในสวนสาธารณะ พลันตะโกนชื่อหลิวหลงถิงออกไปบนฟ้า ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ท่าทีของฉ
จะว่าไปช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเงินจริง ๆ ขนาดจะซื้อลิปสติกกับอายไลเนอร์ยังต้องขอหลิวหลงถิงซื้อเลย ดังนั้นฉันจึงถามเฟิ้งฉีเทียนด้วยน้ำเสียงกดดันว่า แน่ใจแล้วหรือ?“แน่นอน ข้าแน่ใจว่าจะทำเงินได้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปได้ไหม?”เมื่อเฟิ้งฉีเทียนพูดเช่นนี้ ฉันก็มองเขาอย่างเข้าใจทันที นั่นก็ชัดเจนไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการได้ แล้วคนอื่นจะยอมจ้างเขาได้อย่างไร?เมื่อเห็นว่าฉันดูถูกเขา เฟิ้งฉีเทียนจึงนั่งลงบนโต๊ะข้างหน้า พลางพูดกับฉันว่า “ยายแม่หมอตัวน้อย เจ้าช่วยรู้จักตัวตนของฉันให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยดูถูกข้าดีกว่า ข้าแค่เก่งเรื่องฮวงจุ้ยทั้งหมดบนโลกนี้ อย่างเช่นการวางตู้ปลาที่บ้าน แค่ข้ามองก็รู้แล้วว่าดีไม่ดีอย่างไร และข้าสามารถติดต่อกับพลังตำแหน่งที่ตั้งได้อีกด้วย ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าจัดการผี คงต้องพึ่งหลิวหลงถิงเก่งเสียมากกว่า เมื่อถึงเวลาจัดการเราก็จะจัดการมันเอง แต่หากเราจัดการไม่ได้ เราจะไปหาหลิวหลงถิง”ที่เฟิ้งฉีเทียนพูดมามันก็ถูก อย่างไรเสียหากไม่ได้จริง ๆ ก็ยังไปหาหลิวหลงถิงได้ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเอื้อมมือออกไปแปะมือสัญญากับเขา แต่ดันลืมไปว
แม้ว่าฉันจะนำหน้ากากผีตุนโข่วทั้งห้านี้มาด้วย แต่พอมีเวลาฉันต้องอยู่บ้านฝึกท่าเต้น มีท่าเต้นมากมายที่ฉันยังคิดไม่ออก หากทั้งหมดนี้ผิดพลาดแล้วฉันจะทำอย่างไร? และในคืนนี้ฉันก็ต้องแสดงแล้ว ถ้าต้องมาเสียเวลาจัดการกับมัน อย่างนั้นค่อยเป็นวันพรุ่งนี้แล้วกันฉันบอกเรื่องที่คิดกับเฟิงฉีเทียน ทันใดนั้นเฟิ้งฉีเทียนก็เขกเข้าที่กบาลฉัน “เจ้านี่โง่จัง คืนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด หากเจ้ามาแสดง หลิวหลงถิงก็จะมาด้วย ตกลงเจ้าจะเต้นอะไรหรือไม่เต้น? การเต้นของเทพนี้ก็เหมือนการร่ายรำ วิญญาณเหล่านั้นไม่มีฝีมืออะไร เจ้าแค่เต้นของเจ้าไป ขับไล่พวกเขาออกจากที่นี่ไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องกลัว หลิวหลงถิงดูเจ้าอยู่จากหน้าเวที มีเขาอยู่ด้วยเจ้าจะกลัวอะไร? ตอนนี้มีเขาปกป้องเราอยู่ และเรายังสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าอีก เป็นการยิงนกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวไง โคตรเจ๋งเลย!”เห็นเฟิ้งฉีเทียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ฉันจึงดุเขา บอกให้ระวังให้หน่อย ทว่ายังไม่รอให้เงินถึงมือ หลิวหลงถิงก็ค้นพบแผนในใจของฉันกับเฟิ้งฉีเทียนแล้ว งั้นแผนที่เราวางไว้ก็เสียเปล่าเฟิ้งฉีเทียนนั่งส่งมือบอกว่าโอเคให้ฉันอย่างภูมิใจ พลางเอ่ยว่าไม่มีปัญหา เรื่
เสียงปรบมือทำให้งงไปหมด นี่พวกเขากำลังชมว่าฉันเต้นเก่งหรอ? หรือคนเหล่านี้ถูกหลิวหลงถิงและเฟิ้งฉีเทียนซื้อมา อย่าบอกนะว่าพวกเขากลัวฉันจะอายและเสียศักดิ์ศรี เลยซื้อใจทุกคนให้ช่วยปรบมือเพื่อฉัน?อาจารย์หลายคนลุกขึ้นจากเวทีมาหาฉัน และขอให้นักเรียนด้านหลังรอครู่หนึ่ง ฉันเอาหน้ากากผีตุนโข่วทั้งห้าออกจากหน้า แล้วพูดสิ่งดี ๆ กับครู จากนั้นครูก็ชมเกี่ยวกับการร่ายรำของฉันว่านั่นวิเศษมากจริง ๆ ด้วยลักษณะพิเศษที่เป็นที่รู้จัก และเนื้อหามากมายเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงถามฉันว่าการร่ายรำนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร?ครูเหล่านี้เป็นครูสอนเต้นที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยของเรา เมื่อพวกเขาถามฉันแบบนี้ ฉันก็รู้สึกประหม่าทันที คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นการร่ายรำของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรอก! ร่างบางนิ่งคิดพลันกล่าวอย่างเขิลอายว่า “เทพเจ้าร่ายรำ”“เทพเจ้าร่ายรำ? เธอมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?” ครูหนุ่มที่ดูเหมือนอายุยี่สิบหก ยี่สิบเจ็ดถามฉัน และฉันพยักหน้าให้เขา “ฉันด้วย เธออยู่ที่ไหนของตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?”ฉันบอกครูผู้ชายถึงที่ตั้งของบ้านเกิด ไม่นานครูผู้ชายก็หัวเราะกับครูผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ
ของจากครูเว่ยฉงเหรอ? ครูที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับฉันเมื่อคืนวานใช่ไหม? ฉันมองดูช่อกุหลาบที่แดงในมือเพื่อนนักเรียนหญิง กุหลาบนี้ไม่ใช่ไว้สำหรับส่งให้คู่รักเหรอ? แม้ว่าครูเว่ยฉงจะชอบการร่ายรำของฉันเมื่อคืนนี้ เขาก็ไม่น่าจะตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบ นอกจากนี้เพื่อนนักเรียนและครูในมหาวิทยาลัยต้องรักษาระยะห่างไว้พอสมควร ทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่กลัวถูกนินทาหรือไง?ฉันหาข้ออ้างเพื่อบอกนักเรียนหญิงในชั้นเรียนไม่กี่คนไปว่าดอกไม้ไม่ใช่ของฉัน บอกพวกเขาอย่าคิดมาก เมื่อได้ยินที่ฉันบอก พวกเธอดันขยิบตาใส่ฉันและบอกว่าไม่เชื่อ พร้อมเอ่ยว่าเงื่อนไขของครูเว่ยไม่เลวเลยนะ แถมยังบอกให้ฉันตามครูเว่ยฉงไป ไม่อย่างนั้นก็โยนสิทธิ์นั้นให้พวกเธอแทนฉันเหลือบมองพวกเธอและบอกว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ แต่ดูจากหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเหล่านั้น คาดว่าพวกเขาคงเอาเรื่องนี้มาจากเหยาน่าและคนอื่น ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็ยังทำตัวปกติ ไม่มีใครสูญเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่เพียงเพราะมีคนจากไปหลังจากเสียงกริ่งของชั้นเรียนดังขึ้น ครูขอให้เราสร้างโมเดลเอนิเมชั่นด้วยตัวเอง และหลังจากมอบหมายงานให้เรา เธอก็ออกไป ตอนนี้พวกเราก็