ฉันตามหาบนท้องถนนมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวหลงถิงเลย เมื่อกลางวันฉันไม่ได้กินอะไรมากนัก และตอนนี้ก็ทุ่มสองทุ่มแล้ว ตอนฉันออกมา ก็ไม่ได้นำเงินมาด้วย แต่ความจริงแล้วฉันก็ไม่มีเงินแหละ ตอนนี้ฉันทั้งหิวทั้งกระหายน้ำ หลิวหลงถิงช่วยทำตัวเปิดเผยเหมือนฉันหน่อยได้ไหม อย่างเมื่อตอนกลางวันที่เขามัวแต่สนใจเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของศพหญิงในโลงศพ ฉันหึงมาก ฉันยังถามเขาออกไปอย่างเปิดเผยเลยถ้าหลิวหลงถิงถามฉันอย่างเปิดเผยว่าตอนนั้นฉันรู้สึกอย่างไร ฉันจะอธิบายว่าเมื่อครู่มันเป็นแค่การกอดกันระหว่างเพื่อน และไม่มีความหมายอื่นใด อีกทั้งอยากบอกเขาว่าอย่าไปคิดมาก ตอนนี้ฉันหาเขาในที่ในมืด ๆ ที่นี่คนเดียว เขาไม่กลัวว่าฉันจะเจอพวกอันธพาลบ้างเหรอ?ฉันเลี้ยวเข้าไปในสวนสาธารณะ และยังคงหาเขาไปเกือบครึ่งสวน นอกจากนี้ฉันยังถามผู้คนบนถนนด้วยว่าเห็นหนุ่มหล่อสูงราว ๆ ร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร สวมชุดสีขาวเดินผ่านมาทางนี้บ้างไหม ทุกคนในสวนสาธารณะบอกว่าไม่เห็น จนสุดท้ายฉันก็เหนื่อยและหมดเรี่ยวแรง จึงเอนตัวนอนลงบนม้านั่งสะอาดในสวนสาธารณะ พลันตะโกนชื่อหลิวหลงถิงออกไปบนฟ้า ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ท่าทีของฉ
จะว่าไปช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเงินจริง ๆ ขนาดจะซื้อลิปสติกกับอายไลเนอร์ยังต้องขอหลิวหลงถิงซื้อเลย ดังนั้นฉันจึงถามเฟิ้งฉีเทียนด้วยน้ำเสียงกดดันว่า แน่ใจแล้วหรือ?“แน่นอน ข้าแน่ใจว่าจะทำเงินได้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปได้ไหม?”เมื่อเฟิ้งฉีเทียนพูดเช่นนี้ ฉันก็มองเขาอย่างเข้าใจทันที นั่นก็ชัดเจนไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการได้ แล้วคนอื่นจะยอมจ้างเขาได้อย่างไร?เมื่อเห็นว่าฉันดูถูกเขา เฟิ้งฉีเทียนจึงนั่งลงบนโต๊ะข้างหน้า พลางพูดกับฉันว่า “ยายแม่หมอตัวน้อย เจ้าช่วยรู้จักตัวตนของฉันให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยดูถูกข้าดีกว่า ข้าแค่เก่งเรื่องฮวงจุ้ยทั้งหมดบนโลกนี้ อย่างเช่นการวางตู้ปลาที่บ้าน แค่ข้ามองก็รู้แล้วว่าดีไม่ดีอย่างไร และข้าสามารถติดต่อกับพลังตำแหน่งที่ตั้งได้อีกด้วย ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าจัดการผี คงต้องพึ่งหลิวหลงถิงเก่งเสียมากกว่า เมื่อถึงเวลาจัดการเราก็จะจัดการมันเอง แต่หากเราจัดการไม่ได้ เราจะไปหาหลิวหลงถิง”ที่เฟิ้งฉีเทียนพูดมามันก็ถูก อย่างไรเสียหากไม่ได้จริง ๆ ก็ยังไปหาหลิวหลงถิงได้ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเอื้อมมือออกไปแปะมือสัญญากับเขา แต่ดันลืมไปว
แม้ว่าฉันจะนำหน้ากากผีตุนโข่วทั้งห้านี้มาด้วย แต่พอมีเวลาฉันต้องอยู่บ้านฝึกท่าเต้น มีท่าเต้นมากมายที่ฉันยังคิดไม่ออก หากทั้งหมดนี้ผิดพลาดแล้วฉันจะทำอย่างไร? และในคืนนี้ฉันก็ต้องแสดงแล้ว ถ้าต้องมาเสียเวลาจัดการกับมัน อย่างนั้นค่อยเป็นวันพรุ่งนี้แล้วกันฉันบอกเรื่องที่คิดกับเฟิงฉีเทียน ทันใดนั้นเฟิ้งฉีเทียนก็เขกเข้าที่กบาลฉัน “เจ้านี่โง่จัง คืนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด หากเจ้ามาแสดง หลิวหลงถิงก็จะมาด้วย ตกลงเจ้าจะเต้นอะไรหรือไม่เต้น? การเต้นของเทพนี้ก็เหมือนการร่ายรำ วิญญาณเหล่านั้นไม่มีฝีมืออะไร เจ้าแค่เต้นของเจ้าไป ขับไล่พวกเขาออกจากที่นี่ไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องกลัว หลิวหลงถิงดูเจ้าอยู่จากหน้าเวที มีเขาอยู่ด้วยเจ้าจะกลัวอะไร? ตอนนี้มีเขาปกป้องเราอยู่ และเรายังสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าอีก เป็นการยิงนกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวไง โคตรเจ๋งเลย!”เห็นเฟิ้งฉีเทียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ฉันจึงดุเขา บอกให้ระวังให้หน่อย ทว่ายังไม่รอให้เงินถึงมือ หลิวหลงถิงก็ค้นพบแผนในใจของฉันกับเฟิ้งฉีเทียนแล้ว งั้นแผนที่เราวางไว้ก็เสียเปล่าเฟิ้งฉีเทียนนั่งส่งมือบอกว่าโอเคให้ฉันอย่างภูมิใจ พลางเอ่ยว่าไม่มีปัญหา เรื่
เสียงปรบมือทำให้งงไปหมด นี่พวกเขากำลังชมว่าฉันเต้นเก่งหรอ? หรือคนเหล่านี้ถูกหลิวหลงถิงและเฟิ้งฉีเทียนซื้อมา อย่าบอกนะว่าพวกเขากลัวฉันจะอายและเสียศักดิ์ศรี เลยซื้อใจทุกคนให้ช่วยปรบมือเพื่อฉัน?อาจารย์หลายคนลุกขึ้นจากเวทีมาหาฉัน และขอให้นักเรียนด้านหลังรอครู่หนึ่ง ฉันเอาหน้ากากผีตุนโข่วทั้งห้าออกจากหน้า แล้วพูดสิ่งดี ๆ กับครู จากนั้นครูก็ชมเกี่ยวกับการร่ายรำของฉันว่านั่นวิเศษมากจริง ๆ ด้วยลักษณะพิเศษที่เป็นที่รู้จัก และเนื้อหามากมายเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงถามฉันว่าการร่ายรำนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร?ครูเหล่านี้เป็นครูสอนเต้นที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยของเรา เมื่อพวกเขาถามฉันแบบนี้ ฉันก็รู้สึกประหม่าทันที คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นการร่ายรำของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรอก! ร่างบางนิ่งคิดพลันกล่าวอย่างเขิลอายว่า “เทพเจ้าร่ายรำ”“เทพเจ้าร่ายรำ? เธอมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?” ครูหนุ่มที่ดูเหมือนอายุยี่สิบหก ยี่สิบเจ็ดถามฉัน และฉันพยักหน้าให้เขา “ฉันด้วย เธออยู่ที่ไหนของตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?”ฉันบอกครูผู้ชายถึงที่ตั้งของบ้านเกิด ไม่นานครูผู้ชายก็หัวเราะกับครูผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ
ของจากครูเว่ยฉงเหรอ? ครูที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับฉันเมื่อคืนวานใช่ไหม? ฉันมองดูช่อกุหลาบที่แดงในมือเพื่อนนักเรียนหญิง กุหลาบนี้ไม่ใช่ไว้สำหรับส่งให้คู่รักเหรอ? แม้ว่าครูเว่ยฉงจะชอบการร่ายรำของฉันเมื่อคืนนี้ เขาก็ไม่น่าจะตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบ นอกจากนี้เพื่อนนักเรียนและครูในมหาวิทยาลัยต้องรักษาระยะห่างไว้พอสมควร ทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่กลัวถูกนินทาหรือไง?ฉันหาข้ออ้างเพื่อบอกนักเรียนหญิงในชั้นเรียนไม่กี่คนไปว่าดอกไม้ไม่ใช่ของฉัน บอกพวกเขาอย่าคิดมาก เมื่อได้ยินที่ฉันบอก พวกเธอดันขยิบตาใส่ฉันและบอกว่าไม่เชื่อ พร้อมเอ่ยว่าเงื่อนไขของครูเว่ยไม่เลวเลยนะ แถมยังบอกให้ฉันตามครูเว่ยฉงไป ไม่อย่างนั้นก็โยนสิทธิ์นั้นให้พวกเธอแทนฉันเหลือบมองพวกเธอและบอกว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ แต่ดูจากหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเหล่านั้น คาดว่าพวกเขาคงเอาเรื่องนี้มาจากเหยาน่าและคนอื่น ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็ยังทำตัวปกติ ไม่มีใครสูญเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่เพียงเพราะมีคนจากไปหลังจากเสียงกริ่งของชั้นเรียนดังขึ้น ครูขอให้เราสร้างโมเดลเอนิเมชั่นด้วยตัวเอง และหลังจากมอบหมายงานให้เรา เธอก็ออกไป ตอนนี้พวกเราก็
ผิวขาว ใบหน้างดงาม สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันนึกถึงหลิวหลงถิงในทันที ในใจคิดอยู่ว่า คงจะไม่ใช่ว่าเมื่อตอนยี่สิบปีก่อนที่หลิวหลงถิงเป็นคนนำภรรยาของเขามาให้แม่ฉันกิน เพื่อให้แม่รักษาฉันไว้ไม่ให้ฉันตายหรอกนะ!แต่ว่าเมื่อลองครุ่นคิดดูก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพื่อที่จะยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าคนคนนี้เป็นใคร ฉันจึงบอกให้แม่ของฉันเล่ารายละเอียดให้ละเอียดกว่านี้อีกทีแม่ฉันนึกอยู่ครู่หนึ่ง จึงบอกกับฉัน “ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว เกือบลืมไปหมดแล้ว จำได้แค่เขาดูดีสวมชุดสีขาว ตอนนั้นที่แม่กับพ่อของลูกเห็นเขา ยังนึกว่าเขาเป็นเทพที่สวรรค์ส่งลงมาช่วยเหลือลูก ทว่าหลังจากครั้งนั้น ก็ไม่เคยพบเห็นอีกเลย เขาสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่า ๆ ส่วนดวงตา...”ฉันเห็นว่าแม่เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง จึงรีบบอกกับแม่ “ถ้าอย่างนั้นแม่รอฉันครู่เดียว ฉันจะส่งรูปให้แม่ช่วยดูว่าเป็นคนนี้ใช่หรือเปล่า”ตอนที่คุยเสร็จ ก็วางสาย พลันค้นหารูปภาพที่เคยถ่ายกับหลิวหลงถิงไว้ก่อนหน้าในมือถือ จากนั้นก็ส่งไปให้แม่หลังจากแม่ได้ดูรูปภาพของฉัน รอประมาณสองสามนาที แม่จึงโทรศัพท์มาแล้วบอกกับฉัน “จิ้งจิ้ง คนที่อยู่ในรูปคือใคร? ผู้ชายคนนี้กับผู้มีพระคุณ
ตอนที่หลิวหลงถิงเขาพูดเรื่องนี้กับฉัน เขาโกรธจนถึงขีดสุดและไม่ให้เวลาฉันได้พูดเลยด้วยซ้ำ เขาใช้มือจับคอเสื้อฉันแล้วผลักร่างลงไปที่โซฟา มือหนาบีบแก้มฉันจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าดุร้ายแนบ อยู่ข้างใบหูของฉัน พลันบอกกับฉันด้วยความโหดเหี้ยม “ก่อนหน้านี้เธอก็รังเกียจที่ฉันสกปรกไม่คู่ควรกับเธอไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะแสดงให้เธอเห็นว่า ความทุกข์ทรมานที่ถูกสิ่งที่สกปรกพัวพันแบบตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง!”เสื้อคลุมบนตัวของฉันถูกหลิวหลงถิงถอดออก เขาอุ้มฉันเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดไม่จา ก่อนวางฉันลงที่แท่นอ่างลางมือที่มีกระจกใบใหญ่ในห้องน้ำ เขาพูดอย่างเอาแต่ใจแล้วก็เริ่มจูบฉัน จากนั้นใช้มือออกแรงกดให้ฉันอยู่บนแท่น ประคองใบหน้าฉันให้จ้องมองเขาในกระจก... “เป็นยังไง? ถ้าหากจากนี้เธอนึกถึงที่ฉันเหยียดหยามเธอขนาดนี้ เธอคงจะอยากแทงฉันให้ตายเลยใช่ไหม?” หลิวหลงถิงแสยะยิ้มให้ฉันในกระจก และยังบังคับให้ฉันมองเขาในกระจกอยู่ตลอดอันที่จริง ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหลิงหลงถิงพูดเรื่องอะไร? เหมือนว่าเขาบอกรักฉัน แต่เหมือนฉันดูถูกเขา ดังนั้นเขาเลยมาแก้แค้นฉัน แต่ฉันรู้จักเขาครั้งแรกเมื่ออายุได้แปดขวบ ตอนอายุแปด
“ถ้าอย่างนั้นสามีในชาติก่อนของฉันคือใคร?” ฉันถามหลิวหลงถิงหลิวหลงถิงดูเหมือนไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่ว่าฉันก็ถามอีกครั้ง เขาเอียงศีรษะบอกกับฉันอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อย “ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ในชาตินี้เป็นได้แค่ฉันเท่านั้น ในเมื่อเธอบอกว่ารักฉันแล้ว ฉันจะไม่อนุญาตให้เธอถามเรื่องในอดีตอีก ได้ยินไหม?”หลิวหลงถิงนี่ก็จริง ๆ เลย เขาพูดเยอะขนาดนี้แล้ว ฉันจะขอถามอีกหน่อยก็ไม่ได้ ทว่าตอนนี้ก็ถือว่ายืนยันความสัมพันธ์กับเขาอย่างเป็นทางการ และฉันตอบรับเขาไปแล้วว่าจะไม่ถามเรื่องในอดีตอีกพอได้ยินฉันพูด หลิวหลงถิงจึงเริ่มปฏิบัติต่อฉันอย่างอ่อนโยน พลางเอ่ยคำรักหวานชวนขนลุกข้างหูฉัน ถามฉันว่าชอบเขาตรงไหน?การชอบคนคนหนึ่งจะต้องบอกเหตุผลอย่างชัดเจนด้วยเหรอว่าชอบเขาตรงไหน? ฉันจึงบอกว่าฉันไม่รู้ ฉันชอบทั้งหมดของร่างกายเขา“ในเมื่อเธอชอบทุกส่วนของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็สัมผัสหน่อยสิ ทำให้ฉันรู้ว่าเธอรักทุกส่วนของร่างกายฉันจริง ๆ” ตอนที่หลิวหลงถิงพูด เขาก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดนอนทีละเม็ด เขาสอนวิธีให้ฉันพิชิตเขาเวลาเช้าตรู่ นอกหน้าต่างมีแสงแดดจากดวงตะวันที่พึ่งสาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ภายในห้องสว่างจ้าหลิ